-
-
บอกเผื่อคนไม่เคยดูซีรีส์ผ่านมา, ชื่อกระทู้ รวมถึงเนื้อหาบางส่วนจาก
บทสัมภาษณ์ของสจ๊วต บีทตี้ (Stuart Beattie)
หนึ่งในบุคคล ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เขียนบท Obi-Wan Kenobi, จากเว็บไซต์ต่างประเทศ (
the direct) นี้
ไม่ถือเป็นสปอยล์ของซีรีส์, เนื่องจากกล่าวถึงสิ่งที่ มิได้โดนถ่ายทอดสู่คอนเทนท์บนช่องสตรีมมิ่ง
-
อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์หลักที่ไปแปลมา คือเพราะต้องการทราบ
ความรู้สึกจากคนอื่นๆ ซึ่งรับชมผลงานดังกล่าวจบแล้ว (ถ้ายังมีใครสนใจ ใคร่แสดงความเห็นน่ะนะ)
ฉะนั้นจึงขออนุญาตกำหนดว่า อยากให้ผู้แสดงความคิดเห็น
สามารถสปอยล์จัดเต็ม แค่ไหนก็ได้นะครับ
-
-
อย่างที่คงรู้กันทั้งบางแล้วว่า ณ ช่วงเวลาระหว่างภาพยนตร์ Star Wars สองไตรภาค (Episode I-III กับ Episode IV-VI)
โอบีวัน เคโนบี (ยวน แม็คเกรเกอร์) ปะทะกะอนาคิน สกายวอล์คเกอร์
หรือพ่อดาร์ธเวเดอร์ (เฮย์เดน คริสเตนเซ่น) นอกรอบ
ประเด็นเรื่องผลการต่อสู้ ขอกั๊กอีกนิด, เรามาเริ่มกันด้วยเหตุผลที่ สจ๊วต บีทตี้ (Stuart Beattie) ใช้กล่อมลูคัสฟิล์ม
ให้ยอมเปิดไฟเขียวแก่โครงการ Obi-Wan Kenobi (ที่เดิมทีจะทำเป็นภาพยนตร์) ซะก่อน
-
"ผมแชร์แนวคิดสุดโต่งกับพวกเขาว่า โอบีวันต้องเคยปลีกตัวจากทาทูอีน ระหว่างช่วง 19 ปีที่ว่างเปล่า
ผมสำทับว่า, และโอบีวันต้องได้เผชิญหน้า กะดาร์ธเวเดอร์ซ้ำ ในช่วงนั้น
พวกเขาก็แบบ 'เอ้ย, ไม่มีทางอะ'... ผมตอบ 'มีทางสิ เป็นยังงั้นแน่นอน'
-
พวกเขาออกอาการฉงน, ผมจึงอธิบายว่า ก็ใน Return of the Jedi ลุคได้มอบตัวกะเวเดอร์ใช่ปะ แถมพูดว่าความดีหลงเหลือในตัวพ่อด้วย
เวเดอร์ตอบลูกว่า 'โอบีวันเคยเชื่อ แบบเดียวกับเจ้า'
ผมชี้เป้าพวกเขาว่า โอบีวันไม่มีจังหวะให้คิดงั้นใน Revenge of the Sith
ตอนโอบีวันเยือนมุสตาฟาร์ เขาแค่เปิดศึกกับลูกศิษย์ เสร็จแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายตาย
