โควิดวันนี้ ติดเชื้อใหม่ 2,257 'เสียชีวิต' สูงขึ้น 28 ราย
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3452609
โควิดวันนี้ ติดเชื้อใหม่ 2,257 ยอดเสียชีวิตสูงขึ้น 28 ราย
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม 2565 ดังนี้
ผู้ป่วยรายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) จำนวน 2,257 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 2,256 ราย
ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 1 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,329,746 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 2,120 ราย
หายป่วยสะสม 2,329,561 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
ผู้ป่วยกำลังรักษา 24,191 ราย
เสียชีวิต 28 ราย (ยอดเสียชีวิตวานนี้ 13 ก.ค. จำนวน 25 ราย)
เสียชีวิตสะสม 9,237 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ
รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 770 ราย
จับตาน้ำมันไทย! น้ำมันสิงคโปร์ดีดตัวแรง พุ่งทีเดียว 10 ดอลลาร์
https://ch3plus.com/news/economy/morning/300874
ราคาน้ำมันโลกปรับตัวขึ้นเล็กน้อย มาจาก 2 สาเหตุ คือ ปัจจัยเรื่องที่สหรัฐฯรายงานปริมาณน้ำมันดิบในคลังสัปดาห์ล่าสุด ปรับขึ้นมาเป็น 3.3 ล้านบาร์เรล ทำให้ลดความวิตกกังวลต่อปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลงได้บ้าง
แต่ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อของสหรัฐพบว่าพุ่งขึ้น 9.1% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่พฤศจิกายนปี 1981 จึงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่แรงขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ
ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลก มีดังนี้
- ตลาดไนเม็กซ์ นิวยอร์ก เพิ่มขึ้น 0.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 96.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
- ตลาดเบรนท์ ลอนดอน เพิ่มขึ้น 0.08 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 99.57 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
- น้ำมันกลั่นสำเร็จรูป สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 10.8 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 148.29 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
เพื่อไทย จี้ บิ๊กตู่ แก้ราคาไฟฟ้า แนะปรับโครงสร้างพลังงาน อย่าปล่อยให้เป็นแบบ 'ศรีลังกา'
https://www.matichon.co.th/politics/news_3452684
‘เพื่อไทย’ จี้ ‘บิ๊กตู่’ แก้ราคาไฟฟ้าสูง แนะ ปรับแก้โครงสร้างราคาไฟฟ้าและพลังงานทั้งหมด เร่งเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่จะมีการปรับขึ้นราคาค่าไฟฟ้าจากหน่วยละ 4 บาท เป็นหน่วยละ 5 บาทหรือสูงกว่า ในงวดเดือนกันยายนนั้น เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างมาก เพราะการขึ้นราคาค่าไฟฟ้ากว่า 25% จะเป็นภาระที่หนักอึ้งให้กับประชาชนที่แบกรับค่าใช้จ่าย และแบกรับค่าครองชีพที่พุ่งสูงอยู่แล้วให้พุ่งสูงขึ้นไปอีก อุตสาหกรรมก็ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าสูงมากขึ้น ต้นทุนสินค้ายิ่งสูงขึ้น และต้องขึ้นราคาสินค้าและบริการอีก ซึ่งจะยิ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อที่สูงอยู่แล้วจากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาที่เฟ้อสูงถึง 7.66% จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีกมาก ซึ่งการเพิ่มค่าไฟฟ้าสูงขนาดนั้นจะทำลายความสามารถแข่งขันของประเทศไทย เพราะจะเพิ่มต้นทุนค่าไฟฟ้าไปอีกมาก ทำให้การค้าการลงทุนจะยิ่งทรุดหนัก จึงอยากเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้ามาแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าที่กำลังจะพุ่งสูงนี้โดยด่วน
นาย
พชรกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ การผลิตไฟฟ้าของไทยผลิตจากก๊าซธรรมชาติถึงกว่า 60% โดยก๊าซธรรมชาติที่ไทยขุดและผลิตได้เองลดลงเหลือ 65% มีการนำเข้า 35% โดยนำเข้าจากเมียนมา 17% และนำเข้าก๊าซ LNG 18% โดยราคาก๊าซ LNG ได้พุ่งสูงขึ้นมาก ถึง 30 เหรียญสหรัฐ ผลมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน จึงทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น การที่ไทยผลิตก๊าซธรรมชาติในพื้นที่อ่าวไทยได้น้อยลงนี้ ซึ่งหากจำกันได้ตนออกมาเตือนตั้งแต่หลายเดือนก่อนแล้วว่า เกิดจากปัญหาความขัดแย้งของผู้ประมูลสัมปทานรายใหม่กับผู้ได้รับสัมปทานรายเดิม ในเรื่องการรื้อถอนแท่นขุดเจาะเมื่อหมดสัญญาสัมปทานโดยต่างฝ่ายต่างเกี่ยงกัน เพราะค่าใช้จ่ายรื้อถอนจะสูงมาก และอาจเสี่ยงมีเรื่องฟ้องร้องได้อีก ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุมาจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดของรัฐบาล ทำให้มีปัญหาไม่สามารถนำก๊าซธรรมชาติขึ้นมาได้มากเท่าที่ควร ทำให้ต้องนำเข้าก๊าซ LNG ที่มีราคาสูงมากในปริมาณที่มากขึ้น ทำให้การผลิตไฟฟ้าต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นมาก
นาย
พชรกล่าวอีกว่า ซึ่ง พล.อ.
