. .
อะไรคือความสุขในชีวิตของเรากันแน่ . . คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยและเคยถามตัวเองด้วยประโยคนี้ บางคนอาจจำไม่ได้ว่าเคยสัมผัสกับความรู้สึกของความสุขครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความสุขที่แท้จริงของตัวเองคืออะไร . . หากความสำเร็จในอะไรสักเรื่องพอจะพูดได้ว่าคือส่วนหนึ่งของความสุขในชีวิต ไม่แน่ว่ายังมีคนตั้งคำถามต่อไปอีกว่า ความสำเร็จที่พยายามไขว่คว้ากันอยู่นั้น คือความสำเร็จในมุมของเราหรือในความหมายของใคร และมันจะเป็นความสุขที่แท้จริงสำหรับเราหรือไม่
กลางฤดูร้อนที่อบอ้าว เหงื่อไคลเหนียวเหนอะ ชีวิตดำเนินไปด้วยหน้าที่อันจำเจ ผู้คนที่น่าชิงชังในแวดล้อมของชีวิตการงาน แม้แต่พี่น้องครอบครัวก็กลายเป็นความเหนื่อยหน่ายหัวใจ ดวงตะวันร้อนแรงไม่เพียงทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น แต่ยังแผดเผาอารมณ์ของผู้คนที่ต้องทนอยู่กับความไม่ได้อย่างใจในทุกเรื่องราว
ยอมกีจอง, ยอมชางฮี และยอมมีจอง สามพี่น้อง กำลังตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกันคือ ไร้สุข และพยายามไขว่คว้าความสำเร็จในอะไรสักอย่าง เป้าหมายของพวกเขา ที่หมายถึงความสำเร็จอันจะนำไปสู่ความสุข ย่อมแตกต่างเรื่องราวกันไป พวกเขาใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับการต้องรีบตื่นแต่เช้า . . เช้าที่หมายถึงเช้ากว่าคนในเมืองส่วนใหญ่ ในฐานะของความเป็นชาวคยองกี ที่ต้องใช้เวลาเดินทางไกลเข้าไปทำงานในโซล มีจองต้องคอยขอตัวจากงานเลี้ยงสังสรรค์ใดๆ ในที่ทำงาน แม้แต่ในวันที่ชางฮีทะเลาะกับแฟน ก็ยังต้องพะวงกับการเดินทางกลับบ้าน ด้วยเหตุผลว่าจะไม่ทันรถไฟขบวนสุดท้าย หรือต้องรีบไปเจอพี่น้องอีกสองคนเพื่อช่วยกันหารค่าแท็กซี่กลับบ้าน และไม่มากก็น้อย การเหนี่ยวแขนไว้กับคานเป็นสาวโสดของกีจอง ก็มาจากการเป็นคนคยองกี
ความ “บ้านไกล” ที่ เป็นเหตุแห่งความเบื่อหน่ายเหลือทน เมื่อมันกระทบกับความเป็นไปในชีวิตของสามพี่น้อง ในขณะที่พวกเขายังอยู่ร่วมบ้านกับพ่อ-แม่ ผู้ขยันขันแข็ง ทำงานเป็นเจ้านายตัวเอง มีโรงงานเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ และปลูกผักในพื้นที่สีเขียวรอบโรงงาน เป็นครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยหรูหรา แม้ไม่ขัดสนข้นแค้น แต่ยังคงต้องทำงานหนักตรากตรำอยู่ร่ำไป วันหยุดของลูกๆ ก็คือวันที่พวกเขาต้องช่วยงานในไร่สวนแปลงเกษตรของพ่อ-แม่ เหมือนที่เคยเป็นมาและคงจะเป็นเช่นนี้ต่อไป
เย็นย่ำของวันหยุดที่ไม่เคยได้หยุด ไม่มีใครให้ไปหา ไม่รู้จะไปไหนได้ พวกเขาในนามของ “
แกงค์ไข่ขาว” ที่หมายถึงคนคยองกี ชนชานเมืองชายขอบโซล เป็นไข่ขาวที่ล้อมรอบไข่แดง สามพี่น้องมาสุมรวมตัวกันอยู่หน้า
aloha คาเฟ่พักใจ ของคุณครูโรงเรียนประถม ล้อมรอบไปด้วยทุ่งนา คาเฟ่ที่ไม่เคยมีลูกค้า มีแต่เพื่อนวัยเด็ก เพื่อนใกล้บ้าน เพื่อนรุ่นเดียวกัน ที่หลายครั้งก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกัน แต่มันก็มีกันอยู่แค่นี้ (ฮ่า) ชางฮีรำพึงรำพันในความโชคร้ายทั้งความรักและการงาน ไม่มีอะไร lucky สักเรื่อง
เสียงจิ้งหรีดกรีดร้องระงมเป็นพยานให้กับ “ความฝันในค่ำคืนกลางฤดูร้อน” ของยอมกีจอง เมื่อเธอประกาศก้อง. .