ทางลูคัสฟิล์มเลยว่า 'โอ้ พระเจ้า, คุณพูดถูก, คุณมีเหตุผลนะเนี่ย'
-
-
แพดแม่กล่าวแก่ [โอบีวัน] ขณะที่หล่อนใกล้ตายในอ้อมแขนหมอนั่น ว่า 'ยังเหลือความดีในตัวเขา'
และอย่าลืมละตอนนั้น โอบีวันเชื่อว่าอนาคินซี้แหงแก๋, เขาหลงนึกว่าตัวเองฆ่าน้องชายมาตลอด
-
ต่อมาปรากฏว่าแพดเม่ผิด, และอนาคินยังมีชีวิต
แต่โอบีวันย่อมนึกว่า 'โอ้ พระเจ้า, บางทีเธออาจคิดถูก เขาหลงเหลือความดีอยู่'
ทีนี้เวเดอร์จะรู้ว่าโอบีวัน คิดแบบไหนกับตัวเองได้ยังไง ? (ถ้าระหว่างสองไตรภาคไม่เจอกัน)
ประโยคของลุคจาก Return of the Jedi จูงใจพวกเขา ให้จ้างผมแต่งเรื่องราว"
-
-
เมื่อกล่าวถึงเวเดอร์ เวอร์ชั่นของเค้า, บีทตี้เล่าว่า "หมกมุ่นกับเคโนบี" และ "หมกมุ่นกับความแค้น"
คขบ.(คนเขียนบท) เปิดเผยอีกว่าจักรพรรดิพัลพาทีน ในฉบับดั้งเดิม "มีบทตั้งแต่เริ่มเรื่อง"
-
"สำหรับผม, เวเดอร์ ณ ช่วงเวลานี้ เอาแต่หมกมุ่นกับเคโนบี หมกมุ่นกับความเคียดแค้น
อยากฟาดไลท์เซเบอร์ใส่อาจารย์เก่าแน่ หากได้เจอหน้า และจะไม่ยอมให้อะไรมาฉุดรั้ง
เวเดอร์อยากฆ่าโอบีวันเต็มแก่ แต่ในหนังของผม เขาจะโดนจักรพรรดิเบรคตั้งกะต้น
'ลืมเคโนบี ลืมเคโนบีซะ, จงละทิ้งความรู้สึกของอนาคิน และจดจ่อที่ปัจจุบัน, เรายังมีอีกสารพัดปัญหาให้จัดการ'
แต่เวเดอร์ก็ไม่สามารถ ปล่อยวางได้"
-
-
ตอนจบของบทดั้งเดิม จึงจัดให้เวเดอร์เชื่อว่า โอบีวันถึงแก่กรรม
จนท่านลอร์ดซิธถึงกับช็อค เมื่อเห็นเต็มสองตา ว่าอาจารย์ยังอยู่ใน A New Hope:
-
"ในบทผม, เขาเชื่อว่าเคโนบีตายตอนจบ
เวเดอร์เลยสามารถ ปลดเปลื้องความอาฆาตสำเร็จ ในท้ายที่สุด
และหันไปจดจ่อกับการใช้หมัดเหล็ก ปกครองกาแล็คซี่ต่อ
เพราะดูเหมือนว่าใน [A New Hope] เวเดอร์ค่อนข้างช็อคตอนเอ่ยว่า 'ข้าสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง, ข้าไม่ได้รู้สึกแบบนี้ตั้งแต่...'
