JJNY : ติดเชื้อ 1,917 ดับ 18│หมอวอนรัฐพูดความจริง คนจะได้ป้องกัน│ต้นทุนแพง  สินค้าดาหน้าปรับราคา│ยูเครนลั่นพร้อมสู้ต่อ

ติดเชื้อวันนี้ 1,917 ดับ 18 ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวที่ รพ. 705
https://www.matichon.co.th/covid19/news_3436105
 
 
ติดเชื้อวันนี้ 1,917 ดับ 18 ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวที่ รพ. 705 
  
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันอังคารที่ 5 ก.ค.2565 โดยมีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น จำนวน 1,917 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 1,914 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 3 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,310,582 ราย (ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565)
หายป่วยกลับบ้าน 2,282 ราย หายป่วยสะสม 2,310,352 ราย (ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 24,435 ราย
เสียชีวิต 18 ราย เสียชีวิตสะสม 9,038 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
 
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 705 ราย
 


หมอเตือน ติดโควิด ราว 5 หมื่นต่อวัน วอนรัฐพูดความจริง คนจะได้ป้องกัน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7144945
 
หมอนิธิพัฒน์เตือน ติดโควิด ราว 5 หมื่นต่อวัน สถานการณ์เริ่มเขม็งเกลียว เจ้าหน้าที่กลับมาทำงานหนัก วอนรัฐพูดความจริง ประชาชนจะได้เตรียมตัว
 
วันที่ 4 ก.ค.2565 นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล  แจ้งเตือนว่า 
 
สถานการณ์โควิด-19 ยังเขม็งเกลียวขึ้นมาใหม่ คาดว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยจริงเมื่อสัปดาห์ก่อน น่าจะอยู่ที่ราววันละ 5 หมื่นคนแล้ว ต่างกับตัวเลขรายวันที่เราเห็นกันในรายงาน
 
นอกจากนี้ยังมีปรากฏการณ์ยอดตกช่วงต้นสัปดาห์ เป็นผลจากระบบตรวจหาเชื้อและรายงานผลช่วงวันหยุด ส่วนตัวเลขผู้ป่วยอาการรุนแรงที่เพิ่มขึ้นจาก 600 แล้วมาหยุดแถวก่อน 700 เป็นผลจากระบบการรายงานที่จะมียอดวิ่งเข้ามาเป็นก้อนๆ ไม่ได้สม่ำเสมอในทุกวัน
 
โดยนพ.นิธิพัฒน์เผยว่า “ต้องขอออกมาเตือนกันให้ดังๆ ว่า สถานการณ์โควิด ขณะนี้เขม็งเกลียวขึ้นมาใหม่ ทุกคนและทุกฝ่ายต้องช่วยกันประคองภาพรวมไม่ให้กลับไปทรุดหนักอีกรอบ แล้วรอลุ้นให้เกิดการปรับฐานโรคซาลงในช่วงอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อจะได้ร่วมเดินหน้าผลักดันประเทศที่กะปลกกะเปลี้ยกันต่อไป”
 
โดยสถานการณ์ที่บ้านริมน้ำเริ่มตึงมือมากว่าสัปดาห์แล้ว จำนวนผู้ป่วยโควิดที่จำเป็นต้องรับเข้าโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งส่วนน้อยที่ป่วยจากโควิดโดยตรง และส่วนใหญ่ที่ป่วยจากโรคอื่นแต่มีการติดเชื้อโควิดร่วมด้วย จนทำให้บุคลากรด่านหน้าที่กันไว้จำนวนหนึ่งสำหรับงานโควิด ต้องกลับมาทำงานกันหนักขึ้นจากเดิมกว่าเท่าตัว และต้องวิ่งวุ่นหมุนเตียงกันมือระวิง เพื่อลดจำนวนคนไข้ที่ตกค้างรอรับไว้ในโรงพยาบาล
 
สภาพเช่นนี้กำลังเกิดขึ้นกับโรงพยาบาลใหญ่อีกหลายแห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด สวนทางกับตัวเลขรายวันที่แจ้งว่ายังมีเตียงรองรับผู้ป่วยโควิดเหลืออีกมาก ตัวเลขที่ว่านั้นเป็นแค่กรอบจำนวนเตียงที่จะขยายขึ้นได้ภายใต้เงื่อนไข แต่ที่มีใช้งานอยู่จริงตอนนี้เริ่มร่อยหรอเต็มที ส่วนกรอบที่จะขยายได้ก็ถูกนำไปใช้กับผู้ป่วยอื่นที่ไม่ใช่โควิดจนเกือบไม่เหลือหรอแล้ว
 
