JJNY : ‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’บี้กลาโหมตอบปชช.│นักวิชาการจวกทอ.│‘แห่ขายบ้าน!!!’สัญญาณชี้ ‘ทุกข์อ่วม’│ทัพเรือคอนเฟิร์มซื้อโดรน

‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’ บี้กลาโหมตอบ ปชช. เครื่องบินรบพม่ารุกล้ำน่านฟ้าไทย ‘พรเพชร’ เห็นพ้องน่าห่วง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3429269
 
 
ส.ส. ‘กก.-พท.’ หารือที่ประชุมร่วมรัฐสภา ห่วงเครื่องบินรบประเทศเพื่อนบ้านรุกล้ำน่านฟ้าไทย จี้ ก.กลาโหม ตอบ ปชช. ด้าน ‘พรเพชร’ เห็นพ้องเป็นเรื่องน่าห่วง

เมื่อเวลา 09.35 น. วันที่ 1 กรกฎาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่…) พ.ศ. … ที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่การประชุมตามระเบียบวาระ นายณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้หารือถึงเหตุการณ์ที่เมื่อวานนี้ (30 มิถุนายน) มีเครื่องบินรบของประเทศเพื่อนบ้านบินรุกล้ำเข้ามายังน่านฟ้าไทย พื้นที่ อ.พบพระ จ.ตาก โดยบินผ่านถึง 3 รอบ อยากถามว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และรัฐบาลไทยมีมาตรการรองรับปัญหาอย่างไร
 
ขณะที่ นายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย (พท.) หารือเรื่องเดียวกันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก กระทรวงกลาโหมในฐานะกำกับดูแลต้องไม่ปล่อยให้กองทัพอากาศออกมาแก้ตัวว่าเขาบินมาไม่นาน เพราะชาวบ้านในพื้นที่บอกว่าทหารเพื่อนบ้านใช้เวลานาน ขณะที่เจ้าหน้าที่เราได้แต่ยืนดู ดังนั้น การประสานงานต้องดีกว่านี้ เพราะเขาเข้ามาในน่านฟ้าไทย กระทรวงกลาโหมต้องมีคำตอบให้ประชาชน เพื่อความปลอดภัยของบ้านเมือง
  
นายพรเพชรกล่าวว่า รับทราบเรื่องนี้จากสื่อเท่านั้น แต่จะมอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการทั้ง 2 สภา หาข้อมูลเรื่องนี้ เพื่อแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบต่อไป เห็นด้วยว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดูแล ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายพรเพชรได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่านายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ที่มีอาการป่วย และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ขณะนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว แต่แพทย์เห็นควรให้งดเว้นการปฏิบัติภารกิจ วันนี้จึงทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม แต่จะขอพักรับประทานอาหารกลางวันในเวลา 12.30 น. ซึ่งจะดำเนินการประชุมอีกครั้งเวลา 13.00 น.


  
นักวิชาการ จวก ทอ. ส่ง F-16 ตอบโต้เมียนมาช้า ชี้ไม่ทำอะไรจะส่อถึงความอ่อนแอ
https://www.nationtv.tv/news/378878320
 
ทอ.แจงดราม่า ส่ง F-16 ขึ้นโต้เครื่องบินรบเมียนมาล้ำแดนช้า เหตุมองไม่ได้เป็นภัยคุกคาม ขณะที่นักวิชาการอัดไม่ใช่เรื่องเล็ก หากไม่ตอบโต้จะส่อถึงความอ่อนแอในการปกป้องดินแดน จี้รัฐบาลเมียนมาแถลงแสดงความรับผิดชอบ
 
เรียกว่าเป็นอีกประเด็นร้อนในโซเชียลวันนี้ (30 มิ.ย.) กรณีดราม่าหลังเกิดเหตุ เครื่อบบินรบ MiG-29 ของเมียนมา บินล้ำแดนเข้ามาในเขตไทยหลายครั้ง สร้างความแตกตื่นไปทั่ว ซึ่งภายหลังทางกองทัพอากาศได้ชี้แจงว่า ได้ส่งเครื่องบินรบ F-16 ขึ้นไปบินวน แต่ก็ยังมีเสียงวิจารณ์ว่า ตอบสนองช้าไป และเบาไปหรือไม่ เนื่องจากเรื่องแบบนี้เป็นศักดิ์ศรีประเทศ (https://www.nationtv.tv/news/378878294 อ่านข่าว)
 