ฉันจะรักใครสักคน ใครก็ได้สักคนภายในฤดูหนาวนี้ . . หนุ่มยอมชางฮีปรามาสพี่สาวคนโตอย่างเห็นว่าเป็นไปไม่ได้
ในช่วงเวลาที่มีจองกำลังระทมทุกข์จากอดีตแฟนหนุ่มที่สร้างปัญหาทิ้งไว้ และเธอไม่อาจให้ครอบครัวรับรู้ . . เมื่อได้ยินคำประกาศของพี่สาวคนโต . . ใครคนหนึ่ง เดินดุ่มๆ อยู่ในความมืด กลางถนนเข้าหมู่บ้าน
ผู้ชายแปลกหน้าที่ปรากฏตัวขึ้นในหมู่บ้านซันโพตั้งแต่ฤดูหนาวที่แล้ว เขามาเป็นลูกมือที่พ่อผู้เงียบขรึมของเธอพอใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งวันก้มหน้าทำแต่งาน ไม่พูดไม่จากับใครแม้แต่ในวงข้าว การงานไม่เคยเสีย แต่ตกเย็นนั่งดื่มเหล้าคนเดียวเงียบๆ หน้าบ้านทุกค่ำคืน
ดื่มจนเมามาย เหมือนกำลังลงโทษตัวเอง
. . มีจองมองจ้องไปในความมืดสลัวไกลๆ นั้น เขาเดินหิ้วถุงขวดเหล้าผ่านไป แววตาเธอบอกว่ากำลังตัดสินใจบางอย่างเกี่ยวกับตัวเองและชายผู้พลัดถิ่นมาอย่างไม่รู้ที่มาและไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย . .
คุณกู ผู้ชายที่เป็นต้นเหตุแห่งความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของสามพี่น้องบ้านยอม
ความบีบคั้นที่ประสบอยู่พามีจองมาถึงจุดที่เธอและเพื่อนร่วมบริษัทอีกสองคนตั้งชมรมใหม่ขึ้นมาในชื่อ
ชมรมอิสรภาพ กับสมุดบันทึกหนึ่งเล่ม เพื่อบอกเล่าว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาอยากจะหลุดพ้นจากมันให้ได้
ในฐานะบุคคลธรรมดาของโลก คนที่ได้ 20 คะแนนหรือน้อยกว่าจาก 100 คะแนน ที่ไม่อยากให้ใครเห็น
สภาพซังกะตายเหมือนซากศพเดินได้ของคุณกู ที่ต่างก็ไม่เคยทักทายหืออืออะไรกันมาเลย ในวันที่เขาได้ล่วงรู้ความลับบางอย่างของเธอ มีจองบอกเขา . .
เชิดชูฉัน ให้ฉันได้รู้สึกเติมเต็ม แค่ความรักยังไม่พอ แล้วชีวิตของคุณกับฉันจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง . .
