ไม่เคยโดนนะครับ
แต่ทราบมาว่า

1. ถ้าคุณไปแจ้งอายัดบัญชีเขา โดยไม่ถูกต้อง ไม่มีเหตุอันควร เขาสามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายคุณได้แน่ๆ
2. การไปอายัดบัญชี ธนาคารจะทำให้เมื่อคุณมีการไปแจ้งความ ซึ่งจะแจ้งความดำเนินคดีได้ต้องมีการกระทำความผิดนะครับ (ข้อนี้มีอธิบายตอนท้าย แจ้งดำเนินคดี กับ แจ้งบันทึกเป็นหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ ยืนยันความจริง)
3. เมื่อธนาคารอายัดบัญชี มันมีแบ่งเป็นอายัดตามจำนวนเงินวงเงิน หรือ อายัดทั้งหมด

ทีนี้

a. การที่ใครคนหนึ่งโอนเงินให้ใครก็ตามผิด มันเป็นการกระทำที่ผิดพลาด หรือ เลินเล่อของผู้โอนเอง คนรับโอนไม่ได้ผิดอะไรแม้แต่น้อย แต่ไม่มีสิทธิในเงินนั้นแน่ๆอยู่แล้ว
b. คนรับโอน จะไม่ผิดเลย ถ้าไม่ได้ถอนเงินนั้นออกไปใช้ ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม ยกเว้น ถอนไปใช้ (แต่จะผิดเมื่อเจตนาอมเงิน ไม่ยอมคืนเมื่อมีข้อบ่งชีชัดเจนแล้ว ซึ่งมันก็ต้องพิสูจน์กันว่าชัดเจนยังไง)

ดังนั้น คนโอนผืดเมื่อทราบ ก็ควร แจ้งผู้รับโอนเงินไปทันที แต่ ไม่มีสิทธิไปบังคับให้เขาโอนคืนหาคุณโดนตรง ไม่มีสิทธิไปคุกคาม ข่มขู่เขา ได้แต่แจ้งว่าโอนไปผิด อยากให้โอนคืน ซึ่งถ้าผู้รับโอน ใจอ่อน/ไม่ฉลาด/ไม่รอบคอบ/เงินมันนิดเดียว/เห็นได้ถึงความบริสุทธิของคุณ เขาคงโอนคืนคุณโดยตรง

แต่ถ้าผู้รับโอน ฉลาด และ รอบคอบ เขาไม่มีวันคืนคุณโดยตรงครับ เพราะมันอาจเป็นเรื่องหลอก/โกง แต่การที่คุณแจ้ง มันเป็นการบอกให้เขารับรู้แล้วว่า เงินในบัญชี จำนวนเท่านี้ ไม่ใช่ของเขา ซึ่งถ้าเขายังถอนไปใช้ เขาก็ต้องมั่นใจว่าเป็นเงินของเขาจริง ซึ่งถ้าไม่ใช่เงินเขาจริง แล้วเขาถอนไปใช้ นั้นคือมีความผิดทันที (จากตรงนี้ พอมีความผิด คุณก็ไปฟ้องอาญาได้ เพราะมันผิดจริง แล้ว ถ้าเขาไม่อยากเข้าคุก เขาก็ต้องรีบหาเงินมาคืน)

ทีนี้ ถ้าเขาไม่ได้โอนออก ไม่เอาไปใช้ เขาไม่มีความผิด คนโอนผิด ต้องไปติดต่อธนาคารที่คุณโอนเงินออก ให้ไปติดต่อธนาคารปลายทางที่รับเงินโอนไป ขอตัดเงินคืน ซึ่ง ธนาคารรับเงินโอน เขาจะติดต่อเจ้าของบัญชีขอตัดเงินคืน แต่ผ่านการอนุญาติจากเจ้าของบัญชี ซึ่งเมื่อขั้นตอนนี้ครบถ้วน ถ้าเขายังไม่คือ ก็ฟ้องเอาผิดเขาได้ (แต่ต้องมาพิสูจน์กันนะว่า เงินนี้มันมาจากคุณจริง คุณจ่ายผิด) แต่ทั่วไป คนรับเงินโอนถ้าไม่โกง เมื่อธนาคารติดต่อมาเขาก็ยินดีคืนอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้คิดอมเงิน เพราะมันผ่านคนกลางที่น่าเชื่อถือได้ (แต่ธนาคารต้องให้คุณยืนยันความบริสุทธิด้วยการไปบันทึกประจำวันครับ)

