คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
เราว่าลองคุยกับครู หรือ หา ร.ร.ที่อื่นที่บรรยากาศการเรียนการสอน ไม่เคร่งเครียด ครูใจดีมีเมตตา การเรียนเน้นแนวกิจกรรมไม่เน้นวิชาการ หาที่และบุคลากรโรงเรียนเหมาะสมกับบุคลิกและความสนใจของน้อง
ดูเหมือนน้องจะเป็นเด็ก sensitive จึงรู้สึกเครียด กดดัน ที่เรียนไม่ทัน ทำไม่ทันคนอื่น และยิ่งเจอครูดุอีก เด็กที่อ่อนไหวง่ายยิ่งรู้สึกเสียใจ รู้สึกว่าตัวเองด้อย ทำไม่ดีพอ
ครูเองก็แข็งกระด้าง ไม่มีวิธีปลอบหรือเข้าหาเด็ก การไล่ให้น้องไปอยู่คนเดียวนอกห้อง ยิ่งทำให้เด็กรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่
เรื่อง "ภาวะเครียด"ในเด็ก อย่ามองข้ามนะคะ อย่าบอกให้เด็กต้องเผชิญ ต้องอดทน เพราะการที่เค้าต้องแบกรับตวามรู้สึกเครียดมากๆ ส่งผลต่อสฃาพจิตใจ อารมณ์อละนิสัยของเด็กในระยะยาวได้
เรื่องที่ผู้ใหญ่มองว่าแค่นี้เองเล็กน้อย อาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเด็กคนนึง
สำหรับเรา ความรู้สึกลูกสำคัญที่สุด ถ้าลูกร้องไห้เป็นเดือน ไม่ปกติแล้วต่ะ เอาลูกออกมาพัก หยุดเรียนไปก่อน แล้วพาลูกไปเที่ยว ไปทำกิจกรรมที่เค้าสนใจ ลองไปดูหลายๆโรงเรียน คุยกับครูผู้สอนได้ยิ่งดี บางทีแค่เห็นหน้าคุยกับครูแค่ 5 นาทีก็พอดูออกแล่วว่าครูคนนี้ดุหรือใจดี ถ้าลูกเราไปเจอครูคนนี้ทั้งวันเป็นปีๆ ลูกเราจะโอเคมั๊ย
ลูกเราก็เป็นเด็ก sensitive ค่ะ เด็กกลุ่มนี้อ่อนไหวง่าย รู้สึกไว แต่เค้าจะอ่อนโยน คนที่อยู่กับเค้าต้องอ่อนโยนเช่นกัน ครู มี ผลมากต่อการเรียนรู้ของเด็กกลุ่มนี้
ความจริงแล้วครูผู้สอนมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก มากกว่าตัวโรงเรียน หมายความว่าต่อให้โรงเรียนดีแค่ไหน เด็กไปเจอครูที่ไม่มีจิตวิทยาในการสื่อสารกับเด็ก เด็กก็อาจเรียนรู้ได้ไม่ดีหรือได้ไม่เต็มที่ เด็กชอบใคร เด็กจะอยากเรียนรู้ และอยากเชื่อฟังครูคนนั้น ตรงข้าม เด็กไม่ชอบครูคนไหน หรือมีประสบการณ์ไม่ดีกับครู เค้าก็ไม่อยากฟัง ไม่อยากเจอหน้าครู
ครูดุ ครูที่แสดงออกว่าไม่ชอบเค้า เด็กรับรู้ได้ แล้วเค้าจะไม่อยากไปโรงเรียน ไม่อยากเรียน ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นที่ครูให้ทำ
พิจารณาพาน้องออกมาพัก ถ้าสภาพจิตใจเค้าย่ำแย่ยู่เค้าไม่มีอารมณ์เรียนรู้อะไรหรอกค่ะ ให้ไปร.ร.ทุกวันก็เหมือนเอาเค้าไปทรมานทุกวัน วันละหลายชั่วโมง