เป็นอีกครั้งที่ฉันจะกล่าวคำว่า castingทองคำ เมื่อนักแสดงหลักทั้งสี่คนลบภาพจำเดิมๆ ของพวกเขาในความทรงจำของคนดู ด้วยการพลิกคาแรคเตอร์อย่างที่คนดูต้องปรบมือให้ ชื่นชมสายตาอันแหลมคมของพัคแฮยองและผู้กำกับคิมซอกยุน แห่งดราม่าซีรีส์น้ำดีแสนสนุกอย่าง
Listen to Love, The Light in Your Eyes และ Law School (มีรีวิวจากน้องใส่เสื้อลายให้อ่านทุกเรื่อง)
นักเขียนพัคแฮยอง เจ้าของบทประพันธ์
Another Oh Hae Young และ
My Mister ที่สุดตราตรึง กลับมากับเรื่องราวครั้งใหม่ พาคนดูไปอยู่ในท่ามกลางความอึดอัดคับข้องใจกับสถานการณ์ของตัวละครทุกคน ที่ดำเนินไปในระหว่างการ
ตื่นเช้า กินข้าว เดินทางไปทำงาน สู้รบกับผู้คนในที่ทำงาน กินข้าว รับมือกับลูกค้า เลิกงาน ไปดื่ม กลับบ้าน กินข้าว เข้านอน เพื่อจะรีบตื่นแต่เช้าไปผจญกับวิถีเดิมๆ วนเวียนเหมือนดูหนังวนในโรงหนังชั้นสอง
ตอกย้ำความอึดอัดที่มองไม่เห็นหนทางที่ดีขึ้น คนดูซึมซับทุกอย่างเอาไว้จนแทบจะแยกไม่ออกว่ากำลังดูชีวิตของพวกเขา
หรือมันคือเรื่องราวของเราเองกับความเฮงซวยที่ไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์ที่จะได้พบเจอ
ซนซอกกู กับบทนำในซีรีส์ครั้งแรก เป็น
คุณกู ชายปริศนาที่พาตัวเองเข้ามาถึงหมู่บ้านเล็กๆ และเปลี่ยนแปลงชีวิตของสามพี่น้องอย่างไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิม ความอมพะนำการสื่อสารผ่านภาษากายทุกส่วนแทนวาจาของซอกกู คือเสน่ห์ที่เกินจะต้านทานในทุกความหมาย และบทบาทนี้จะกลายเป็นภาพจำของเขาในหัวใจของคนดูไปอีกแสนนาน
คิมจีวอน เป็น
ยอมมีจอง น้องเล็กสุดท้อง ผู้เงียบขรึมเก็บกดทุกความรู้สึกที่พลุ่งพล่านไว้ภายใน มีเพียงดวงตาที่คมกล้าของเธอที่บ่งบอกความมุ่งมั่นจะค้นให้เจอความสุขที่แท้จริงในชีวิต พัคแฮยองมอบของขวัญที่ดีที่สุดให้กับนางเอกของเธอทุกเรื่องตั้งแต่ ซอฮยอนจิน อีจีอึนหรือไอยู และถึงคราวของคิมจีวอนในรอบนี้
อีมินกิ เป็น
ยอมชางฮี เด็กวันพุธลูกคนกลาง ลูกชายคนเดียวที่แบกความคาดหวังของพ่อ-แม่ และเหนื่อยยากกับการไขว่คว้าหาความสำเร็จตามสูตรสำเร็จของสังคม กว่าจะค้นพบความสำเร็จในแบบฉบับของตัวเอง ในฐานะที่ติดตามผลงานการแสดงของเขามายาวนาน ฉันขอพูดว่าอีมินกิได้มอบการแสดงที่ดีที่สุดของเขาให้กับคนดูอย่างน่าประทับใจที่สุด
อีเอล เป็น
ยอมกีจอง พี่สาวคนโต ผู้มีมาตรฐานสูงลิบ เธอดิ้นรนและทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อความรักครั้งแรกก่อนอายุจะเหยียบเข้าเลข 40 พูดได้เพียงว่าอีเอลปล่อยของหมดตัวค่ะ
นักแสดงแวดล้อมทุกคนที่ช่วยกันขับเคลื่อนทุกชีวิตเพื่อประกาศอิสรภาพ ทำหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างเต็มไปด้วยเลือดเนื้อ รอยยิ้มและน้ำตา เราจะได้หัวเราะและร้องไห้ไปกับพวกเขาอย่างไม่รู้ตัว
คุณกูถามมีจอง . . อะไรคือ
การเชิดชู . . มีจองตอบ . .
