กฎกติกา
1. ทุกทีมจะต้องเปลี่ยนผู้เล่นคนใหม่อย่างน้อย 2 คนเมื่อเริ่มแข่งเซตใหม่ (จะเปลี่ยนยกชุด 6 คนเลยก็ได้)
2. ผู้เล่นแต่ละคนจะลงเล่นต่อเนื่องได้อย่างมากสุดไม่เกิน 2 เซตติดต่อกัน (เว้นข้ามหนึ่งเซตแล้วกลับมาเล่นใหม่ได้ เช่น ลงเล่นเซต 1 กับ 2 เว้นเซต 3 แล้วกลับมาเล่นใหม่ใน เซต 4 และ 5 ได้) เพื่อป้องกันการลงเล่นต่อเนื่อง 3 เซตแล้วทำให้ทีมเอาชนะทีมคู่แข่งไปได้ 3-0 เซต และเปิดโอกาสให้ทีมคู่แข่งได้แก้เกมบริหารตัวผู้เล่นในทีมเขากรณีที่ทีมเขาแพ้ไปก่อน 2 เซต
3. การเปลี่ยนตัวระหว่างแข่งขันสามารถทำได้เหมือนเดิม แต่คนที่ถูกเปลี่ยนลงมา จะต้องนับเป็นผู้เล่นของเซตนั้นด้วยตามกฎลงเล่นต่อเนื่องได้ไม่เกิน 2 เซต แม้จะเล่นแค่ 1-2 แต้มก็ถือว่าลงเล่นทั้งเซต
4. อนุญาตให้ส่งรายชื่อผู้เล่นเพิ่มจาก 14 คนเป็น 20 คน เพื่อให้สามารถบริหารจัดตัวผู้เล่นตามกฎกติกาข้อนี้ได้
จุดประสงค์
- เพื่อให้ผู้เล่นทุกคนในทีมมีโอกาสได้ลงเล่นทัดเทียมกัน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความสามารถของนักกีฬาคนใดคนหนึ่งหรือชุดใดชุดหนึ่งมากเกินไป นักกีฬาทุกคนสามารถเป็นตัวจริงลงเล่นทดแทนกันก่อน-หลังได้หมด ไม่ใช่เป็นแค่อะไหล่รอเปลี่ยนแทนตัวจริงตอนที่ตัวจริงเล่นไม่ออกหรือมีปัญหาทางร่างกายจนเล่นต่อไม่ได้
- ทำให้โค้ชต้องมีการวางแผนเลือกใช้ผู้เล่นแต่ละคนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ต้องประเมินทีมคู่แข่งว่าเขาจะส่งนักกีฬาของเขาคนไหนลงเล่น แล้วเราจะเลือกนักกีฬาคนไหนของเราไปชนสู้กับเขา ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ทีมไทยส่ง เอ้ สิริมา เป็นมือเซตลงเล่นเซต 1 กับ เซต 2 แทน พู่ ในนัดที่พบกับทีมแคนาดา จนทำให้โค้ชทีมเขาแก้เกมไม่ทัน อีกแมตช์คือ ไทยเจอกับจีน โค้ชเลือกดร็อปเพียวในเซตที่ 2 กับ 3 แล้วส่งเพียวกลับมาลงเล่นในเซตที่ 4 และ 5 เป็นตัวอย่างของการบริหารจัดการตัวผู้เล่นที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพและได้ผลดีกับทีม
- เปิดโอกาสให้โค้ชได้ทดลองใช้งานนักกีฬาทีมชาติหน้าใหม่ไปด้วยในตัว ไม่ได้อาศัยฝีมือนักกีฬาตัวจริงเพียงไม่กี่คนเป็นคนสร้างผลงานให้กับทีมและตัวเอง ส่วนนักกีฬาหน้าใหม่ก็จะได้เรียนรู้และหาประสบการณ์จากการแข่งขันจริง
- ผลการแข่งขันขึ้นอยู่กับ ความสามารถของโค้ช (บริหารจัดการเลือกนักกีฬาลงเล่น กับการแก้เกม) + ฝีมือของนักกีฬาที่ลงเล่น + การประเมินศักยภาพของนักกีฬาทีมคู่แข่งได้ถูกต้องแม่นยำ