หาโรงเรียนแนวทางเลือก ร ร.ที่เน้นกิจกรรมหรือลงมือทำ หรือ ร.ร.วิถีพุทธ ร.ร.แนวนี้ครูจะค่อนข้างอ่อนโยน และเข้าใจเด็ก ลองดูนะคะ ตอนนี้ต้องเยียวยาจิตใจเค้า เรียกความเชื่อมั่น เรียกความสุขของลูกกลับคืนมาก่อนค่ะ
ช่วยลูกได้ ด้วยการที่ เทอม 2 ย้ายไปเรียนที่อื่นเลยค่ะ ก่อนไปเรียนลองถามแนวทางครูผู้สอนว่า เด็กที่ทำงานไม่ทัน หรือเด็กคนไหนทำผิดมีแนวทางการเตือนเด็กยังไง บอกเค้าเลยว่าลูกค่อนข้าง sensitive อยากหาโรงเรียนและครูที่เข้าใจเด็ก
สู้ๆนะคะ ความรู้สึกของลูกมาก่อน ต้องแคร์ลูกค่ะ ช่วยให้เค้าพ้นจากความทุกข์ตรงนี้โดยไวที่สุด ไม่งั้นส่งผลกระทบต่จิตใจเด็กระยะยาว อาจกลายเป็นเด็กเก็บกด เก็บตัว ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม
ดูเหมือนน้องจะเป็นเด็ก sensitive จึงรู้สึกเครียด กดดัน ที่เรียนไม่ทัน ทำไม่ทันคนอื่น และยิ่งเจอครูดุอีก เด็กที่อ่อนไหวง่ายยิ่งรู้สึกเสียใจ รู้สึกว่าตัวเองด้อย ทำไม่ดีพอ
ครูเองก็แข็งกระด้าง ไม่มีวิธีปลอบหรือเข้าหาเด็ก การไล่ให้น้องไปอยู่คนเดียวนอกห้อง ยิ่งทำให้เด็กรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่
เรื่อง "ภาวะเครียด"ในเด็ก อย่ามองข้ามนะคะ อย่าบอกให้เด็กต้องเผชิญ ต้องอดทน เพราะการที่เค้าต้องแบกรับตวามรู้สึกเครียดมากๆ ส่งผลต่อสฃาพจิตใจ อารมณ์อละนิสัยของเด็กในระยะยาวได้
เรื่องที่ผู้ใหญ่มองว่าแค่นี้เองเล็กน้อย อาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเด็กคนนึง
สำหรับเรา ความรู้สึกลูกสำคัญที่สุด ถ้าลูกร้องไห้เป็นเดือน ไม่ปกติแล้วต่ะ เอาลูกออกมาพัก หยุดเรียนไปก่อน แล้วพาลูกไปเที่ยว ไปทำกิจกรรมที่เค้าสนใจ ลองไปดูหลายๆโรงเรียน คุยกับครูผู้สอนได้ยิ่งดี บางทีแค่เห็นหน้าคุยกับครูแค่ 5 นาทีก็พอดูออกแล่วว่าครูคนนี้ดุหรือใจดี ถ้าลูกเราไปเจอครูคนนี้ทั้งวันเป็นปีๆ ลูกเราจะโอเคมั๊ย
ลูกเราก็เป็นเด็ก sensitive ค่ะ เด็กกลุ่มนี้อ่อนไหวง่าย รู้สึกไว แต่เค้าจะอ่อนโยน คนที่อยู่กับเค้าต้องอ่อนโยนเช่นกัน ครู มี ผลมากต่อการเรียนรู้ของเด็กกลุ่มนี้
ความจริงแล้วครูผู้สอนมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก มากกว่าตัวโรงเรียน หมายความว่าต่อให้โรงเรียนดีแค่ไหน เด็กไปเจอครูที่ไม่มีจิตวิทยาในการสื่อสารกับเด็ก เด็กก็อาจเรียนรู้ได้ไม่ดีหรือได้ไม่เต็มที่ เด็กชอบใคร เด็กจะอยากเรียนรู้ และอยากเชื่อฟังครูคนนั้น ตรงข้าม เด็กไม่ชอบครูคนไหน หรือมีประสบการณ์ไม่ดีกับครู เค้าก็ไม่อยากฟัง ไม่อยากเจอหน้าครู