ให้กำลังใจค่ะ ว่าฉันสามารถทำได้ทุกอย่าง ทุกอย่างจะเป็นไปได้ . .
ในระหว่างความเบื่อหน่าย เหนื่อยล้าอ่อนแรง อยากจะละทิ้งทุกอย่างปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม จุดประกายให้ใครอีกคนที่กำลังทุกข์สาหัสพยายามฉุดดึงใครคนนั้น กระชากออกมาจากนรก และยืนหยัดขึ้นเพื่อความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเดิม ค้นหาอิสรภาพเพื่อหลุดพ้นจากความทุกข์ และพบกับความสุขที่แท้จริงของชีวิต ความสำเร็จที่ไขว่คว้าหามาตลอด
ความกล้าหาญของคนหนึ่ง ส่งผลไปถึงคนที่สอง ทำให้คนที่สามเชื่อมั่นว่าจะทำได้เช่นกัน และทำให้คนที่สี่ได้ค้นพบมุมมองใหม่ที่เป็นทั้งความสุขและความสำเร็จในแบบฉบับของตัวเอง มันคือความพยายามที่ส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปสู่ผู้คนที่อยู่แวดล้อมชีวิตของเรา
หากว่ายังไม่เจอกับอิสรภาพนั้น ต่อให้เป็นคนที่ได้ศูนย์คะแนน ก็จงมุ่งมั่นต่อไป ผลักดันตัวเองด้วยความยากลำบากจนกว่าจะถึงเป้าหมาย เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้ อย่ารอคอย แต่จงเริ่มต้นด้วยตัวเราเอง แล้วเมื่อนั้น . .
จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับเรา ในวันที่หัวใจได้เจอกับความสุข
[รีวิวซีรีส์] My Liberation Notes วันที่หัวใจได้เจอกับความสุข
. . อะไรคือความสุขในชีวิตของเรากันแน่ . . คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยและเคยถามตัวเองด้วยประโยคนี้ บางคนอาจจำไม่ได้ว่าเคยสัมผัสกับความรู้สึกของความสุขครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความสุขที่แท้จริงของตัวเองคืออะไร . . หากความสำเร็จในอะไรสักเรื่องพอจะพูดได้ว่าคือส่วนหนึ่งของความสุขในชีวิต ไม่แน่ว่ายังมีคนตั้งคำถามต่อไปอีกว่า ความสำเร็จที่พยายามไขว่คว้ากันอยู่นั้น คือความสำเร็จในมุมของเราหรือในความหมายของใคร และมันจะเป็นความสุขที่แท้จริงสำหรับเราหรือไม่
กลางฤดูร้อนที่อบอ้าว เหงื่อไคลเหนียวเหนอะ ชีวิตดำเนินไปด้วยหน้าที่อันจำเจ ผู้คนที่น่าชิงชังในแวดล้อมของชีวิตการงาน แม้แต่พี่น้องครอบครัวก็กลายเป็นความเหนื่อยหน่ายหัวใจ ดวงตะวันร้อนแรงไม่เพียงทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น แต่ยังแผดเผาอารมณ์ของผู้คนที่ต้องทนอยู่กับความไม่ได้อย่างใจในทุกเรื่องราว
