สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกท่าน วันนี้เราขอหาที่พึ่งทางใจ ที่ปรึกษาจากรุ่นพี่ลูกสะใภ้ ลูกเขย ทุกท่าน ..
ขอเข้าเรื่องเลยนะคะ เรากับสามี แต่งงานกันมาไม่ถึง 1 ปีดี (แต่คบกันมา 5 ปีแล้วนะคะ)
พื้นเพสามี เป็นคน กทม. บ้านของครอบครัวสามีอยู่แถวๆบางแค สามีทำงานในเมือง เลยแยกตัวมาซื้อคอนโดใกล้ MRT แถวๆท่าพระอยู่
พื้นเพชะนี เป็นคนสมุทรปราการ อาศัยอยู่บ้านของครอบครัว ทำงานย่าน บางนาตราด เราเป็นคนไม่สะดวกขับรถ จะสะดวกเดินทางด้วยรถสาธารณะมากกว่า
ส่วนสามีขับรถเป็นหลัก .. เรื่องมันมีอยู่ว่า เรากับสามีวางแผนกันว่า จะซื้อบ้านอยู่กันเอง 2 คน เพื่อสร้างครอบครัวกัน หลังจากแต่งงาน โดยชีวิตก่อนหน้าที่จะแต่งงาน เราใช้ชีวิตกันแบบ ไปๆมาๆ นอนบ้านเราบ้าง นอนคอนโดบ้าง(สามีอยู่คอนโดเป็นหลัก) และกลับไปเยี่ยมบ้านฝั่งสามีบ้าง ชีวิตวนอยู่แบบนี้
และเราสองคนกับสามีก็เริ่มตะเวนดูบ้านกัน ซึ่งบ้านที่ดูเป็นโซนบางนาตราด โดยสามีให้เหตุผลว่า
ที่เลือกโซนนี้ เพราะ
1.ใกล้ที่ทำงานเรา จะได้เดินทางด้วยรถสาธารณะได้ ไม่ไกลมาก ประหยัดทั้งเวลา และเงินค่ารถ
2.บ้านที่เลือกดู คือสามารถขับรถยิงยาวขึ้นทางด่วนได้ไม่ไกลเกินรับไหว หรือ ถ้าในอนาคตสามีต้องเดินทางไปทำงานทุกวัน (ตอนนี้ wfh 80%) ก็หาที่จอดรถรายเดือนแล้วนั่ง bts ไป
ทีนี้สามีก็เริ่มแจ้งกับแม่สามีว่า จะมีการเริ่มดูบ้านนะ ดูโซนนี้นะ แม่สามีก็เกิดการไม่พอใจ และน้อยใจ เพราะว่าจะย้านไปอยู่ไกลแกเกินไป แกกลัวลูกจะไปกลับมาหาแก แกกลัวว่าถ้าเกินเหตุฉุกเฉินอะไรแล้วลูกจะมาไม่มันการณ์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้**ขออธิบายบ้านแม่สามีนิดนึง เพื่อให้ข้อมูลที่ครบถ้วน** บริเวณบ้านแม่สามีเป็นที่ดินจัดสรร ไม่ใช้หมู่บ้านนะคะ โดยแม่สามีปลูกบ้านในที่ดินที่ติดกับบ้านลูกพี่ลูกน้องของแม่สามีอีก 4 หลัง ซึ่งสมาชิคทุกคนสามัคคีกันดี ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาเป็นอย่างดี แม่สามีไมได้โดดเดี่ยวอยู่คนเดียว สมาชิคในบ้านสามี มีแม่สามี คุณยายสามี น้องชายสามีที่ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร อยุ่บ้านเฉยๆ 24 ชม**