ทีนี้ มาถึง การถูกฟ้องกลับจากการไปอายัดบัญชีเขา

กรณีแรก  เมื่อมี 1+2 และ 3 เป็นการอายัดเงินทั้งบัญชี   ผู้รับเงินก็ไม่ได้ถอนเงินไปใช้ คือยังมีเงินเหลือมากกว่าเงินที่โอนไปผิด มันเห็นได้ว่า ผู้รับโอนไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ความผิดมันมาจากผู้โอน (a+b) การไปอายัดบัญชีเขาได้ ก็ต้องผ่าน ข้อ2(การแจ้งความ) ซึ่งการบันทึกความบริสุทธิน่ะมันไม่ได้มีการอายัดเงิน ถ้าจะอายัดเงินได้โนต้องแจ้งความกล่าวหา ถ้าแจ้งไม่ถูกไม่ดี มันจะเป็นแจ้งความเท็จ  และผลของการอายัดบัญชี มันจะทำให้ผู้รับโอน ไม่สามารถใช้บัญชีได้ เกิดความเสียหาย ถ้ามีการอายัดทั้งบัญชี ไม่ใช่แค่วงเงิน (เขาเสียหายจากการเอาเงินไปใช้ไม่ได้ ก็แพ่ง)

จะเห็นว่า เขาฟ้องกลับได้ทันที ถ้าคุณแจ้งความเท็จ หาว่าเขาโกงเงิน และไปอายัดเงินเขาทั้งบัญชี

ดังนั้นการไปแจ้งตำรวจ การแจ้งความ มันต้องประมาณไม่ได้แจ้งว่าเขาโกง แต่มันต้องแจ้งเป็นบันทึกว่า ผู้โอนโอนเงินผิด จำนวนเท่าไหร่ ยังไง ผิดไปที่ บ/ชไหน และขอแจ้งเป็นหลักฐานเพื่อให้ธนาคารขอตัดเงินคืนจากบัญชีที่ผิด และเพื่อไว้ยืนยันกับผู้รับโอนเงินนั้นว่า ผู้โอน โอนเงินผิดไป และขอตัดเงินคืนโดยสุจริต ไม่ได้หลอกลวง และถ้าจะอายัดเงิน ก็ต้องกลับไปแจ้งอีกทีเมื่อเจ้าของบัญชีผู้รับโอนไม่ตอบรับใดๆจากการกระทำอันแรกไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง(ตามสมควร) และต้องอายัดแค่ วงเงินที่โอนผิด ถึงจะปลอดภัย

ซึ่งเมื่อผู้โอนเงินผิดดำเนินการดังนี้ ยังไงผู้รับโอนเงินผิดก็ต้องคืนเงินคุณ ผ่านธนาคารโดยตรง เขาไม่มีสิทธิไม่ยินยอมตราบใดที่ธนาคารติดต่อเขาได้ ถ้าเขายังไม่คืน อันนี้ฟ้องยักยอก(อาญา)ได้จริง โดยที่ไม่มีความผิดแน่ๆ  

(ไม่เคยโดน และ ไม่เคยฟ้องใครนะ แต่เคยคุยกับทนายและผู้พิพากษา รวมถึงธนาคาร ว่าถ้าเกิดปัญหาต้องทำอย่างไร ซึ่ง มันมียิบย่อยกว่านี้อีก อยู่ที่ว่าใครไหวพริบดีกว่ากัน ประมาณทนายหาเหลี่ยมหามุมในการเอาผิดกัน ในกรณีทั้ง2ฝ่ายไม่พอใจกันน่ะ ทางที่ดีโอนเงินก็เช็คดูหลายๆรอบ จะปลอดภันที่สุดครับ)