อ๊อฟ ชนะพล อยู่วงการ 16 ปีแต่ไม่ถูกลืม เล่าถึงวันที่เจอข่าวฉาวให้ท้อใจ


ไม่ได้ตั้งกระทู้ซะนาน  วันนี้ขอสักทู้  บอกข่าวคราวอ๊อฟชนะพล
                  ช่องเรียกเข้าไปต่อสัญญาเรียบร้อยแล้วค่ะ  5 ปี ซึ่งคิดว่าอ๊อฟน่าจะอยู่กับช่องไปเรื่อยๆต่อไปคงทำงานเบื้องหลัง
                  ละครเรื่องใหม่น่าจะมีคือดันเด็กใหม่และบู๊  ส่วนเรื่องอื่นๆก็คงต้องรอ

16 ปีที่เข้าวงการมา  มีเรื่องราวมากมาย  อ่านได้จากลิงค์นี้ค่ะ
https://www.thairath.co.th/entertain/news/2417382?fbclid=IwAR25IOzan1cZVP-BC8yRZVyutqmhLF3skgP29HSmzSSJb2xGyE-d3aA9fQQ

ต้องรักษาเวลาในการทำงาน แล้วก็มารยาทในวงการ ผมเองก็ยึดตรงนี้มาตลอด ด้วยความที่ตอนนั้นผมเป็นน้อง 
ผมฟังแล้วจำ และก็ทำมาตลอด จนมันกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวไปโดยปริยาย
คือกลายเป็นเรื่องปกติของผมเมื่อไปกองละคร เจอทีมงาน เจอผู้ใหญ่ ผมก็ทักทาย ไหว้สวัสดี รวมถึงเมื่อผมได้รับเวลานัดหมายทำงาน
 เมื่อถึงเวลานัด ผมต้องพร้อม
ซึ่งตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ผมยังทำแบบนั้น บางครั้งผมถ่ายงานถึงตี 4 แล้วนัดเริ่มงานใหม่ตอน 7 โมงเช้า
 ผมก็ยังกลับมาอ่านบทยอมนอนน้อยลงไป 1 ชั่วโมง เพื่อให้ได้เตรียมตัว ได้อ่านบทก่อน
ผมยังทำแบบนี้มาตลอดตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในวงการ จนถึงวันนี้ ผมไม่อยากทิ้งวินัยตรงนี้ ถามว่าผมทิ้งได้มั้ย 
มันง่ายมากเพราะความขี้เกียจมันทำได้ง่าย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราทิ้งวินัยตรงนี้ไปแล้ว จะให้กลับมาทำแบบที่เคยทำมันจะยากมากกว่า
ดังนั้นผมขอมั่นคงแบบนี้ดีกว่า ซึ่งผลงานที่ออกมามันก็บอกได้แล้วว่าความตั้งใจที่ทำออกไปนั้นผู้ชมเขาสัมผัสได้ การทำการบ้านทุกวัน
 ไปถึงกองละครแล้วเข้าฉากสามารถเล่นได้ทันที
เมื่อต้องปรับเปลี่ยนบทหน้าเซต เราก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะเราเข้าใจถึงตัวละครแล้ว เชื่อในตัวละครแล้ว 
จะไม่มานั่งกังวลเรื่องบทเพราะว่าทำการบ้านมาแล้ว”
   