เราเองเข้าใจว่าไม่แปลกที่แม่จะรู้สึกว่าลูกออกห่างไป ใจมันหวิว ไม่รู้สึกถึงความไม่มั่นคง เพราะแม่หวังพึ่งสามีเรามาก หวังทุกสิ่งทุกอย่างกับสามีเรา เพราะแม่สามีเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แกเลี้ยงลูกมาคนเดียวด้วยความลำบาก พอสามีเราประสบความสำเร็จ หน้าที่การงานมั่นคง แกก็อยากจะพึ่งพาสามีเรา ในแง่การส่งเสียเงินทอง เหตุผลนี้เรารับได้และเข้าใจเป็นอย่างมาก เพราะทางครอบครัวชะนีเองก็ต้องเลี้ยงดู ส่งเสียพ่อแม่เช่นกัน ทีนี้จะขอบอกเงินเดือนคร่าวๆของชะนีและสามีก่อนนะคะ
สามีทำงานสายแบงค์ เงินเดือน 70k มีงานเสริมอีก 1 ที่ 20k มีภาระที่ต้องใช้จ่าย ประมาณ 80% ของรายได้ โดยภาระของสามี จะมีการผ่อนคอนโด ผ่อนรถยนต์ ผ่อนของต่างๆ ค่าใช้จ่ายสวนตัว ค่าภาษีสังคม ค่าบัตรเครดิต และผ่อนชำระค่างวดสินเชื่อ (เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวของสามีคนเดียว)
เงินเดือนเรา 27k แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 14k (บ้านปัจจุบันไกลและค่ารถค่อนข้างแพงตกวันละ 200ได้ ) ค่าใช้จ่ายในบ้าน 3k ค่าผ่อนชำระสินค้าต่างๆ 4k ค่าบัตรเครดิต 4k โดยประมาณ เรียกว่าค่าใช้จ่ายฟิตจนแทบไม่พอ
ทีนี้พอเราจะได้ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ ค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระค่าสินค้าต่าง จะหมดภาระประมาณสิ้นปีนี้ บวกกับค่าเดินทางที่ต้องเสียน้องลง ชะนีก็จะมีกำลังในการช่าวยสามีแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้บ้างแล้ว ก็เลยดีดเครื่องคิดเลขคำณวนกันกับสามีว่า เราไหวที่จะซื้อบ้านราคาเท่าไหร่ เอาที่อยู่ได้สบายๆเรา และผ่อนได้ไม่เกินกำลัง สุดท้ายเราก็มาลงเอยที่บ้านหลังที่ซื้อคือ เป็นทาวน์โฮมหลังเล็กๆ 3 นอน 3 น้ำ สำหรับเรา เราว่าพอแล้ว สามีก็ผ่อนไม่สูงมาก ตอบโจทย์ทุกเรื่องของครอบครัวเรา เราเลยตัดสินใจจองบ้าน ทำเรื่องกู้ ทุกอย่างออกมาสำเร็จ ผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งเราเองก็คุยกับสามีว่า คอนโดของสามีปัจจุบัน เราเห็นว่าควรปล่อยเช่าไป เพื่อแบ่งเบาภาระการผ่อนของสามี สามีเห็นด้วย
ทีนี้ปัญหาคือ พอสามีเริ่มเกริ่นเรื่องซื้อบ้านกับครอบครัวสามี แม่สามีโกรธสามีมาก โมโหสามีมาก ด่าทอสามีต่างๆนาๆ โดยใช้สาเหตุของการโมโห โกรธ ในการซื้อบ้านครั้งนี้ มากจาก เรา ผู้เป็นลูกสะใภ้ เพราะแม่สามีมองว่า สามีไม่คิดถึงแม่เลย คิดถึงแต่ความสบายของชะนี คิดถึงแต่ตัวเอง คิดแต่จะให้ตัวเองสบาย เราเองก็ได้แต่ งง ว่าอิหยังวะ คือเราไม่ได้คิดว่าการซื้อบ้านจะเป็นปัญหาใหญ่โตระดับนี้ เพราะเรามองตามวิถึชีวิตของครอบครัวสามี ยายสามี มีลูก 3 คน