โดยวันนี้เป็นวันสุดท้ายของระบบการเบิกจ่ายเงินค่าตรวจรักษาโรคโควิด-19 ในรูปแบบเดิม เพื่อเปลี่ยนผ่านเข้าสู่รูปแบบปกติของระบบสุขภาพพื้นฐาน เรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเดินหน้าเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น ที่ได้เตรียมการรองรับกันไว้มานานก่อนหน้าแล้ว เมื่อประกอบกับสถานการณ์การระบาดที่กลับปะทุขึ้นใหม่
 
แม้จะยังไม่แรงถึงครึ่งหนึ่งของช่วงพีคโอไมครอนครั้งก่อน แต่ต้นทุนประเทศในการดูดซับปัญหาเราร่อยหรอยอบแยบเต็มที ทั้งด้านงบประมาณและด้านบุคลากร หากไม่ออกแรงฮึดช่วยกันชะลอควบคุมการระบาดให้อยู่มือ อาจเห็นมีผู้ป่วยอาการรุนแรงตกค้างในชุมชนและจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น แล้วคงหลีกเลี่ยงดราม่าครั้งใหม่ไม่พ้นแน่
 
ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐต้องบอกความจริง และออกมาเตือนให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ ไม่ใช่คอยแต่ให้ท้ายเพื่อปลดหน้ากากหรือเพิ่มกิจกรรมทางสังคมที่เสี่ยงแต่เพียงด้านเดียว
 
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0N8e3nptNqyC9VnZxDL4bPQ3WxX3QyPP45uUg844Btx53Rte8rd8Rph7BV9YBAk3ml&id=100002870789106
 

 
ต้นทุนแพง สินค้าดาหน้าปรับราคา ‘พริกป่น-ซอสพริก-กะทิกล่อง’ ขึ้น 2-20 บาท
https://www.matichon.co.th/economy/news_3435320

ต้นทุนแพง สินค้าดาหน้าปรับราคา ‘พริกป่น-ซอสพริก-กะทิกล่อง’ ขึ้น 2-20 บาท
 
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวได้ลงสำรวจราคาสินค้าของสดและของแห้งในตลาดแห่งหนึ่งย่านพื้นที่กรุงเทพฯ โดยภาพรวมราคายังคงปรับขึ้นต่อเนื่องตามต้นทุนขนส่ง

“ซอสพริก-กะทิกล่อง” ขึ้น 2 บาท
 
นางภาวนา เจ้าของร้านค้ารายย่อย (ซาปั๊ว) กล่าวว่า ในเดือนกรกฎาคม 2565 มีสินค้าจำนวนมากแจ้งขึ้นค่าต้นทุนขนส่ง เช่น ซอสปรุงรส ซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ แต่ร้านยังไม่ได้ขึ้นราคาขายปลีก ล่าสุด มีซอสพริกศรีราชาแจ้งขึ้นราคาทั้งต้นทุนขนส่งและขายปลีกอีก 20 บาท/
ลัง (จำนวน 12 ขวด) จาก 360 บาท เป็น 380 บาท/ลัง ส่งผลให้ราคาขายปลีกปรับขึ้น 2 บาท/ขวด จาก 38 บาท เป็น 40 บาท/ขวด ผงชูรสขึ้น ต้นทุนขนส่ง 2 บาท/ถุง (ขนาด 1 กก.) ส่วนขายปลีกเท่าเดิม 98 บาท/ถุง
 
กะทิกล่องยี่ห่อหนึ่งขึ้นต้นทุนขนส่ง 10 บาท/ลัง (จำนวน 12 กล่อง) จาก 660 บาท เป็น 670 บาท/ลัง มีผลให้ราคาขายปลีกปรับขึ้น 2 บาท เป็น 62 บาท/กล่อง (ขนาด 1,000 กรัม) ชาตรามือขึ้น 5 บาท/ถุง ( ขนาด 40 กรัม) จาก 60 บาท เป็น 65 บาท/ถุง ยังมีน้ำตาลทรายยี่ห้อหนึ่งแจ้งมาว่าจะขึ้นราคาต้นทุนขนส่งอีก 1 บาท/ถุง (ขนาด 1 กก.) จาก 22 บาท เป็น 23 บาท
 