เหตุผลที่คนเราหยุดจ้อกับตัวเองคือ ? ใช่ครับ เมื่อคุณตกใจอย่างหนัก"
-
-
บีทตี้สาธยายต่อ เขานำเสนอข้อคิดว่า "หนทางเดียวที่เวเดอร์จะหยุด" เหรอ ? นั่นคือเมื่อ "เชื่อว่าเคโนบีม่องเท่ง" เท่านั้นหรอก:
-
"ผมปักใจเชื่อเสมอมา ว่าจังหวะนั่นเวเดอร์ตระหนัก เรื่องใครยังอยู่, จากนั้นตกตะลึง
ฉากถัดมาที่คุยกับทาร์คิน จึงได้อารมณ์ประมาณ
'หา? ไม่หรอก เขาตายแล้ว เขาซี้แหงแน่นอน' (แต่) ไม่, ไม่, ม่าย, ไอ้หมอนั่นรอด
ฉากดังกล่าวทำให้ผมฟันธง, คนอย่างเวเดอร์ไม่เลิกล่าเคโนบีชัวร์ หากไม่หลงผิดว่าเป้าหมายเดี้ยง"
-
-
มาถึงประเด็นหลัก การดวลครั้งตัดสินของโอบีวันกะเวเดอร์
เดิมทีจะเกิดบนสถานีอวกาศ (space station) และท่านลอร์ดซิธเป็นฝ่ายกำชัย
คขบ.เผยว่า "เวเดอร์ผลัก (โอบีวัน) ออก" หลุดขอบสถานี ทั้งคู่จึงโดนแยกขาด และไม่อาจตีกันต่อจนเสร็จ:
-
-
"ในบทผม, เวเดอร์ชนะ (ศึกนัดล้างตา) พวกเขาต่อสู้กันบนสถานีอวกาศ
ขณะสถานที่กำลังร่วงสู่ชั้นบรรยากาศ ของดาวเคราะห์ยักษ์ โอบีวันก็พลัดตก
เวเดอร์ผลักศัตรูออก และลงเอยที่พวกเขาโดนแยก, โดยเวเดอร์ไร้โอกาสค้นหาร่างฝ่ายหล่น
-
สำหรับทางโอบีวัน ก็คิดในใจว่า 'น้องชายข้าตายแล้วจริง ๆ เขาจากไปละ'
แต่ขณะที่ข้า หลุดพ้นจากความรู้สึกผิด ที่ไม่ได้ฆ่าเขาในอดีต
การที่เวเดอร์เป็นผู้สังหารอนาคิน ก็ทำให้รู้สึกพังทลาย แหลกสลายหนักมาก"
-
-
บีทตี้ชี้ว่า มันสำคัญนะที่มวยคู่นี้ ต้องโดนจับแยกก่อนรู้ผล
เนื่องจากถ้าให้โอบีวันมีโอกาสฆ่าเวเดอร์ เพื่อช่วยเหลือ "ชีวิตนับไม่ถ้วน" ได้ เขาจะทำ, เช่นเดียวกับเหล่าเจไดคนอื่น ๆ
คขบ.ยังระบุว่าบทฉบับภาพยนตร์ ตอกย้ำความอันตรายของเวเดอร์ไว้
โดยการโชว์ความเป็น "สุดยอดมือพิฆาตเจได" ตั้งกะในช่วงต้นด้วย:
-
"สำหรับผม, โอบีวันสังหารดาร์ธเวเดอร์แหง ถ้ามีโอกาส
คุณก็รู้ใช่ไหมว่า ถ้าลงมือซะจะช่วยชีวิตผู้คนได้นับไม่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจไดคนอื่น ๆ
ผมจึงเคยใส่ฉากเวเดอร์ เผชิญหน้าเจไดทีเดียว 5 คน, แล้วเจี๋ยนพวกนั้นเรียบ ไว้ตั้งกะต้นเรื่อง
เพื่อย้ำเตือนว่านี่คือ สุดยอดมือพิฆาตเจได
-
พวกอินควิซิเตอร์จะพยายาม จับกุมเหล่าเจได
แต่พ่อใหญ่เวเดอร์จะแทรก และเชือดสยองเจไดทั้งหมด เพื่อรีบจบงานรองแล้วไปต่องานหลัก (ล่าเคโนบี)"
-
-
คขบ.อธิบายด้วยว่า การที่โอบีวันได้เห็นหน้าสดอนาคิน ใต้หมวกเกราะของดาร์ธเวเดอร์, มันมีความหมายเช่นไร ?