แม่สามีเป็นลูกคนโต ตอนแต่งงานใหม่ แม่เล่าให้ฟังว่าก็มีปากเสียงกับยายเช่นกัน เรื่องจะออกไปสร้างอนาคตกับพ่อสามี แต่แม่ก็เลือกที่จะออกไป แต่สุดท้ายพอท้องก็กลับมาอยู่กับยาย และอยู่ได้ไม่นาน แม่กับพ่อสามีก็แยกทางกัน เลยกลายเป็นแม่อยู่บ้านเดียวกับยายมาตลอด
น้าสาวคนรอง ก็แยกครอบครัวออกไปทั้งๆที่ยายก็ต่อบ้าน ขยายพื้นที่รองรับครอบครัวน้าสามีไว้ให้
น้าชายคนสุดท้อง หนักสุดคือ ย้ายบ้านไปอยู้บ้านน้าสะใภ้เลย ไกลที่สุด
เรามองจากตรงนี้เป็นหลัก และเห็นว่าทุกคนมีวิถีชีวิตในการขยายครอบครัวออกไป เลยไมได้คิดว่ามันจะเป็นดราม่าอะไรใหญ่โต
ทีนี้สามีเราก็ทะเลาะกับแม่สามี เพราะสามีก็ยินยันว่าการซื้อบ้านตรงนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวเรา แต่แม่สามีก็ยังคงไม่พอใจและต่อต้าน สามีเราก็เลยยังไม่กล้าบอกแม่ว่าตัดสินใจซื้อบ้านแล้ว ตัวเราที่เป็นสะใภ้จะวางตัวยังไงดี ให้โดนด่าน้อยที่สุด หรือ จะรับมือยังไงดีคะ ถ้าแม่สามีฟาดงวง ฟาดงา มา แล้วเราจะไม่ตอบโต้ เพราะถ้าเราพูดในหลักความเป็นจริง ก็ไม่ถูกใจแม่สามีแน่นอน เพราะตอนนี้คือ ความไม่ถูกใจล้วนๆ แมสามีเคยส่งบ้านที่บางใหญ่มา ให้สามีดู สามีเลยถามแม่ไปว่า ถ้าอยู่บางใหญ่ตามที่แม่อยากให้อยู่จริงๆ ก็ไม่ได้ใกล้แม่นะ และสามีทำงานในเมือง กว่าจะถึง และชะนี ต้องเดินทางข้ามซีกมาจากบางใหญ่ ถึง บางนา เลยนะ แต่เหมือนแม่สามีก็ไม่ได้สนใจเหตุผลตรงนี้เลย คือเหมือนอยากให้อยู่ไกลจากพ่อ แม่ ชะนี อยากให้อยู่โซนอื่น ที่ไม่ใช่โซนใกล้บ้านพ่อ บ้านแม่ เรา
ขอบคุณที่ทนอ่านมาจนจบคะ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นต์นะคะ
ปัญหาโลกแตก แม่ผัวลูกสะใภ้ ..
ขอเข้าเรื่องเลยนะคะ เรากับสามี แต่งงานกันมาไม่ถึง 1 ปีดี (แต่คบกันมา 5 ปีแล้วนะคะ)
พื้นเพสามี เป็นคน กทม. บ้านของครอบครัวสามีอยู่แถวๆบางแค สามีทำงานในเมือง เลยแยกตัวมาซื้อคอนโดใกล้ MRT แถวๆท่าพระอยู่
พื้นเพชะนี เป็นคนสมุทรปราการ อาศัยอยู่บ้านของครอบครัว ทำงานย่าน บางนาตราด เราเป็นคนไม่สะดวกขับรถ จะสะดวกเดินทางด้วยรถสาธารณะมากกว่า
ส่วนสามีขับรถเป็นหลัก .. เรื่องมันมีอยู่ว่า เรากับสามีวางแผนกันว่า จะซื้อบ้านอยู่กันเอง 2 คน เพื่อสร้างครอบครัวกัน หลังจากแต่งงาน โดยชีวิตก่อนหน้าที่จะแต่งงาน เราใช้ชีวิตกันแบบ ไปๆมาๆ นอนบ้านเราบ้าง นอนคอนโดบ้าง(สามีอยู่คอนโดเป็นหลัก) และกลับไปเยี่ยมบ้านฝั่งสามีบ้าง ชีวิตวนอยู่แบบนี้
และเราสองคนกับสามีก็เริ่มตะเวนดูบ้านกัน ซึ่งบ้านที่ดูเป็นโซนบางนาตราด โดยสามีให้เหตุผลว่า ที่เลือกโซนนี้ เพราะ