ยอมกีจอง, ยอมชางฮี และยอมมีจอง สามพี่น้อง กำลังตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกันคือ ไร้สุข และพยายามไขว่คว้าความสำเร็จในอะไรสักอย่าง เป้าหมายของพวกเขา ที่หมายถึงความสำเร็จอันจะนำไปสู่ความสุข ย่อมแตกต่างเรื่องราวกันไป พวกเขาใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับการต้องรีบตื่นแต่เช้า . . เช้าที่หมายถึงเช้ากว่าคนในเมืองส่วนใหญ่ ในฐานะของความเป็นชาวคยองกี ที่ต้องใช้เวลาเดินทางไกลเข้าไปทำงานในโซล มีจองต้องคอยขอตัวจากงานเลี้ยงสังสรรค์ใดๆ ในที่ทำงาน แม้แต่ในวันที่ชางฮีทะเลาะกับแฟน ก็ยังต้องพะวงกับการเดินทางกลับบ้าน ด้วยเหตุผลว่าจะไม่ทันรถไฟขบวนสุดท้าย หรือต้องรีบไปเจอพี่น้องอีกสองคนเพื่อช่วยกันหารค่าแท็กซี่กลับบ้าน และไม่มากก็น้อย การเหนี่ยวแขนไว้กับคานเป็นสาวโสดของกีจอง ก็มาจากการเป็นคนคยองกี
ความ “บ้านไกล” ที่ เป็นเหตุแห่งความเบื่อหน่ายเหลือทน เมื่อมันกระทบกับความเป็นไปในชีวิตของสามพี่น้อง ในขณะที่พวกเขายังอยู่ร่วมบ้านกับพ่อ-แม่ ผู้ขยันขันแข็ง ทำงานเป็นเจ้านายตัวเอง มีโรงงานเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ และปลูกผักในพื้นที่สีเขียวรอบโรงงาน เป็นครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยหรูหรา แม้ไม่ขัดสนข้นแค้น แต่ยังคงต้องทำงานหนักตรากตรำอยู่ร่ำไป วันหยุดของลูกๆ ก็คือวันที่พวกเขาต้องช่วยงานในไร่สวนแปลงเกษตรของพ่อ-แม่ เหมือนที่เคยเป็นมาและคงจะเป็นเช่นนี้ต่อไป
เย็นย่ำของวันหยุดที่ไม่เคยได้หยุด ไม่มีใครให้ไปหา ไม่รู้จะไปไหนได้ พวกเขาในนามของ “แกงค์ไข่ขาว” ที่หมายถึงคนคยองกี ชนชานเมืองชายขอบโซล เป็นไข่ขาวที่ล้อมรอบไข่แดง สามพี่น้องมาสุมรวมตัวกันอยู่หน้า aloha คาเฟ่พักใจ ของคุณครูโรงเรียนประถม ล้อมรอบไปด้วยทุ่งนา คาเฟ่ที่ไม่เคยมีลูกค้า มีแต่เพื่อนวัยเด็ก เพื่อนใกล้บ้าน เพื่อนรุ่นเดียวกัน ที่หลายครั้งก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกัน แต่มันก็มีกันอยู่แค่นี้ (ฮ่า) ชางฮีรำพึงรำพันในความโชคร้ายทั้งความรักและการงาน ไม่มีอะไร lucky สักเรื่อง
เสียงจิ้งหรีดกรีดร้องระงมเป็นพยานให้กับ “ความฝันในค่ำคืนกลางฤดูร้อน” ของยอมกีจอง เมื่อเธอประกาศก้อง. . ฉันจะรักใครสักคน ใครก็ได้สักคนภายในฤดูหนาวนี้ . . หนุ่มยอมชางฮีปรามาสพี่สาวคนโตอย่างเห็นว่าเป็นไปไม่ได้
ในช่วงเวลาที่มีจองกำลังระทมทุกข์จากอดีตแฟนหนุ่มที่สร้างปัญหาทิ้งไว้ และเธอไม่อาจให้ครอบครัวรับรู้ . . เมื่อได้ยินคำประกาศของพี่สาวคนโต . . ใครคนหนึ่ง เดินดุ่มๆ อยู่ในความมืด กลางถนนเข้าหมู่บ้าน ผู้ชายแปลกหน้าที่ปรากฏตัวขึ้นในหมู่บ้านซันโพตั้งแต่ฤดูหนาวที่แล้ว เขามาเป็นลูกมือที่พ่อผู้เงียบขรึมของเธอพอใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งวันก้มหน้าทำแต่งาน ไม่พูดไม่จากับใครแม้แต่ในวงข้าว การงานไม่เคยเสีย แต่ตกเย็นนั่งดื่มเหล้าคนเดียวเงียบๆ หน้าบ้านทุกค่ำคืน ดื่มจนเมามาย เหมือนกำลังลงโทษตัวเอง