ครูดุ ครูที่แสดงออกว่าไม่ชอบเค้า เด็กรับรู้ได้ แล้วเค้าจะไม่อยากไปโรงเรียน ไม่อยากเรียน ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นที่ครูให้ทำ
พิจารณาพาน้องออกมาพัก ถ้าสภาพจิตใจเค้าย่ำแย่ยู่เค้าไม่มีอารมณ์เรียนรู้อะไรหรอกค่ะ ให้ไปร.ร.ทุกวันก็เหมือนเอาเค้าไปทรมานทุกวัน วันละหลายชั่วโมง
หาโรงเรียนแนวทางเลือก ร ร.ที่เน้นกิจกรรมหรือลงมือทำ หรือ ร.ร.วิถีพุทธ ร.ร.แนวนี้ครูจะค่อนข้างอ่อนโยน และเข้าใจเด็ก ลองดูนะคะ ตอนนี้ต้องเยียวยาจิตใจเค้า เรียกความเชื่อมั่น เรียกความสุขของลูกกลับคืนมาก่อนค่ะ
ช่วยลูกได้ ด้วยการที่ เทอม 2 ย้ายไปเรียนที่อื่นเลยค่ะ ก่อนไปเรียนลองถามแนวทางครูผู้สอนว่า เด็กที่ทำงานไม่ทัน หรือเด็กคนไหนทำผิดมีแนวทางการเตือนเด็กยังไง บอกเค้าเลยว่าลูกค่อนข้าง sensitive อยากหาโรงเรียนและครูที่เข้าใจเด็ก
สู้ๆนะคะ ความรู้สึกของลูกมาก่อน ต้องแคร์ลูกค่ะ ช่วยให้เค้าพ้นจากความทุกข์ตรงนี้โดยไวที่สุด ไม่งั้นส่งผลกระทบต่จิตใจเด็กระยะยาว อาจกลายเป็นเด็กเก็บกด เก็บตัว ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม
แสดงความคิดเห็น
เด็กไปโรงเรียนแล้วนิสัยเปลี่ยนมาก
อะเข้าเรื่อง
ปกติลูกเป็นเด็กที่ไม่เคยกลัวผี กลัวความมืด หรือกลัวอะไรเลย เวลาสั่งของดึกๆ ให้ลูกลงไปเอาของเค้าก็ไม่เคยมีทีท่าว่ากลัว
ตอนเรียนอนุบาลยังไม่เป็นอะไร พอขึ้นป.1เรียนออนไลน์ ก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติ
แต่พอมาเรียนอินไซท์ก้ขึ้นป.2แล้ว
ตอนขึ้นป.2นี่ละครับสังเกตุว่าผิดแปลกหลายอย่าง ไปเรียนได้อาทิตย์เดียว ครูโทมาบอกน้องมีอะไรผิดปกติมั้ย น้องร้องไห้ แค่ว่าน้องทำงานไม่ทัน น้องร้องไม่หยุด จนครูไล่ออกไปนั้งนอกห้องคนเดียว
ครูก้โทมาบอกให้เราพาน้องไปตรวจว่าน้องมีอาการทางจิตมั้ย เราก้บอกไปว่าน้ิงไม่ทีอะไร เรียนอนุบาล-ป.1ไม่เคยมีปัญหาเลย
เรื่องก้ผ่านไปไม่มีการโท แต่เวลาเราไปรับลูก เพื่อนลูกก้บอกว่าลูกร้องไห้ตลอดเลย
เราพยายามเค้นถามว่าเพราะอะไร เค้าบอกว่าเค้าทำไม่ทัน ตามไม่ทัน เขียนไม่ทัน กลัวครูด่า เราก้เริ่มแปลกใจ เค้าร้องไห้ทุกวันเลยเพื่อนเค้ามาบอก
เราอยากรู้ว่าควรทำยังไงดีครับ ลูกไม่ยอมพูดอะไรเลย เราถามครูเคยด่าหรอ เคยว่าหรอ เค้าก้บอกว่าเปล่า แล้วก้มีท่าทีจะร้อง ปกติน้องไม่เคยกลัวอะไรเลย น้องกล้าแสดงออกด้วยซ้ำ เปนเด็กกิจกรรมมาตั้งแต่อนุบาล แต่พอมาเรียนออนไซตอนป.2 น้องเปลี่ยนคนละคนเลยครับ แบบนี้พี่ๆเพื่อนๆคิดว่ายังไง เราควรทำยังไงดีครับ