-
"เมื่อเขาจ้องไปที่อนาคิน และอนาคินจ้องกลับ ชั่วขณะแรกโอบีวันจะดำริว่า
'หรือนี่คือช่วงเวลา ช่วยเหลือเพื่อน ดึงเขากลับมา และจบเรื่องทุกอย่าง'
อย่าลืมว่า ถ้าอนาคินยังอยู่ข้างใน และยอมหวนคืนสู่ด้านสว่าง
ความรู้สึกผิดโอบีวันย่อมหายเกลี้ยง และปัญหาทั้งหมดอาจยุติ
-
ก่อนหน้านี้โอบีวัน ทำได้เพียงเลือกแผน B คือรอลุคโต พลังตื่น และฝึกฝนให้กลายเป็นกำลังรบ, เพราะเขาเชื่อว่าอนาคินเท่งทึงเรียบร้อย
แต่จู่ๆ แผน A ที่ล้มเลิกไปแล้ว ก็กลับมาอยู่ในตัวเลือก
เนื่องจากหากดึงอนาคินกลับมาได้ ก็ไม่ต้องรออะไรจากลุค
และร่วมทางกับลูกศิษย์เก่า ไปเยี่ยมเยือนคุณพัลพาทีนเขาได้"
-
-
ทว่าโอกาสใช้พลังศิษย์อาจารย์, ขจัดต้นตอแห่งความชั่วร้าย มลายหายเมื่อโอบีวันตระหนัก
ว่าอนาคินคือคนละคนกับ ดาร์ธเวเดอร์
-
"เรื่องราวดั้งเดิมของผม ถูกปรุงแต่งขึ้นเพื่อชักจูงโอบีวัน สู่จุดนี้
ที่เขาปลดหมวกเกราะ หรือผ่ามันออกจนแตก ฝากรอยแผลเป็นบนหน้าเวเดอร์
ให้เขาเห็นใบหน้าแท้จริงของอนาคินตอนนี้ และตระหนักว่าเพื่อนซี้ในอดีตไม่อยู่แล้ว
-
-
เขาจะพูดว่า 'เหลือแค่เวเดอร์สินะ' เมื่อความเข้าใจแล่นปราดผ่านหัว
โอบีวันจะรู้ตัวว่าเวเดอร์, ทรยศและฆาตกรรม, บุรุษนามอนาคิน สกายวอล์คเกอร์
พวกนั้นทั้งสองไม่ถือว่า เป็นคนๆ เดียวกัน"
ตามบทดั้งเดิมเวเดอร์ชนะ ในศึกนัดล้างตา >>ตามคำให้การของผู้เขียนบท Obi-Wan Kenobi
-
บอกเผื่อคนไม่เคยดูซีรีส์ผ่านมา, ชื่อกระทู้ รวมถึงเนื้อหาบางส่วนจาก
บทสัมภาษณ์ของสจ๊วต บีทตี้ (Stuart Beattie)
หนึ่งในบุคคล ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เขียนบท Obi-Wan Kenobi, จากเว็บไซต์ต่างประเทศ (the direct) นี้
ไม่ถือเป็นสปอยล์ของซีรีส์, เนื่องจากกล่าวถึงสิ่งที่ มิได้โดนถ่ายทอดสู่คอนเทนท์บนช่องสตรีมมิ่ง
-
อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์หลักที่ไปแปลมา คือเพราะต้องการทราบ
ความรู้สึกจากคนอื่นๆ ซึ่งรับชมผลงานดังกล่าวจบแล้ว (ถ้ายังมีใครสนใจ ใคร่แสดงความเห็นน่ะนะ)
ฉะนั้นจึงขออนุญาตกำหนดว่า อยากให้ผู้แสดงความคิดเห็น
สามารถสปอยล์จัดเต็ม แค่ไหนก็ได้นะครับ
-
-
อย่างที่คงรู้กันทั้งบางแล้วว่า ณ ช่วงเวลาระหว่างภาพยนตร์ Star Wars สองไตรภาค (Episode I-III กับ Episode IV-VI)
โอบีวัน เคโนบี (ยวน แม็คเกรเกอร์) ปะทะกะอนาคิน สกายวอล์คเกอร์
หรือพ่อดาร์ธเวเดอร์ (เฮย์เดน คริสเตนเซ่น) นอกรอบ
ประเด็นเรื่องผลการต่อสู้ ขอกั๊กอีกนิด, เรามาเริ่มกันด้วยเหตุผลที่ สจ๊วต บีทตี้ (Stuart Beattie) ใช้กล่อมลูคัสฟิล์ม
ให้ยอมเปิดไฟเขียวแก่โครงการ Obi-Wan Kenobi (ที่เดิมทีจะทำเป็นภาพยนตร์) ซะก่อน