. . มีจองมองจ้องไปในความมืดสลัวไกลๆ นั้น เขาเดินหิ้วถุงขวดเหล้าผ่านไป แววตาเธอบอกว่ากำลังตัดสินใจบางอย่างเกี่ยวกับตัวเองและชายผู้พลัดถิ่นมาอย่างไม่รู้ที่มาและไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย . . คุณกู ผู้ชายที่เป็นต้นเหตุแห่งความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของสามพี่น้องบ้านยอม
ความบีบคั้นที่ประสบอยู่พามีจองมาถึงจุดที่เธอและเพื่อนร่วมบริษัทอีกสองคนตั้งชมรมใหม่ขึ้นมาในชื่อ ชมรมอิสรภาพ กับสมุดบันทึกหนึ่งเล่ม เพื่อบอกเล่าว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาอยากจะหลุดพ้นจากมันให้ได้ ในฐานะบุคคลธรรมดาของโลก คนที่ได้ 20 คะแนนหรือน้อยกว่าจาก 100 คะแนน ที่ไม่อยากให้ใครเห็น
สภาพซังกะตายเหมือนซากศพเดินได้ของคุณกู ที่ต่างก็ไม่เคยทักทายหืออืออะไรกันมาเลย ในวันที่เขาได้ล่วงรู้ความลับบางอย่างของเธอ มีจองบอกเขา . . เชิดชูฉัน ให้ฉันได้รู้สึกเติมเต็ม แค่ความรักยังไม่พอ แล้วชีวิตของคุณกับฉันจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง . .
เป็นอีกครั้งที่ฉันจะกล่าวคำว่า castingทองคำ เมื่อนักแสดงหลักทั้งสี่คนลบภาพจำเดิมๆ ของพวกเขาในความทรงจำของคนดู ด้วยการพลิกคาแรคเตอร์อย่างที่คนดูต้องปรบมือให้ ชื่นชมสายตาอันแหลมคมของพัคแฮยองและผู้กำกับคิมซอกยุน แห่งดราม่าซีรีส์น้ำดีแสนสนุกอย่าง Listen to Love, The Light in Your Eyes และ Law School (มีรีวิวจากน้องใส่เสื้อลายให้อ่านทุกเรื่อง)
นักเขียนพัคแฮยอง เจ้าของบทประพันธ์ Another Oh Hae Young และ My Mister ที่สุดตราตรึง กลับมากับเรื่องราวครั้งใหม่ พาคนดูไปอยู่ในท่ามกลางความอึดอัดคับข้องใจกับสถานการณ์ของตัวละครทุกคน ที่ดำเนินไปในระหว่างการ ตื่นเช้า กินข้าว เดินทางไปทำงาน สู้รบกับผู้คนในที่ทำงาน กินข้าว รับมือกับลูกค้า เลิกงาน ไปดื่ม กลับบ้าน กินข้าว เข้านอน เพื่อจะรีบตื่นแต่เช้าไปผจญกับวิถีเดิมๆ วนเวียนเหมือนดูหนังวนในโรงหนังชั้นสอง
ตอกย้ำความอึดอัดที่มองไม่เห็นหนทางที่ดีขึ้น คนดูซึมซับทุกอย่างเอาไว้จนแทบจะแยกไม่ออกว่ากำลังดูชีวิตของพวกเขา หรือมันคือเรื่องราวของเราเองกับความเฮงซวยที่ไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์ที่จะได้พบเจอ
ซนซอกกู กับบทนำในซีรีส์ครั้งแรก เป็น คุณกู ชายปริศนาที่พาตัวเองเข้ามาถึงหมู่บ้านเล็กๆ และเปลี่ยนแปลงชีวิตของสามพี่น้องอย่างไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิม ความอมพะนำการสื่อสารผ่านภาษากายทุกส่วนแทนวาจาของซอกกู คือเสน่ห์ที่เกินจะต้านทานในทุกความหมาย และบทบาทนี้จะกลายเป็นภาพจำของเขาในหัวใจของคนดูไปอีกแสนนาน