ล่าสุด แหล่งข่าวจากกองทัพอากาศ บอกกับ “เนชั่นทีวี” ว่า การตอบโต้ของกองทัพอากาศต่อสถานการณ์นี้ ไม่ได้ล่าช้า โดยวันนี้หลังจากได้รับรายงานช่วง 11 โมงเช้า ก็นำเครื่องบินรบ F-16 ขึ้นทันที จากนั้นในช่วงเย็น ก็นำเครื่องขึ้นอีกครั้ง โดยปฏิบัติการของกองทัพอากาศในวันนี้ เรียกว่า “การบินพร้อมรบรักษาเขต” เป็นการแสดงออกทางการทหารอย่างหนึ่ง โดยส่ง F-16 ขึ้นบิน 2 รอบ เพื่อให้เรดาร์ของเมียนมาจับได้ และหลังจากนี้ก็จะจับตาดูอย่างใกล้ชิดต่อไป อีกทั้งไทยยังมีผู้ช่วยทูตทหาร ประจำอยู่ที่เมียนมาก็ได้ทำเรื่องประท้วงไป 
  
แหล่งข่าวจากกองทัพอากาศ อธิบายต่อว่า ทางกองทัพมีเรดาร์จับภาพ มีเจ้าหน้าที่มอนิเตอร์อยู่ตลอด เมื่อเห็นการล้ำเส้นเขตแดน ก็สั่ง F-16 ขึ้นบินทันที โดยสมรรถนะของ F-16 ก็สูงกว่าเครื่องบินรบที่ล้ำเข้ามา แต่จากการตรวจสอบและประเมินสถานการณ์เข้าใจว่า ไม่ได้ตั้งใจที่จะล้ำ ถือว่าไม่ได้เจตนา เพราะตลอดหลายวันก็มีการล้ำเพียงแค่ 1 ครั้ง ประกอบกับภูมิประเทศแถบนั้น เขตแดนไทยยื่นเข้าไปทางฝั่งเมียนมาค่อนข้างเยอะ จึงอาจพลาดหรือประมาทเลินเล่อได้ ขณะเดียวกันผู้นำทหารเมียนมาก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทย จึงไม่น่าจะเป็นความจงใจล้ำแดน
  
แต่ถึงกระนั้น หากมีการส่งเครื่องบินรถติดอาวุธ และมีเจตนาล้ำแดนจริง ๆ แม้จะต้องการโจมตีชนกลุ่มน้อย ทางกองทัพก็พร้อมตอบโต้ด้วยมาตรการขั้นเด็ดขาด โดยกำลังของกองทัพอากาศที่กองบิน 4 อำเภอตาคลี จ.นครสวรรค์ และกองบิน 1 นครราชสีมา ก็พร้อมอยู่แล้ว โดยแหล่งข่าวจากกองทัพอากาศบอกทิ้งท้ายว่า นี่คือตำตอบของข้อสงสัยที่ว่าทำไมนักบินถึงต้องฝึกบิน เพราะเมื่อมีเหตุการณ์แบบวันนี้ จะได้ตอบโต้ได้ทันต่อสถานการณ์​ 
 
ด้าน ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและอาวุธ บอกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก และปล่อยผ่านไม่ได้ มิฉะนั้นชาติอื่นอาจกล่าวหาว่า ไทยรู้เห็นเป็นใจให้ใช้น่านฟ้าเข้ามาบินถล่มชนกลุ่มน้อย ถือเป็นการสนับสนุนให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนทางอ้อม และเสียภาพลักษณ์ประเทศด้วย 
 
ดร.เชษฐา ย้ำว่า เรื่องนี้เมียนมาอ้างไม่ได้ว่า ไม่รู้เขตน่านฟ้าไทย เพราะเส้นเขตแดนด้านนี้ชัดมานานแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าไม่เคารพและหมิ่นเกียรติภูมิไทย ฉะนั้นจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาออกมาแถลงแสดงความรับผิดชอบ
 