1.ใกล้ที่ทำงานเรา จะได้เดินทางด้วยรถสาธารณะได้ ไม่ไกลมาก ประหยัดทั้งเวลา และเงินค่ารถ
2.บ้านที่เลือกดู คือสามารถขับรถยิงยาวขึ้นทางด่วนได้ไม่ไกลเกินรับไหว หรือ ถ้าในอนาคตสามีต้องเดินทางไปทำงานทุกวัน (ตอนนี้ wfh 80%) ก็หาที่จอดรถรายเดือนแล้วนั่ง bts ไป
ทีนี้สามีก็เริ่มแจ้งกับแม่สามีว่า จะมีการเริ่มดูบ้านนะ ดูโซนนี้นะ แม่สามีก็เกิดการไม่พอใจ และน้อยใจ เพราะว่าจะย้านไปอยู่ไกลแกเกินไป แกกลัวลูกจะไปกลับมาหาแก แกกลัวว่าถ้าเกินเหตุฉุกเฉินอะไรแล้วลูกจะมาไม่มันการณ์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราเองเข้าใจว่าไม่แปลกที่แม่จะรู้สึกว่าลูกออกห่างไป ใจมันหวิว ไม่รู้สึกถึงความไม่มั่นคง เพราะแม่หวังพึ่งสามีเรามาก หวังทุกสิ่งทุกอย่างกับสามีเรา เพราะแม่สามีเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แกเลี้ยงลูกมาคนเดียวด้วยความลำบาก พอสามีเราประสบความสำเร็จ หน้าที่การงานมั่นคง แกก็อยากจะพึ่งพาสามีเรา ในแง่การส่งเสียเงินทอง เหตุผลนี้เรารับได้และเข้าใจเป็นอย่างมาก เพราะทางครอบครัวชะนีเองก็ต้องเลี้ยงดู ส่งเสียพ่อแม่เช่นกัน ทีนี้จะขอบอกเงินเดือนคร่าวๆของชะนีและสามีก่อนนะคะ
สามีทำงานสายแบงค์ เงินเดือน 70k มีงานเสริมอีก 1 ที่ 20k มีภาระที่ต้องใช้จ่าย ประมาณ 80% ของรายได้ โดยภาระของสามี จะมีการผ่อนคอนโด ผ่อนรถยนต์ ผ่อนของต่างๆ ค่าใช้จ่ายสวนตัว ค่าภาษีสังคม ค่าบัตรเครดิต และผ่อนชำระค่างวดสินเชื่อ (เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวของสามีคนเดียว)
เงินเดือนเรา 27k แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 14k (บ้านปัจจุบันไกลและค่ารถค่อนข้างแพงตกวันละ 200ได้ ) ค่าใช้จ่ายในบ้าน 3k ค่าผ่อนชำระสินค้าต่างๆ 4k ค่าบัตรเครดิต 4k โดยประมาณ เรียกว่าค่าใช้จ่ายฟิตจนแทบไม่พอ
ทีนี้พอเราจะได้ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ ค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระค่าสินค้าต่าง จะหมดภาระประมาณสิ้นปีนี้ บวกกับค่าเดินทางที่ต้องเสียน้องลง ชะนีก็จะมีกำลังในการช่าวยสามีแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้บ้างแล้ว ก็เลยดีดเครื่องคิดเลขคำณวนกันกับสามีว่า เราไหวที่จะซื้อบ้านราคาเท่าไหร่ เอาที่อยู่ได้สบายๆเรา และผ่อนได้ไม่เกินกำลัง สุดท้ายเราก็มาลงเอยที่บ้านหลังที่ซื้อคือ เป็นทาวน์โฮมหลังเล็กๆ 3 นอน 3 น้ำ สำหรับเรา เราว่าพอแล้ว สามีก็ผ่อนไม่สูงมาก ตอบโจทย์ทุกเรื่องของครอบครัวเรา เราเลยตัดสินใจจองบ้าน ทำเรื่องกู้ ทุกอย่างออกมาสำเร็จ ผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งเราเองก็คุยกับสามีว่า คอนโดของสามีปัจจุบัน เราเห็นว่าควรปล่อยเช่าไป เพื่อแบ่งเบาภาระการผ่อนของสามี สามีเห็นด้วย
