นี่เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ เรามีเรื่องอึดอัดใจมากและเรากลัวว่าวันนึงหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเราอาจจะกลายเป็นโรคเครียด / ซึมเศร้าหรือไบโพล่าร์แน่ๆค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าตั้งแต่ที่พ่อแม่เราเสียชีวิต ย่ากับอาเป็นคนเลี้ยงดูเรามาและเราต้องรายงานเขาทุกอย่างโดยเฉพาะกับอา ตอนแรกเราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีเพราะอาคงอยากให้เราสนิทกัน มีอะไรก็กล้าปรึกษา แต่มันกลับกลายเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามค่ะ อาเริ่มก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ถามเราทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องเงินค่ะ เขาจะอยากรู้เรื่องนี้เป็นพิเศษ ช่วงที่เราเริ่มทำงานเขาก็จะถามว่าได้เงินเดือนเท่าไหร่ ค่ากิน ค่าห้อง ค่ารถเท่าไหร่ เราก็ต้องบอกเขานะคะเพราะถ้าไม่บอกเขาก็จะเอาไปฟ้องย่าว่าเราเริ่มทำตัวเหลวไหลและย่าก็จะมาตำหนิเราอีก เขาอยากรู้แม้กระทั่งวันๆนึงเราใช้จ่ายอะไรบ้าง มีเงินเก็บมั้ย เราเคยอ้อนให้เขาเลี้ยงชาไข่มุก(แกมหยอก) เขาก็บอกว่ามีเงินเดือนแล้วก็ซื้อเองสิ ไอ่เราก็ไม่ได้คิดอะไรเลยไปซื้อมากินเอง พอเขาเห็นเขาก็ตำหนิเราว่ารวยนักหรอ เงินอ่ะเก็บไว้บ้างนะไม่ใช่เอาแต่ใช้ๆ เราก็แบบ.. ก็ตอนแรกบอกให้เลี้ยงแล้วทำไมถึงไม่เลี้ยงอ่ะ พอซื้อเองทำไมต้องบ่นอ่ะ แล้วทุกครั้งที่เขานึกได้เขาจะบ่นแบบนี้ตลอด พูดได้ทั้งวันกับเรื่องเดิมๆจนเราเริ่มที่จะรำคาญ อีกเรื่องนึงคือเราชอบกดดันให้เราเป็นไปตามที่เขาขีดเส้นไว้ และมันทำให้เรากดดันตัวเองไปด้วยว่าต้องทำให้ได้จนบ้างครั้งเราก็ไปกดดันคนอื่นให้เป็นไปตามที่เราคิดเหมือนกัน (เรารู้สึกแย่มากที่เราไปทำแบบนั้นกับคนอื่นทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว) เขาชอบเอาลูกหลานของคนที่ประสบความเร็จมาบอกกับเราว่าเขาเก่งเนอะ อยากให้หลานเป็นแบบนี้บ้าง แต่เอาจริงๆเขาก็ไม่เคยที่จะสนับสนุนเราแบบเต็มที่เลยนะ เช่น ลูกของคนที่ทำงานได้ไปทำงานที่ตปท.แล้วเขาพูดอังกฤษแบบพ่นไฟมาก อาเราก็บอกว่าถ้าหลานพูดได้แบบนี้ก็ดีสิ แต่เขาก็ไม่เคยส่งเราไปเรียนเสริมหรือพูดอังกฤษกับเรา มีแต่เราที่ขวยขวายเอง หัดอ่านเอง ไปคุยกับฝรั่งเอง ผิดๆถูกๆแต่ก็คุยไป เรารู้นะคะว่าเขาหวังดีแต่การที่เขากดดันและก้าวก่ายมากเกินไปมันก็ไม่ดี เขาบ่นจนเราเริ่มที่จะเป็นคนความอดทนต่ำ ทุกครั้งที่เขาบ่นตัวเรานี่แทบจะระเบิด บางครั้งเราแอบร้องไห้ เราอยากหายไปจากโลกนี้ เรารู้สึกว่าเราเป็นเด็กที่แย่มาก ถ้าเขาไม่มีเราชีวิตเขาคงมีความสุขกกว่านี้ เราควรทำยังไงดี เรากลัวตัวเองจะเป็นโรคเครียด ซึมเศร้า หรือไบโพล่าร์มากค่ะ
เรากลัวตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าตั้งแต่ที่พ่อแม่เราเสียชีวิต ย่ากับอาเป็นคนเลี้ยงดูเรามาและเราต้องรายงานเขาทุกอย่างโดยเฉพาะกับอา ตอนแรกเราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีเพราะอาคงอยากให้เราสนิทกัน มีอะไรก็กล้าปรึกษา แต่มันกลับกลายเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามค่ะ อาเริ่มก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ถามเราทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องเงินค่ะ เขาจะอยากรู้เรื่องนี้เป็นพิเศษ ช่วงที่เราเริ่มทำงานเขาก็จะถามว่าได้เงินเดือนเท่าไหร่ ค่ากิน ค่าห้อง ค่ารถเท่าไหร่ เราก็ต้องบอกเขานะคะเพราะถ้าไม่บอกเขาก็จะเอาไปฟ้องย่าว่าเราเริ่มทำตัวเหลวไหลและย่าก็จะมาตำหนิเราอีก เขาอยากรู้แม้กระทั่งวันๆนึงเราใช้จ่ายอะไรบ้าง มีเงินเก็บมั้ย เราเคยอ้อนให้เขาเลี้ยงชาไข่มุก(แกมหยอก) เขาก็บอกว่ามีเงินเดือนแล้วก็ซื้อเองสิ ไอ่เราก็ไม่ได้คิดอะไรเลยไปซื้อมากินเอง พอเขาเห็นเขาก็ตำหนิเราว่ารวยนักหรอ เงินอ่ะเก็บไว้บ้างนะไม่ใช่เอาแต่ใช้ๆ เราก็แบบ.. ก็ตอนแรกบอกให้เลี้ยงแล้วทำไมถึงไม่เลี้ยงอ่ะ พอซื้อเองทำไมต้องบ่นอ่ะ แล้วทุกครั้งที่เขานึกได้เขาจะบ่นแบบนี้ตลอด พูดได้ทั้งวันกับเรื่องเดิมๆจนเราเริ่มที่จะรำคาญ อีกเรื่องนึงคือเราชอบกดดันให้เราเป็นไปตามที่เขาขีดเส้นไว้ และมันทำให้เรากดดันตัวเองไปด้วยว่าต้องทำให้ได้จนบ้างครั้งเราก็ไปกดดันคนอื่นให้เป็นไปตามที่เราคิดเหมือนกัน (เรารู้สึกแย่มากที่เราไปทำแบบนั้นกับคนอื่นทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว) เขาชอบเอาลูกหลานของคนที่ประสบความเร็จมาบอกกับเราว่าเขาเก่งเนอะ อยากให้หลานเป็นแบบนี้บ้าง แต่เอาจริงๆเขาก็ไม่เคยที่จะสนับสนุนเราแบบเต็มที่เลยนะ เช่น ลูกของคนที่ทำงานได้ไปทำงานที่ตปท.แล้วเขาพูดอังกฤษแบบพ่นไฟมาก อาเราก็บอกว่าถ้าหลานพูดได้แบบนี้ก็ดีสิ แต่เขาก็ไม่เคยส่งเราไปเรียนเสริมหรือพูดอังกฤษกับเรา มีแต่เราที่ขวยขวายเอง หัดอ่านเอง ไปคุยกับฝรั่งเอง ผิดๆถูกๆแต่ก็คุยไป เรารู้นะคะว่าเขาหวังดีแต่การที่เขากดดันและก้าวก่ายมากเกินไปมันก็ไม่ดี เขาบ่นจนเราเริ่มที่จะเป็นคนความอดทนต่ำ ทุกครั้งที่เขาบ่นตัวเรานี่แทบจะระเบิด บางครั้งเราแอบร้องไห้ เราอยากหายไปจากโลกนี้ เรารู้สึกว่าเราเป็นเด็กที่แย่มาก ถ้าเขาไม่มีเราชีวิตเขาคงมีความสุขกกว่านี้ เราควรทำยังไงดี เรากลัวตัวเองจะเป็นโรคเครียด ซึมเศร้า หรือไบโพล่าร์มากค่ะ