 
พระเอกเรตติ้งปัง
ในตอนนี้ต้องบอกว่า อ๊อฟ ชนะพล เป็นพระเอกที่ทำเรตติ้งละครสูงทุกเรื่องเลย ก่อนหน้านี้ก็จาก พุบพญาเสือ 
ที่ทำเรตติ้งเปิดตัวสูงถึง 6.2 มาต่อที่ ปางเสน่หา เรตติ้งเปิดตัวก็ทำได้ถึง 5.2 ซึ่งถือว่าตัวเลขเรตติ้งสูงมากๆ ในยุคนี้ 
อ๊อฟรู้สึกอย่างไรกับความคาดหวังในเรื่องตัวเลข ซึ่งเราได้รับคำตอบว่า
“ด้วยผลงานที่ออกไป ผมต้องขอบคุณแฟนๆ มากกว่าครับที่ติดตามให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ
 ทุกผลงานเป็นความตั้งใจของทีมงานทุกคน นักแสดงทุกคนอยู่แล้ว ที่อยากให้ผลงานออกมาดีที่สุด
ส่วนผลที่ตามมาคือกำไรของผู้ผลิต กับงานละครที่ตัวเลขเรตติ้งผลออกมาเกินคาดตลอด
 ผมถึงอยากขอบคุณแฟนๆ ละครที่ติดตาม และยังตั้งฉายาให้ผมด้วยว่า เจ้าพ่อเรตติ้ง
ซึ่งผมเองก็จะรักษามาตรฐานในด้านการแสดง และจะหาจุดที่ทำให้คนดูรู้สึกว่ามีความพิเศษในการรับบทแต่ละตัวละคร 
จะหาเสน่ห์ของตัวละครนั้นๆ แล้วถ่ายถอดออกมาให้ผู้ชมได้ดู แล้วรู้สึกว่าอ๊อฟมีความเปลี่ยนแปลง
ส่วนความกดดันเรื่องความคาดหวัง ไม่ได้กดดันครับ ผมตั้งใจเล่นละครตามปกติอยู่แล้ว ถ้าผมเอาสิ่งต่างๆ เหล่านี้มากดดันตัวเอง
 อาจจะทำให้การทำงานไม่สนุก แล้วทำไม่เต็มที่ ไม่อยากให้เอาตรงนี้มาเป็นบรรทัดฐาน
เพราะผมเชื่อว่าทุกคนสามารถสร้างเรตติ้งได้ ถ้าจังหวะนั้นถูกที่ถูกเวลา 
มีแฟนละครชอบแนวละครที่เราเล่น ตัวผมเองทำได้คือการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น ตั้งใจเรียนรู้บทบาทใหม่ๆ ที่จะเข้ามาแล้วทำให้เต็มที่ครับ”
   
 
กำไรชีวิต 
เพราะอยู่ในวงการอย่างยาวนานถึง 16 ปี และก็ยังได้เล่นบทเด่นๆ เป็นพระเอกอีกคนของช่องที่เรียกเรตติ้งละครได้สูงมากๆ 
ถามตรงๆ อ๊อฟคิดว่าตัวเองนั้นประสบความสำเร็จในเส้นทางนี้หรือยัง เราได้รับคำถามจากปากผู้ชายคนนี้ว่า 
“ตั้งแต่เข้าวงการใหม่ๆ ผมเคยพูดว่า จะทำงานตรงนี้ 10 ปี ผมจะย้ำกับพี่ๆ นักข่าวเสมอเวลาถามผมตอนนั้น
 แต่เวลานี้ผมรู้สึกว่า เป็นช่วงเวลาของกำไรชีวิตผมในวงการนี้แล้ว เพราะผมได้ทำในสิ่งที่ผมรักอยู่
ผมได้เป็นนักแสดง รวมถึงยังมีแฟนๆ ที่อยากดูผลงานการแสดงของเรา ยังได้รับโอกาสจากทั้งทางช่อง 7HD และผู้จัดละครต่างๆ อยู่
ทุกวันนี้ผมอยู่ด้วยความรู้สึกที่ดีมากๆ ในวงการบันเทิงครับ อยู่ด้วยความรู้สึกที่ชอบผมทำต่อไปเถอะ ให้โอกาสผมเถอะ
ผมมองย้อนกลับไป ในช่วงแรกที่ผมเข้ามาคือการพิสูจน์ตัวตน 
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปลักษณ์ หน้าตา การแสดง อารมณ์ ทุกอย่างคือการพิสูจน์ อย่างบทบาทที่ผมรับ
บางคนเคยถามผมว่า ทำไมไปเล่นละครเย็น ทำไมไปเล่นตัวร้าย ทำไมรับบทนั้นล่ะ คือผมมองว่าทุกบทบาทมีคุณค่า 
และผมเองก็ได้พิสูจน์มาเยอะทีเดียว
ผมคิดเสมอว่าทุกบทคือบททดสอบที่จะทำให้เราได้เรียนรู้แล้วก้าวไปเป็นนักแสดงที่ดีมากๆ ได้ 
การเป็นพระเอกแค่หน้าตาดีไม่พอ ต้องเพียบพร้อมทั้งด้านการแสดง และต้องเป็นตัวละครที่ทุกคนดูแล้วมีความสุข
ผมเองผ่านงานละครมาตั้งแต่ละครเย็น ผ่านบทตัวร้าย เป็นพระเอกกลางคืนบ้าง เย็นบ้าง สลับกันไป ทุกวันนี้ผมก็ไม่ได้ยึดติดนะครับ 
แต่ผมมองว่าผมอยากเล่นบทที่ท้าทายกับตัวเอง
ผมรู้สึกว่าอะไรที่ผ่านไปแล้วคือบททดสอบที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ ผมกล้าเล่าให้น้องใหม่ๆ ที่มารู้จักกัน 
ผมก็จะเล่าถึงประสบการณ์จริงๆ ของผม ที่ผ่านอะไรมาค่อนข้างจะเยอะ มันเหมือนเป็นพล็อตละครเรื่องหนึ่ง ที่น้องๆ เอาไปใช้ได้”
 