-
"ผมแชร์แนวคิดสุดโต่งกับพวกเขาว่า โอบีวันต้องเคยปลีกตัวจากทาทูอีน ระหว่างช่วง 19 ปีที่ว่างเปล่า
ผมสำทับว่า, และโอบีวันต้องได้เผชิญหน้า กะดาร์ธเวเดอร์ซ้ำ ในช่วงนั้น
พวกเขาก็แบบ 'เอ้ย, ไม่มีทางอะ'... ผมตอบ 'มีทางสิ เป็นยังงั้นแน่นอน'
-
พวกเขาออกอาการฉงน, ผมจึงอธิบายว่า ก็ใน Return of the Jedi ลุคได้มอบตัวกะเวเดอร์ใช่ปะ แถมพูดว่าความดีหลงเหลือในตัวพ่อด้วย
เวเดอร์ตอบลูกว่า 'โอบีวันเคยเชื่อ แบบเดียวกับเจ้า'
ผมชี้เป้าพวกเขาว่า โอบีวันไม่มีจังหวะให้คิดงั้นใน Revenge of the Sith
ตอนโอบีวันเยือนมุสตาฟาร์ เขาแค่เปิดศึกกับลูกศิษย์ เสร็จแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายตาย
ทางลูคัสฟิล์มเลยว่า 'โอ้ พระเจ้า, คุณพูดถูก, คุณมีเหตุผลนะเนี่ย'
-
แพดแม่กล่าวแก่ [โอบีวัน] ขณะที่หล่อนใกล้ตายในอ้อมแขนหมอนั่น ว่า 'ยังเหลือความดีในตัวเขา'
และอย่าลืมละตอนนั้น โอบีวันเชื่อว่าอนาคินซี้แหงแก๋, เขาหลงนึกว่าตัวเองฆ่าน้องชายมาตลอด
-
ต่อมาปรากฏว่าแพดเม่ผิด, และอนาคินยังมีชีวิต
แต่โอบีวันย่อมนึกว่า 'โอ้ พระเจ้า, บางทีเธออาจคิดถูก เขาหลงเหลือความดีอยู่'
ทีนี้เวเดอร์จะรู้ว่าโอบีวัน คิดแบบไหนกับตัวเองได้ยังไง ? (ถ้าระหว่างสองไตรภาคไม่เจอกัน)
ประโยคของลุคจาก Return of the Jedi จูงใจพวกเขา ให้จ้างผมแต่งเรื่องราว"
-
เมื่อกล่าวถึงเวเดอร์ เวอร์ชั่นของเค้า, บีทตี้เล่าว่า "หมกมุ่นกับเคโนบี" และ "หมกมุ่นกับความแค้น"
คขบ.(คนเขียนบท) เปิดเผยอีกว่าจักรพรรดิพัลพาทีน ในฉบับดั้งเดิม "มีบทตั้งแต่เริ่มเรื่อง"
-
"สำหรับผม, เวเดอร์ ณ ช่วงเวลานี้ เอาแต่หมกมุ่นกับเคโนบี หมกมุ่นกับความเคียดแค้น
อยากฟาดไลท์เซเบอร์ใส่อาจารย์เก่าแน่ หากได้เจอหน้า และจะไม่ยอมให้อะไรมาฉุดรั้ง
เวเดอร์อยากฆ่าโอบีวันเต็มแก่ แต่ในหนังของผม เขาจะโดนจักรพรรดิเบรคตั้งกะต้น
'ลืมเคโนบี ลืมเคโนบีซะ, จงละทิ้งความรู้สึกของอนาคิน และจดจ่อที่ปัจจุบัน, เรายังมีอีกสารพัดปัญหาให้จัดการ'
แต่เวเดอร์ก็ไม่สามารถ ปล่อยวางได้"
-
ตอนจบของบทดั้งเดิม จึงจัดให้เวเดอร์เชื่อว่า โอบีวันถึงแก่กรรม
จนท่านลอร์ดซิธถึงกับช็อค เมื่อเห็นเต็มสองตา ว่าอาจารย์ยังอยู่ใน A New Hope:
-
"ในบทผม, เขาเชื่อว่าเคโนบีตายตอนจบ
เวเดอร์เลยสามารถ ปลดเปลื้องความอาฆาตสำเร็จ ในท้ายที่สุด
และหันไปจดจ่อกับการใช้หมัดเหล็ก ปกครองกาแล็คซี่ต่อ
เพราะดูเหมือนว่าใน [A New Hope] เวเดอร์ค่อนข้างช็อคตอนเอ่ยว่า 'ข้าสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง, ข้าไม่ได้รู้สึกแบบนี้ตั้งแต่...'