น่าจะมีกติกาบังคับให้ทุกทีมต้องเปลี่ยนตัวผู้เล่นคนใหม่ห้ามใช้ชุดเดิมซ้ำทั้ง 6 คน เมื่อเริ่มแข่งเซตใหม่
1. ทุกทีมจะต้องเปลี่ยนผู้เล่นคนใหม่อย่างน้อย 2 คนเมื่อเริ่มแข่งเซตใหม่ (จะเปลี่ยนยกชุด 6 คนเลยก็ได้)
2. ผู้เล่นแต่ละคนจะลงเล่นต่อเนื่องได้อย่างมากสุดไม่เกิน 2 เซตติดต่อกัน (เว้นข้ามหนึ่งเซตแล้วกลับมาเล่นใหม่ได้ เช่น ลงเล่นเซต 1 กับ 2 เว้นเซต 3 แล้วกลับมาเล่นใหม่ใน เซต 4 และ 5 ได้) เพื่อป้องกันการลงเล่นต่อเนื่อง 3 เซตแล้วทำให้ทีมเอาชนะทีมคู่แข่งไปได้ 3-0 เซต และเปิดโอกาสให้ทีมคู่แข่งได้แก้เกมบริหารตัวผู้เล่นในทีมเขากรณีที่ทีมเขาแพ้ไปก่อน 2 เซต
3. การเปลี่ยนตัวระหว่างแข่งขันสามารถทำได้เหมือนเดิม แต่คนที่ถูกเปลี่ยนลงมา จะต้องนับเป็นผู้เล่นของเซตนั้นด้วยตามกฎลงเล่นต่อเนื่องได้ไม่เกิน 2 เซต แม้จะเล่นแค่ 1-2 แต้มก็ถือว่าลงเล่นทั้งเซต
4. อนุญาตให้ส่งรายชื่อผู้เล่นเพิ่มจาก 14 คนเป็น 20 คน เพื่อให้สามารถบริหารจัดตัวผู้เล่นตามกฎกติกาข้อนี้ได้
จุดประสงค์
- เพื่อให้ผู้เล่นทุกคนในทีมมีโอกาสได้ลงเล่นทัดเทียมกัน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความสามารถของนักกีฬาคนใดคนหนึ่งหรือชุดใดชุดหนึ่งมากเกินไป นักกีฬาทุกคนสามารถเป็นตัวจริงลงเล่นทดแทนกันก่อน-หลังได้หมด ไม่ใช่เป็นแค่อะไหล่รอเปลี่ยนแทนตัวจริงตอนที่ตัวจริงเล่นไม่ออกหรือมีปัญหาทางร่างกายจนเล่นต่อไม่ได้
- ทำให้โค้ชต้องมีการวางแผนเลือกใช้ผู้เล่นแต่ละคนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ต้องประเมินทีมคู่แข่งว่าเขาจะส่งนักกีฬาของเขาคนไหนลงเล่น แล้วเราจะเลือกนักกีฬาคนไหนของเราไปชนสู้กับเขา ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ทีมไทยส่ง เอ้ สิริมา เป็นมือเซตลงเล่นเซต 1 กับ เซต 2 แทน พู่ ในนัดที่พบกับทีมแคนาดา จนทำให้โค้ชทีมเขาแก้เกมไม่ทัน อีกแมตช์คือ ไทยเจอกับจีน โค้ชเลือกดร็อปเพียวในเซตที่ 2 กับ 3 แล้วส่งเพียวกลับมาลงเล่นในเซตที่ 4 และ 5 เป็นตัวอย่างของการบริหารจัดการตัวผู้เล่นที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพและได้ผลดีกับทีม
- เปิดโอกาสให้โค้ชได้ทดลองใช้งานนักกีฬาทีมชาติหน้าใหม่ไปด้วยในตัว ไม่ได้อาศัยฝีมือนักกีฬาตัวจริงเพียงไม่กี่คนเป็นคนสร้างผลงานให้กับทีมและตัวเอง ส่วนนักกีฬาหน้าใหม่ก็จะได้เรียนรู้และหาประสบการณ์จากการแข่งขันจริง
- ผลการแข่งขันขึ้นอยู่กับ ความสามารถของโค้ช (บริหารจัดการเลือกนักกีฬาลงเล่น กับการแก้เกม) + ฝีมือของนักกีฬาที่ลงเล่น + การประเมินศักยภาพของนักกีฬาทีมคู่แข่งได้ถูกต้องแม่นยำ