“น้ำมันปาล์ม” ลดปริมาณขาย 60 บาท
 
“ของทยอยขึ้นทุกอย่างจนจำไม่ไหว บางอย่างขึ้น 2-3 รอบก็มี เช่น แป้งชนิดต่างๆ แต่ก็มีบางสินค้าที่ปรับลดราคาลง คือ น้ำมันปาล์มขวดขนาด 1 ลิตร จากขวดละ 70 บาท เหลือขวดละ 65-68 บาท ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ แต่มีที่ไม่ใช่ยี่ห้อยอดนิยมจะลดปริมาณเหลือ 900 มิลลิกรัม ขายขวดละ 60 บาท ซึ่งเพิ่งออกมาเมื่อเร็วๆนี้” นางภาวนากล่าว
 
“ปลากระป๋อง-ข้าวถุง” ขึ้นอีก
 
นายสมขาย เจ้าของร้านค้าอีกรายกล่าวว่า ตอนนี้สินค้าที่แจ้งขึ้นต้นทุนขนส่ง เช่น ปลากระป๋องยี่ห้อหนึ่งขึ้น 50 บาท/ลัง (จำนวน 100 กระป๋อง) ส่วนราคาขายปลีกปรับขึ้น 1 บาท จาก 18 บาท เป็น 19 บาท/กระป๋อง ข้าวสารหอมมะลิแบบถุงขนาด 5 กก. ยี่ห้อหนึ่งขึ้นราคาต้นทุนขนส่งอีก 20 บาท/ถุง จาก 200 บาท เป็น 220 บาท/ถุง ส่วนขายปลีกปรับขึ้น 10 บาท เป็น 230 บาท/ถุง น้ำตาลปี๊บขึ้นราคาต้นทุนขนส่ง 10 บาท/ลัง (มี 10 กก.) หรือ 1 บาท/กก. แต่ยังขายปลีกเท่าเดิม 33 บาท/กก. เกลือขึ้นราคาต้นทุนขนส่งและขายปลีก 2 บาท/มัด (จำนวน 12 ถุง)
 
พริกป่น-ข้าวคั่ว-หอมทอดขึ้นพรวด10-20 บาท
 
นางยุรีแม่ค้าขายพริกป่นกล่าวว่า จากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้นทุกอย่างทั้งพริกแห้ง และน้ำมันที่ใช้คั่วพริก ล่าสุด ร้านได้ปรับราคาขึ้นอีกเฉลี่ย 10-20 บาท/กก. เช่น พริกคั่วป่นจาก 160 บาท เป็น 180 บาท/กก. ข้าวคั่วจาก 50 บาท เป็น 60 บาท/กก. หอมเจียวเกรดเอ จาก 290 บาท เป็น 300 บาท/กก. พริกทอดเด็ดจาก 190 บาท เป็น 200 บาท/กก.
 
ผักสดราคาสะวิง “ผักชี-ต้นหอม” โลละ 180 บ.
 
ส่วนราคาผักสดแม่ค้าในตลาดรายหนึ่งกล่าวว่า ขณะนี้ราคาผักขึ้นลงตามค่าขนส่งและสภาพอากาศ แต่ที่ปรับขึ้นสูงเป็นผักชี ล่าสุด ขึ้น 10 บาท เป็น 180 บาท/กก. พริกขี้หนูสวนราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 180-240 บาท/กก. ต้นหอมราคาลงจากเมื่อวาน (3 ก.ค.) จาก 200 บาท เหลือ 170 บาท/กก. มะละกอดิบปรับขึ้น 20 บาท จาก 180 บาท เป็น 200 บาท/ถุง แตงกวาขึ้น 40 บาท จาก 200 บาท เป็น 240 บาท/ถุง มะเขือเปราะขึ้น 20 บาท จาก 180 บาท เป็น 200 บาท/ถุง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ส่วนราคาเนื้อหมูยังทรงตัว โดยหมูเนื้อแดงอยู่ที่ 195 บาท/กก. สามชั้น 220 บาท/กก. ส่วนเนื้อไก่ปรับขึ้น 5 บาท เช่น เนื้อส่วนอกจาก 95 บาท เป็น 100 บาท/กก.
 
“เบียร์” ขายอืดหลังขยับราคา
 
แหล่งข่าวจากร้านค้าส่งรายหนึ่งกล่าวว่า หลังเบียร์ลีโอปรับราคาขายขึ้น 1-2 บาท/ขวด ทำให้ยอดขายลดลงและขายได้ช้า เนื่องจากคนไม่มีกำลังซื้อ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเบียร์ ในส่วนของสินค้าอื่นๆ ยอดขายก็ลดลง เพราะต้นทุนแพงทำให้ขายได้กำไรน้อยลง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่