เหตุผลที่คนเราหยุดจ้อกับตัวเองคือ ? ใช่ครับ เมื่อคุณตกใจอย่างหนัก"
-
-
บีทตี้สาธยายต่อ เขานำเสนอข้อคิดว่า "หนทางเดียวที่เวเดอร์จะหยุด" เหรอ ? นั่นคือเมื่อ "เชื่อว่าเคโนบีม่องเท่ง" เท่านั้นหรอก:
-
"ผมปักใจเชื่อเสมอมา ว่าจังหวะนั่นเวเดอร์ตระหนัก เรื่องใครยังอยู่, จากนั้นตกตะลึง
ฉากถัดมาที่คุยกับทาร์คิน จึงได้อารมณ์ประมาณ
'หา? ไม่หรอก เขาตายแล้ว เขาซี้แหงแน่นอน' (แต่) ไม่, ไม่, ม่าย, ไอ้หมอนั่นรอด
ฉากดังกล่าวทำให้ผมฟันธง, คนอย่างเวเดอร์ไม่เลิกล่าเคโนบีชัวร์ หากไม่หลงผิดว่าเป้าหมายเดี้ยง"
-
-
มาถึงประเด็นหลัก การดวลครั้งตัดสินของโอบีวันกะเวเดอร์
เดิมทีจะเกิดบนสถานีอวกาศ (space station) และท่านลอร์ดซิธเป็นฝ่ายกำชัย
คขบ.เผยว่า "เวเดอร์ผลัก (โอบีวัน) ออก" หลุดขอบสถานี ทั้งคู่จึงโดนแยกขาด และไม่อาจตีกันต่อจนเสร็จ:
-
"ในบทผม, เวเดอร์ชนะ (ศึกนัดล้างตา) พวกเขาต่อสู้กันบนสถานีอวกาศ
ขณะสถานที่กำลังร่วงสู่ชั้นบรรยากาศ ของดาวเคราะห์ยักษ์ โอบีวันก็พลัดตก
เวเดอร์ผลักศัตรูออก และลงเอยที่พวกเขาโดนแยก, โดยเวเดอร์ไร้โอกาสค้นหาร่างฝ่ายหล่น
-
สำหรับทางโอบีวัน ก็คิดในใจว่า 'น้องชายข้าตายแล้วจริง ๆ เขาจากไปละ'
แต่ขณะที่ข้า หลุดพ้นจากความรู้สึกผิด ที่ไม่ได้ฆ่าเขาในอดีต
การที่เวเดอร์เป็นผู้สังหารอนาคิน ก็ทำให้รู้สึกพังทลาย แหลกสลายหนักมาก"
-
-
บีทตี้ชี้ว่า มันสำคัญนะที่มวยคู่นี้ ต้องโดนจับแยกก่อนรู้ผล
เนื่องจากถ้าให้โอบีวันมีโอกาสฆ่าเวเดอร์ เพื่อช่วยเหลือ "ชีวิตนับไม่ถ้วน" ได้ เขาจะทำ, เช่นเดียวกับเหล่าเจไดคนอื่น ๆ
คขบ.ยังระบุว่าบทฉบับภาพยนตร์ ตอกย้ำความอันตรายของเวเดอร์ไว้
โดยการโชว์ความเป็น "สุดยอดมือพิฆาตเจได" ตั้งกะในช่วงต้นด้วย:
-
"สำหรับผม, โอบีวันสังหารดาร์ธเวเดอร์แหง ถ้ามีโอกาส