ขณะที่โฆษกรัฐบาลต้องแสดงความเข้มแข็ง โดยออกมาแถลงข่าวประท้วงการกระทำของเมียนมา ส่งสัญญาณอย่างเป็นทางการ แค่แจ้งทูตไทยในเมียนมาประสานงานยังไม่เพียงพอ ต้องส่งสัญญานแรง ๆ และรวดเร็ว รอช้าไม่ได้ เพราะแสดงถึงความอ่อนแอในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน
 

  
‘คนไทย’ ยังคงไกลสุข ‘แห่ขายบ้าน!!!’ สัญญาณชี้ ‘ทุกข์อ่วม’
https://www.dailynews.co.th/articles/1201202/

เป็นกระแสน่าคิดในสังคมไทยอีกกระแสหนึ่ง...หลังจากเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทาง ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ได้เผย "ข้อมูลชวนอึ้ง??" โดยพบว่าช่วงไตรมาส 1 ของปี 2565 นี้ คนไทยขายบ้านต่อสูงเฉลี่ยถึงเดือนละ 137,957 หน่วย

โดยที่ กรุงเทพฯ ครองแชมป์มากที่สุด รองลงมา ได้แก่ นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี ชลบุรี เชียงใหม่ ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต นครราชสีมา ตามลำดับ ซึ่งผลสำรวจนี้รวบรวมข้อมูลที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศจากการประกาศขายผ่านเว็บไซต์ และจากสถาบันการเงินของรัฐ บริษัทบริหารสินทรัพย์ภาครัฐ และกรมบังคับคดี
 
กรณีเกี่ยวกับ “คนไทยแห่ประกาศขายบ้าน” นั้น…
ได้กลายเป็น “ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ” ในเวลานี้…
นี่ก็น่าคิด…”ปัจจัยใดทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น??”
 
ทั้งนี้ “สถานการณ์คนไทยแห่ประกาศขายบ้าน” ข้อมูลที่เป็นการเปิดเผยจากทางศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ REIC นั้น… ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 ตลาดขายบ้านมือสองในเมืองไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2564 ซึ่ง เดือน มี.ค. เป็นเดือนที่มีจำนวนหน่วยและมูลค่าที่อยู่อาศัยมือสองประกาศขายมากที่สุด โดย “ราคาบ้านมือสอง” นั้น พบว่า… ที่มีการลงประกาศขายมากที่สุด ได้แก่ ราคา 3-5 ล้านบาท และ ที่ลงประกาศขายน้อยที่สุด ได้แก่ ราคา 7.5-10 ล้านบาท …เหล่านี้ก็เป็นตัวเลขที่น่าสนใจของ “ปรากฏการณ์เกี่ยวกับบ้าน” ที่เกิดขึ้นในไทยเวลานี้…
 
ปรากฏการณ์ “คนไทยแห่ประกาศขายบ้านกันอื้อ”
 
ที่ในมุมเศรษฐศาสตร์กรณีนี้ “มีประเด็นชวนคิด??”
 
กับปรากฏการณ์เรื่องนี้…มี “มุมวิเคราะห์เชิงเศรษฐศาสตร์” โดย รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ซึ่งได้วิเคราะห์และสะท้อนถึงเรื่องนี้ผ่านทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” มาว่า… ปรากฏการณ์ที่ คนไทยแห่ขายบ้านจนมีบ้านมือสองล้นตลาด!! ในเวลานี้ ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีปัจจัย 2-3 เรื่องที่ส่งสัญญาณเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาเป็นระยะ ๆ ซึ่งเป็น ผลพวงจากปัญหาเศรษฐกิจ ที่ทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นมา
 
ทาง รศ.ดร.สมชาย ได้ชวนคนไทยให้ร่วมกันวิเคราะห์ถึง “ปัจจัย” ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ขึ้น โดยระบุว่า… อยากให้ลองวาดภาพดูว่า…ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ก่อนหน้านั้นอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศไทยเองก็อยู่ในระดับที่ติดลบอยู่แล้ว คือก่อนจะมีโควิด-19 การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยติดลบอยู่ที่ 6.1 ซึ่งถึงแม้ว่าจะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นมาเป็นบวก 1.6 และบวก 2.2 ตามลำดับ แต่ถ้าหากมองจากตัวเลขที่เคยติดลบสูงถึง 6.1 แม้จะนำตัวเลขการฟื้นตัวอย่าง 1.6 กับ 2.2. มาบวกรวมกัน ก็ยังต่ำกว่าอัตราการติดลบ 6.1 ที่ประเทศไทยเผชิญมาก่อนหน้าอยู่ดี ดังนั้นด้วยเหตุดังกล่าวนี้…
 