คิมจีวอน เป็น ยอมมีจอง น้องเล็กสุดท้อง ผู้เงียบขรึมเก็บกดทุกความรู้สึกที่พลุ่งพล่านไว้ภายใน มีเพียงดวงตาที่คมกล้าของเธอที่บ่งบอกความมุ่งมั่นจะค้นให้เจอความสุขที่แท้จริงในชีวิต พัคแฮยองมอบของขวัญที่ดีที่สุดให้กับนางเอกของเธอทุกเรื่องตั้งแต่ ซอฮยอนจิน อีจีอึนหรือไอยู และถึงคราวของคิมจีวอนในรอบนี้
อีมินกิ เป็น ยอมชางฮี เด็กวันพุธลูกคนกลาง ลูกชายคนเดียวที่แบกความคาดหวังของพ่อ-แม่ และเหนื่อยยากกับการไขว่คว้าหาความสำเร็จตามสูตรสำเร็จของสังคม กว่าจะค้นพบความสำเร็จในแบบฉบับของตัวเอง ในฐานะที่ติดตามผลงานการแสดงของเขามายาวนาน ฉันขอพูดว่าอีมินกิได้มอบการแสดงที่ดีที่สุดของเขาให้กับคนดูอย่างน่าประทับใจที่สุด
อีเอล เป็น ยอมกีจอง พี่สาวคนโต ผู้มีมาตรฐานสูงลิบ เธอดิ้นรนและทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อความรักครั้งแรกก่อนอายุจะเหยียบเข้าเลข 40 พูดได้เพียงว่าอีเอลปล่อยของหมดตัวค่ะ
นักแสดงแวดล้อมทุกคนที่ช่วยกันขับเคลื่อนทุกชีวิตเพื่อประกาศอิสรภาพ ทำหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างเต็มไปด้วยเลือดเนื้อ รอยยิ้มและน้ำตา เราจะได้หัวเราะและร้องไห้ไปกับพวกเขาอย่างไม่รู้ตัว
คุณกูถามมีจอง . . อะไรคือ การเชิดชู . . มีจองตอบ . . ให้กำลังใจค่ะ ว่าฉันสามารถทำได้ทุกอย่าง ทุกอย่างจะเป็นไปได้ . .
ในระหว่างความเบื่อหน่าย เหนื่อยล้าอ่อนแรง อยากจะละทิ้งทุกอย่างปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม จุดประกายให้ใครอีกคนที่กำลังทุกข์สาหัสพยายามฉุดดึงใครคนนั้น กระชากออกมาจากนรก และยืนหยัดขึ้นเพื่อความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเดิม ค้นหาอิสรภาพเพื่อหลุดพ้นจากความทุกข์ และพบกับความสุขที่แท้จริงของชีวิต ความสำเร็จที่ไขว่คว้าหามาตลอด
ความกล้าหาญของคนหนึ่ง ส่งผลไปถึงคนที่สอง ทำให้คนที่สามเชื่อมั่นว่าจะทำได้เช่นกัน และทำให้คนที่สี่ได้ค้นพบมุมมองใหม่ที่เป็นทั้งความสุขและความสำเร็จในแบบฉบับของตัวเอง มันคือความพยายามที่ส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปสู่ผู้คนที่อยู่แวดล้อมชีวิตของเรา
หากว่ายังไม่เจอกับอิสรภาพนั้น ต่อให้เป็นคนที่ได้ศูนย์คะแนน ก็จงมุ่งมั่นต่อไป ผลักดันตัวเองด้วยความยากลำบากจนกว่าจะถึงเป้าหมาย เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้ อย่ารอคอย แต่จงเริ่มต้นด้วยตัวเราเอง แล้วเมื่อนั้น . . จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับเรา ในวันที่หัวใจได้เจอกับความสุข