ประยุทธ์ควรจะต้องหาข้อยุติข้อพิพาทในเรื่องนี้โดยเร็ว เพื่อจะได้มีการนำก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่มีราคาถูกกว่าขึ้นมาใช้ผลิตไฟฟ้าได้เพื่อลดต้นทุน และควรจะเร่งเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อน ไทย-กัมพูชา เพื่อนำก๊าซธรรมชาติที่มีราคาถูกขึ้นมาใช้แทนการนำเข้าก๊าซ LNG ที่มีราคาแพงเพื่อนำมาผลิตไฟฟ้า เพื่อให้ราคาค่าไฟฟ้าถูกลงได้อีก และยังสามารถแยกก๊าซเพื่อนำวัตถุดิบป้อนเข้าธุรกิจปิโตรเคมีได้ด้วย นอกจากนี้ ยังพบว่าประเทศไทยผลิตไฟฟ้าเกินความต้องการสูงถึงกว่า 50% ซึ่งทำให้ไทยต้องจ่ายค่าความพร้อมให้กับโรงงานผลิตไฟฟ้าที่สร้างเสร็จแล้วแต่ไม่ได้จ่ายไฟฟ้า เพราะผลิตเกินความต้องการ ซึ่งค่าความพร้อมนี้รวมอยู่ในค่า FT ของค่าไฟฟ้าด้วย และแม้จะมีการผลิตล้นเกิน แต่รัฐบาลก็ยังคงให้ใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ค่าความพร้อมเพิ่มสูงขึ้นมาก ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จึงต้องหยุดให้ใบอนุญาตการผลิตไฟฟ้าได้แล้ว และต้องเจรจาลดค่าความพร้อมลง เพื่อลดราคาค่าไฟฟ้าให้ลดลงมาได้
“ในภาวะที่ของแพงทั้งแผ่นดิน ทั้งน้ำมันแพงจากราคาน้ำมันดิบ ซ้ำเติมด้วยค่าการกลั่นและค่าการตลาดที่พุ่งสูง ราคาก๊าซหุงต้มแพงเพราะก๊าซที่ผลิตได้ถูกนำไปใช้ทำปิโตรเคมี และค่าไฟฟ้าแพงจากการต้องนำเข้าก๊าซ LNG เข้ามานี้ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องรู้ถึงสาเหตุและโครงสร้างราคาเพื่อหาทางแก้ไขให้ถูกทาง อย่าปล่อยให้บริษัทพลังงานเอาเปรียบ หรืออาจต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของบริษัทพลังงาน และตนเองก็ขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องพลังงานที่เป็นเรื่องซับซ้อน”
“หากแก้ไขไม่เป็น หรือแก้ไขไม่ได้ ก็ไม่ควรจะบริหารประเทศต่อไปแล้ว เพราะประชาชนจะยิ่งลำบากจากราคาพลังงานที่แพงและจะส่งผลให้ข้าวของแพงขึ้นไปอีก ซึ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์มีวิสัยทัศน์ที่ดีจริงต้องมองออกแล้วว่าตนเองไปไม่ไหว และควรจะต้องออกไปได้แล้ว เพราะปัญหาปัจจุบันเกินมือ และเกินความรู้ความสามารถของ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว รีบเปลี่ยนแปลงและอย่ารอปล่อยให้ประเทศไทยกลายเป็นเหมือนศรีลังกาเลย เพราะประเทศจะล้มละลายและจะสายเกินแก้” นายพชรกล่าว
JJNY : ติดเชื้อ2,257 'เสียชีวิต'สูงขึ้น28│น้ำมันสิงคโปร์ดีดตัวแรง│เพื่อไทยจี้ตู่แก้ราคาไฟฟ้า│ชัชชาติชวนฟังดนตรีฟรี 12งาน
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3452609
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม 2565 ดังนี้
ผู้ป่วยรายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) จำนวน 2,257 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 2,256 ราย
ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 1 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,329,746 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 2,120 ราย
หายป่วยสะสม 2,329,561 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
ผู้ป่วยกำลังรักษา 24,191 ราย
เสียชีวิต 28 ราย (ยอดเสียชีวิตวานนี้ 13 ก.ค. จำนวน 25 ราย)
เสียชีวิตสะสม 9,237 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ
รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 770 ราย
จับตาน้ำมันไทย! น้ำมันสิงคโปร์ดีดตัวแรง พุ่งทีเดียว 10 ดอลลาร์
https://ch3plus.com/news/economy/morning/300874
ราคาน้ำมันโลกปรับตัวขึ้นเล็กน้อย มาจาก 2 สาเหตุ คือ ปัจจัยเรื่องที่สหรัฐฯรายงานปริมาณน้ำมันดิบในคลังสัปดาห์ล่าสุด ปรับขึ้นมาเป็น 3.3 ล้านบาร์เรล ทำให้ลดความวิตกกังวลต่อปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลงได้บ้าง
แต่ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อของสหรัฐพบว่าพุ่งขึ้น 9.1% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่พฤศจิกายนปี 1981 จึงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่แรงขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ
ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลก มีดังนี้
- ตลาดไนเม็กซ์ นิวยอร์ก เพิ่มขึ้น 0.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 96.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
- ตลาดเบรนท์ ลอนดอน เพิ่มขึ้น 0.08 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 99.57 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
- น้ำมันกลั่นสำเร็จรูป สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 10.8 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 148.29 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
เพื่อไทย จี้ บิ๊กตู่ แก้ราคาไฟฟ้า แนะปรับโครงสร้างพลังงาน อย่าปล่อยให้เป็นแบบ 'ศรีลังกา'
https://www.matichon.co.th/politics/news_3452684
‘เพื่อไทย’ จี้ ‘บิ๊กตู่’ แก้ราคาไฟฟ้าสูง แนะ ปรับแก้โครงสร้างราคาไฟฟ้าและพลังงานทั้งหมด เร่งเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่จะมีการปรับขึ้นราคาค่าไฟฟ้าจากหน่วยละ 4 บาท เป็นหน่วยละ 5 บาทหรือสูงกว่า ในงวดเดือนกันยายนนั้น เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างมาก เพราะการขึ้นราคาค่าไฟฟ้ากว่า 25% จะเป็นภาระที่หนักอึ้งให้กับประชาชนที่แบกรับค่าใช้จ่าย และแบกรับค่าครองชีพที่พุ่งสูงอยู่แล้วให้พุ่งสูงขึ้นไปอีก อุตสาหกรรมก็ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าสูงมากขึ้น ต้นทุนสินค้ายิ่งสูงขึ้น และต้องขึ้นราคาสินค้าและบริการอีก ซึ่งจะยิ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อที่สูงอยู่แล้วจากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาที่เฟ้อสูงถึง 7.66% จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีกมาก ซึ่งการเพิ่มค่าไฟฟ้าสูงขนาดนั้นจะทำลายความสามารถแข่งขันของประเทศไทย เพราะจะเพิ่มต้นทุนค่าไฟฟ้าไปอีกมาก ทำให้การค้าการลงทุนจะยิ่งทรุดหนัก จึงอยากเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้ามาแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าที่กำลังจะพุ่งสูงนี้โดยด่วน
นายพชรกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ การผลิตไฟฟ้าของไทยผลิตจากก๊าซธรรมชาติถึงกว่า 60% โดยก๊าซธรรมชาติที่ไทยขุดและผลิตได้เองลดลงเหลือ 65% มีการนำเข้า 35% โดยนำเข้าจากเมียนมา 17% และนำเข้าก๊าซ LNG 18% โดยราคาก๊าซ LNG ได้พุ่งสูงขึ้นมาก ถึง 30 เหรียญสหรัฐ ผลมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน จึงทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น การที่ไทยผลิตก๊าซธรรมชาติในพื้นที่อ่าวไทยได้น้อยลงนี้ ซึ่งหากจำกันได้ตนออกมาเตือนตั้งแต่หลายเดือนก่อนแล้วว่า เกิดจากปัญหาความขัดแย้งของผู้ประมูลสัมปทานรายใหม่กับผู้ได้รับสัมปทานรายเดิม ในเรื่องการรื้อถอนแท่นขุดเจาะเมื่อหมดสัญญาสัมปทานโดยต่างฝ่ายต่างเกี่ยงกัน เพราะค่าใช้จ่ายรื้อถอนจะสูงมาก และอาจเสี่ยงมีเรื่องฟ้องร้องได้อีก ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุมาจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดของรัฐบาล ทำให้มีปัญหาไม่สามารถนำก๊าซธรรมชาติขึ้นมาได้มากเท่าที่ควร ทำให้ต้องนำเข้าก๊าซ LNG ที่มีราคาสูงมากในปริมาณที่มากขึ้น ทำให้การผลิตไฟฟ้าต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นมาก
นายพชรกล่าวอีกว่า ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ควรจะต้องหาข้อยุติข้อพิพาทในเรื่องนี้โดยเร็ว เพื่อจะได้มีการนำก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่มีราคาถูกกว่าขึ้นมาใช้ผลิตไฟฟ้าได้เพื่อลดต้นทุน และควรจะเร่งเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อน ไทย-กัมพูชา เพื่อนำก๊าซธรรมชาติที่มีราคาถูกขึ้นมาใช้แทนการนำเข้าก๊าซ LNG ที่มีราคาแพงเพื่อนำมาผลิตไฟฟ้า เพื่อให้ราคาค่าไฟฟ้าถูกลงได้อีก และยังสามารถแยกก๊าซเพื่อนำวัตถุดิบป้อนเข้าธุรกิจปิโตรเคมีได้ด้วย นอกจากนี้ ยังพบว่าประเทศไทยผลิตไฟฟ้าเกินความต้องการสูงถึงกว่า 50% ซึ่งทำให้ไทยต้องจ่ายค่าความพร้อมให้กับโรงงานผลิตไฟฟ้าที่สร้างเสร็จแล้วแต่ไม่ได้จ่ายไฟฟ้า เพราะผลิตเกินความต้องการ ซึ่งค่าความพร้อมนี้รวมอยู่ในค่า FT ของค่าไฟฟ้าด้วย และแม้จะมีการผลิตล้นเกิน แต่รัฐบาลก็ยังคงให้ใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ค่าความพร้อมเพิ่มสูงขึ้นมาก ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จึงต้องหยุดให้ใบอนุญาตการผลิตไฟฟ้าได้แล้ว และต้องเจรจาลดค่าความพร้อมลง เพื่อลดราคาค่าไฟฟ้าให้ลดลงมาได้
“ในภาวะที่ของแพงทั้งแผ่นดิน ทั้งน้ำมันแพงจากราคาน้ำมันดิบ ซ้ำเติมด้วยค่าการกลั่นและค่าการตลาดที่พุ่งสูง ราคาก๊าซหุงต้มแพงเพราะก๊าซที่ผลิตได้ถูกนำไปใช้ทำปิโตรเคมี และค่าไฟฟ้าแพงจากการต้องนำเข้าก๊าซ LNG เข้ามานี้ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องรู้ถึงสาเหตุและโครงสร้างราคาเพื่อหาทางแก้ไขให้ถูกทาง อย่าปล่อยให้บริษัทพลังงานเอาเปรียบ หรืออาจต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของบริษัทพลังงาน และตนเองก็ขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องพลังงานที่เป็นเรื่องซับซ้อน”
“หากแก้ไขไม่เป็น หรือแก้ไขไม่ได้ ก็ไม่ควรจะบริหารประเทศต่อไปแล้ว เพราะประชาชนจะยิ่งลำบากจากราคาพลังงานที่แพงและจะส่งผลให้ข้าวของแพงขึ้นไปอีก ซึ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์มีวิสัยทัศน์ที่ดีจริงต้องมองออกแล้วว่าตนเองไปไม่ไหว และควรจะต้องออกไปได้แล้ว เพราะปัญหาปัจจุบันเกินมือ และเกินความรู้ความสามารถของ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว รีบเปลี่ยนแปลงและอย่ารอปล่อยให้ประเทศไทยกลายเป็นเหมือนศรีลังกาเลย เพราะประเทศจะล้มละลายและจะสายเกินแก้” นายพชรกล่าว