ทีนี้ปัญหาคือ พอสามีเริ่มเกริ่นเรื่องซื้อบ้านกับครอบครัวสามี แม่สามีโกรธสามีมาก โมโหสามีมาก ด่าทอสามีต่างๆนาๆ โดยใช้สาเหตุของการโมโห โกรธ ในการซื้อบ้านครั้งนี้ มากจาก เรา ผู้เป็นลูกสะใภ้ เพราะแม่สามีมองว่า สามีไม่คิดถึงแม่เลย คิดถึงแต่ความสบายของชะนี คิดถึงแต่ตัวเอง คิดแต่จะให้ตัวเองสบาย เราเองก็ได้แต่ งง ว่าอิหยังวะ คือเราไม่ได้คิดว่าการซื้อบ้านจะเป็นปัญหาใหญ่โตระดับนี้ เพราะเรามองตามวิถึชีวิตของครอบครัวสามี ยายสามี มีลูก 3 คน
แม่สามีเป็นลูกคนโต ตอนแต่งงานใหม่ แม่เล่าให้ฟังว่าก็มีปากเสียงกับยายเช่นกัน เรื่องจะออกไปสร้างอนาคตกับพ่อสามี แต่แม่ก็เลือกที่จะออกไป แต่สุดท้ายพอท้องก็กลับมาอยู่กับยาย และอยู่ได้ไม่นาน แม่กับพ่อสามีก็แยกทางกัน เลยกลายเป็นแม่อยู่บ้านเดียวกับยายมาตลอด
น้าสาวคนรอง ก็แยกครอบครัวออกไปทั้งๆที่ยายก็ต่อบ้าน ขยายพื้นที่รองรับครอบครัวน้าสามีไว้ให้
น้าชายคนสุดท้อง หนักสุดคือ ย้ายบ้านไปอยู้บ้านน้าสะใภ้เลย ไกลที่สุด
เรามองจากตรงนี้เป็นหลัก และเห็นว่าทุกคนมีวิถีชีวิตในการขยายครอบครัวออกไป เลยไมได้คิดว่ามันจะเป็นดราม่าอะไรใหญ่โต
ทีนี้สามีเราก็ทะเลาะกับแม่สามี เพราะสามีก็ยินยันว่าการซื้อบ้านตรงนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวเรา แต่แม่สามีก็ยังคงไม่พอใจและต่อต้าน สามีเราก็เลยยังไม่กล้าบอกแม่ว่าตัดสินใจซื้อบ้านแล้ว ตัวเราที่เป็นสะใภ้จะวางตัวยังไงดี ให้โดนด่าน้อยที่สุด หรือ จะรับมือยังไงดีคะ ถ้าแม่สามีฟาดงวง ฟาดงา มา แล้วเราจะไม่ตอบโต้ เพราะถ้าเราพูดในหลักความเป็นจริง ก็ไม่ถูกใจแม่สามีแน่นอน เพราะตอนนี้คือ ความไม่ถูกใจล้วนๆ แมสามีเคยส่งบ้านที่บางใหญ่มา ให้สามีดู สามีเลยถามแม่ไปว่า ถ้าอยู่บางใหญ่ตามที่แม่อยากให้อยู่จริงๆ ก็ไม่ได้ใกล้แม่นะ และสามีทำงานในเมือง กว่าจะถึง และชะนี ต้องเดินทางข้ามซีกมาจากบางใหญ่ ถึง บางนา เลยนะ แต่เหมือนแม่สามีก็ไม่ได้สนใจเหตุผลตรงนี้เลย คือเหมือนอยากให้อยู่ไกลจากพ่อ แม่ ชะนี อยากให้อยู่โซนอื่น ที่ไม่ใช่โซนใกล้บ้านพ่อ บ้านแม่ เรา
ขอบคุณที่ทนอ่านมาจนจบคะ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นต์นะคะ