จะคาดหวังให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นในปี 2565 คงยาก
 
อาจจะต้องรอคอยกันต่อไปอีกสัก 1 ปี หรือปี 2566
  
รศ.ดร.สมชาย ยังได้ระบุถึงสถานการณ์เรื่องนี้อีกว่า… ด้วยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่อยู่ในระดับต่ำ แม้ไทยจะผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด-19 หรือคลายล็อกแล้ว เพื่อหวังให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้คนกลับมากระเตื้องมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เป็นไปตามที่หวัง เนื่องจาก “กำลังซื้อคนไทยยังไม่กลับมา” เพราะเจอปัญหา “เงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 13 ปี”  อีกทั้งยังมีปัญหา “หนี้ครัวเรือนสะสม” และ “ดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น” ประกอบกัน ด้วยเหตุนี้จึงกระทบโดยตรงกับเงินในกระเป๋าของคนไทย จนส่งผลทำให้กำลังซื้อหายไปจากตลาด ที่กระทบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว นี่ก็อาจเป็น “ปัจจัยส่วนหนึ่ง” ทำให้ “คนไทยจำนวนไม่น้อยต้องตัดสินใจประกาศขายที่อยู่อาศัย” เพราะต้องการเงินสดหมุนเวียนเนื่องจากช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนัก หลายคนต้องเผชิญกับหนี้สินสะสม ซึ่งตัวเลขที่สำรวจนั้น พบว่า…คนไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงติด 1 ใน 3 ของอาเซียน และในปีหน้า หรือปี 2566 นักวิเคราะห์ต่างก็คาดการณ์ว่า… สถานการณ์นี้ของไทยก็น่าจะยังไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นแบบนี้
 
ส่วนอีกปัจจัย ที่ก็อาจจะส่งผลทำให้ “คนไทยเทขายบ้านเพิ่มขึ้น” นั้น ทาง รศ.ดร.สมชาย ระบุว่า คือ… “กฎหมายภาษีที่ดิน” ซึ่งก็อาจมีส่วนทำให้เกิดปรากฏการณ์เรื่องนี้ได้เช่นกัน เนื่องจากเมื่อเริ่มบังคับใช้กฎหมายนี้ ก็จะไม่มีการยกเว้นภาษีให้แล้ว หลังจากเคยยกเว้นมา 1-2 ปี ที่ทำให้ การถือครองอสังหาริมทรัพย์มีต้นทุนเกิดขึ้น จึงเกิดปรากฏการณ์ขาย
 
“ที่น่าคิดก็คือ… ขายเยอะ แต่กลับขายไม่ได้ เพราะกำลังซื้อมันหายไปหมด แถมกำลังซื้อใหญ่อย่างกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ เช่น คนจีน ที่ชอบซื้ออสังหาริมทรัพย์เก็งกำไร ก็หายไปด้วยตั้งแต่เริ่มมีโควิด-19 ก็เลยกระทบเป็นลูกโซ่ไปหมด และที่น่าจับตาต่อจากนี้ไปก็คือ นอกจากการเทขายบ้าน คอนโดฯ ให้จับตาธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารด้วย นี่ก็เป็นอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากจากภาวะเศรษฐกิจ” …ทาง รศ.ดร.สมชาย สะท้อนมุมวิเคราะห์
 
ฉายภาพปัจจัยทำให้เกิด…“ปรากฏการณ์เทขาย!!”
 
มิใช่หุ้น…หากแต่เป็นที่อยู่อาศัย “บ้าน–คอนโดฯ”
 
“ประกาศขายต่อกันมาก” แต่ “ที่ซื้อต่อมีน้อย”
 
“คนไทยยังอ่วมทุกข์” นี่ก็ “สัญญาณชี้ชัด!!” .
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่