   
ครอบครัวคือกำลังใจสำคัญ
แต่กว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ขนาดนี้ในช่วงแรกที่เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง ก็จะเจอคนทักว่าอ๊อฟเป็นพระเอกตัวเล็ก 
หรือโดนข่าวฉาวสกัดดาวรุ่ง ในตอนนั้นอ๊อฟท้อบ้างมั้ย เจ้าตัวเล่าให้เราฟังว่า 
“ผมไม่ท้อครับ เพราะผมทำการบ้านเพิ่มว่า ผมจะกลบความรู้สึกแบบนั้นได้อย่างไร สังเกตได้จากเวลาผมเล่นละคร 
ถึงผมจะดูตัวเล็ก ถ้าการแสดงเราใหญ่ คนจะไม่มองถึงความตัวเล็กของเราเลย เขามองข้าม
บางคนไม่หล่อ แต่เสน่ห์การแสดงที่เขาเล่นออกมา ทำให้คนลืมไปเลยว่าเขาไม่หล่อ 
ผมเลยไม่ได้คิดว่า การที่ผมตัวเล็ก ผมไม่จำเป็นต้องไปปรับตรงนั้น ไม่ต้องไปเล่นเวท ให้ตัวใหญ่ ไม่ต้อง
รูปลักษณ์คือส่วนหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการแสดง ผมไม่สามารถทำให้ตัวเองสูงเพิ่มขึ้นได้ 
แต่ผมอยู่ในส่วนสูง 177-178 เซนติเมตร ผมพอแล้ว
ถามว่าผมเตี้ยมั้ย ผมก็ว่าไม่นะ เพียงแต่แค่ผมเป็นคนไหล่แคบ เลยทำให้ถูกมองว่าตัวเล็ก 
ทรงของผมแถวบ้านเรียกว่า ทรงนักมวย (หัวเราะ) คือมีกล้ามเนื้อนะ แบบลีนๆ
หรือตอนที่เจอข่าวหนักๆ ซึ่งทุกคนอาจจะยังจำได้ 
ช่วงแรกๆ ผมมีข่าวเรื่องเป็นเกย์เยอะมากๆ ตอนนั้นผมกำลังเริ่มเป็นที่รู้จัก เพิ่งเข้าวงการใหม่ๆ ผมก็ไม่รู้จะวางตัวอย่างไร
 
บางครั้งการควบคุมอารมณ์ในการตอบคำถามยังทำได้ไม่ดี คือผมอยากพูดความจริง อยากยืนยัน
 ผมก็เข้าใจว่านักข่าวอยากได้ประเด็นอยากเขียนข่าว
ตอนนั้นยอมรับว่ามีความน้อยใจนะครับ กับหลายๆ อย่าง
 แต่กำลังใจของผมคือเมื่อผมหันไปเจอคุณพ่อ คุณแม่ผม ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดเลยว่า คนใกล้ตัวผมรู้ดีที่สุด
คุณแม่จะพูดกับผมว่า ช่างมันเถอะลูก เรารู้ตัวเราเองก็พอแล้ว จะพูดให้คนทั้งประเทศเชื่อมันเป็นไปไม่ได้หรอก
 เรารู้ตัวเอง รู้หน้าที่ ที่ตัวเองต้องทำพอแล้ว มันเลยเป็นจุดเปลี่ยนของความคิดที่ว่า กำลังใจที่สำคัญที่สุดก็คือคนใกล้ตัว คนในครอบครัวครับ”
   
ขอเอามาบางส่วนของการให้สัมภาษณ์นะคะ  หาอ่านได้เต็มๆตามลิงค์ที่วางไว้
 
 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่