คุณก็รู้ใช่ไหมว่า ถ้าลงมือซะจะช่วยชีวิตผู้คนได้นับไม่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจไดคนอื่น ๆ
ผมจึงเคยใส่ฉากเวเดอร์ เผชิญหน้าเจไดทีเดียว 5 คน, แล้วเจี๋ยนพวกนั้นเรียบ ไว้ตั้งกะต้นเรื่อง
เพื่อย้ำเตือนว่านี่คือ สุดยอดมือพิฆาตเจได
-
พวกอินควิซิเตอร์จะพยายาม จับกุมเหล่าเจได
แต่พ่อใหญ่เวเดอร์จะแทรก และเชือดสยองเจไดทั้งหมด เพื่อรีบจบงานรองแล้วไปต่องานหลัก (ล่าเคโนบี)"
-
คขบ.อธิบายด้วยว่า การที่โอบีวันได้เห็นหน้าสดอนาคิน ใต้หมวกเกราะของดาร์ธเวเดอร์, มันมีความหมายเช่นไร ?
-
"เมื่อเขาจ้องไปที่อนาคิน และอนาคินจ้องกลับ ชั่วขณะแรกโอบีวันจะดำริว่า
'หรือนี่คือช่วงเวลา ช่วยเหลือเพื่อน ดึงเขากลับมา และจบเรื่องทุกอย่าง'
อย่าลืมว่า ถ้าอนาคินยังอยู่ข้างใน และยอมหวนคืนสู่ด้านสว่าง
ความรู้สึกผิดโอบีวันย่อมหายเกลี้ยง และปัญหาทั้งหมดอาจยุติ
-
ก่อนหน้านี้โอบีวัน ทำได้เพียงเลือกแผน B คือรอลุคโต พลังตื่น และฝึกฝนให้กลายเป็นกำลังรบ, เพราะเขาเชื่อว่าอนาคินเท่งทึงเรียบร้อย
แต่จู่ๆ แผน A ที่ล้มเลิกไปแล้ว ก็กลับมาอยู่ในตัวเลือก
เนื่องจากหากดึงอนาคินกลับมาได้ ก็ไม่ต้องรออะไรจากลุค
และร่วมทางกับลูกศิษย์เก่า ไปเยี่ยมเยือนคุณพัลพาทีนเขาได้"
-
-
ทว่าโอกาสใช้พลังศิษย์อาจารย์, ขจัดต้นตอแห่งความชั่วร้าย มลายหายเมื่อโอบีวันตระหนัก
ว่าอนาคินคือคนละคนกับ ดาร์ธเวเดอร์
-
"เรื่องราวดั้งเดิมของผม ถูกปรุงแต่งขึ้นเพื่อชักจูงโอบีวัน สู่จุดนี้
ที่เขาปลดหมวกเกราะ หรือผ่ามันออกจนแตก ฝากรอยแผลเป็นบนหน้าเวเดอร์
ให้เขาเห็นใบหน้าแท้จริงของอนาคินตอนนี้ และตระหนักว่าเพื่อนซี้ในอดีตไม่อยู่แล้ว
-
เขาจะพูดว่า 'เหลือแค่เวเดอร์สินะ' เมื่อความเข้าใจแล่นปราดผ่านหัว
โอบีวันจะรู้ตัวว่าเวเดอร์, ทรยศและฆาตกรรม, บุรุษนามอนาคิน สกายวอล์คเกอร์
พวกนั้นทั้งสองไม่ถือว่า เป็นคนๆ เดียวกัน"