นิยายชุด : ผลัดกันเล่า by motamad

เรื่องเล่าที่ 17 : ตำนานต้นสักหน้าวัด : ระดับความหลอน 3 กะโหลก
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในจังหวัดเชียงราย กลางดึกคืนนึง หน่วยกู้ภัยได้รับสายโทรเข้ามาแจ้งว่าพบรถยนต์ประสบอุบัติเหตุ  หน่วยกู้ภัยจึงรีบเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อทำการช่วยเหลือ  เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็พบกับรถเก๋งโตโยต้าสีดำกำลังพลิกคว่ำอยู่กลางถนน  ทางเจ้าหน้าที่ก็เร่งรีบช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุทันที 

หลังช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุเสร็จทางเจ้าหน้าที่ได้มีการสอบถามข้อมูลเบื้องต้น โดยในระหว่างที่ทำการสอบถามอยู่นั้น รถเก๋งที่พลิกคว่ำเกิดติดไฟขึ้นมา ท่ามกลางเสียงร้องเตือนให้ระวังก็มีหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ร้องตะโกนขึ้นมาว่า “เห้ยๆ!! ในรถยังมีคนติดอยู่อีกคน!!!!” เจ้าหน้าที่คนอื่นที่ได้ยินก็เริ่มแตกตื่น ร้องถาม “อยู่ตรงไหนๆ!!” เจ้าหน้าที่คนแรกที่เห็นก็รีบตอบทันทีว่า “ด้านหลัง!!” เกิดความวุ่นวายขึ้นในหมู่เจ้าหน้าที่ทันที เมื่อรู้ว่ายังมีคนติดอยู่ในรถและตอนนี้รถก็กำลังติดไฟ 

เจ้าหน้าที่ที่กำลังทำการสอบถามผู้ประสบอุบัติเหตุในตอนแรกอยู่นั้น พอได้ยินที่เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ พูดกัน ก็รีบหันกลับมาถามผู้ประสบเหตุทันทีว่า “ไหนพี่บอกว่าในรถมีพี่คนเดียวไง” ตัวผู้ประสบอุบัติเหตุเอง พอถูกถามแบบนี้ก็เริ่มมึนงง ยืนยันกับเจ้าหน้าที่อีกครั้งว่า “ผมขับรถมาคนเดียวจริงๆ จะมีใครติดอยู่ในนั้นได้อีกละ...” หลังพูดจบ รถก็เกิดการลุกไฟขึ้นมาทันที เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่กำลังจะทำการช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ข้างในก็ร้องออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะรีบนำอุปกรณ์ดับไฟออกมาและรีบดับไฟที่ลุกอยู่ทันที ซึ่งในระหว่างที่ทำการดับไฟอยู่นั้น เจ้าหน้าที่หลายๆ คนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้ยินเสียงคนร้องโหยหวนดังออกมาจากในรถจริงๆ เจ้าหน้าที่เลยรีบดับไฟและวิ่งเข้าไปช่วยเหลือทันทีที่ดับไฟได้ 

แต่ปรากฏว่า... 

ด้านหลังรถที่เจ้าหน้าที่เห็นว่ามีคนติดอยู่นั้นกลับว่างเปล่า เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ต่างก็พากันขนลุกกับสิ่งที่เห็น หลังนำตัวผู้ประสบอุบัติเหตุส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าหน้าที่ก็กลับไปประจำการที่ศูนย์ร้องเรียนและได้มีการพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เป็นรุ่นพี่ได้ยินเหตุการณ์นี้ก็สอบถามถึงสถานที่เกิดเหตุทันที พอรู้ว่าจุดเกิดเหตุคือที่ไหนก็ร้องบอกว่า “โอ้ย ที่ตรงนั้นเกิดเรื่องแบบนี้บ่อย เดี๋ยวก็ชินเองแหละ” พวกเจ้าหน้าที่น้องใหม่ พอได้ยินรุ่นพี่พูดแบบนี้ก็รบเร้าต่อว่า “ที่ตรงนั้นมันเป็นยังไงอ่ะพี่ เล่าให้ฟังหน่อยดิ” ด้วยเพราะว่าตอนนี้ยังไม่มีการรับแจ้งเหตุใดๆ เลยทำให้ยังพอมีเวลาว่างมาพูดคุยกัน ตัวเจ้าหน้าที่รุ่นพี่ก็นั่งลงข้างๆ พร้อมกับเริ่มเล่าเรื่องราวตามที่ตัวเองได้ยินมาอีกต่อหนึ่งให้เจ้าหน้าที่น้องใหม่ฟัง 

เรื่องมันเกิดขึ้น ณ กลางดึกคืนหนึ่ง วันนั้นเป็นวันที่พายุเข้า ฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงหัวค่ำก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด เวลาเกือบเที่ยงคืนทางศูนย์กู้ภัยได้รับแจ้งมาว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ทันทีที่ได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ก็เร่งรีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ สิ่งแรกที่เจ้าหน้าที่เห็นตอนไปถึงนั้นคือรถเก๋งสีขาวพุ่งชนกับต้นไม้สักขนาดใหญ่อยู่ โดยที่สภาพด้านหน้าของรถนั้นยับเยินเอามากๆ ตามรายทางก็มีเศษเหล็กและชิ้นส่วนของรถหลุดกระจุยกระจาย คันเร่งของรถถูกเหยียบค้างเอาไว้จนเครื่องยนต์ส่งเสียงดังกระหึ่ม ประสบการณ์จากการกู้ภัย วัดจากสภาพของรถ คนขับคงเสียชีวิตคาที่แล้วแน่นอน 

ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง เจ้าหน้าที่หลายคนช่วยกันกู้ร่างที่ไร้ลมหายใจแล้วของคนขับออกมาจากรถ แต่เพราะสภาพอากาศที่ฝนกระหน่ำตกลงมา ทำให้ใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะสามารถกู้ร่างออกมาได้

ร่างที่โชกไปด้วยเลือดของหญิงสาววัยสามสิบต้นๆ ถูกวางบนผ้าขาวอย่างระมัดระวัง ช่วงท้องที่กลมใหญ่สร้างความสลดใจให้กับเจ้าหน้าที่แถวนั้น ทุกอย่างก็ดำเนินตามขั้นตอนไปตามปกติ เหมือนทุกอย่างจะเป็นแค่การกู้ภัยทั่วๆ ไป ถ้าหากว่าหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมปฏิบัติการด้วยไม่ไปเห็นว่า ในช่วงที่เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ กำลังช่วยกันกู้ร่างหญิงสาวคนนั้นออกมา ข้างๆ ต้นสักที่เป็นจุดเกิดเหตุ มีเงาตะคุ่มๆ เงาหนึ่งอยู่

เจ้าหน้าที่คนนั้นพยายามเพ่งมองดีๆ แต่เพราะว่าฝนตกหนักมาก และจุดที่ยืนอยู่ค่อนข้างไกล ทำให้เจ้าหน้าที่มองเห็นไม่ชัด ด้วยความสงสัยและไม่ชอบค้างคาใจ เจ้าหน้าที่คนนั้นเลยตัดสินใจเดินถือไฟฉายเข้าไปใกล้ๆ จุดเกิดเหตุ เงาตะคุ่มที่เห็นในตอนแรกเริ่มชัดเจนขึ้น และเมื่อมองสังเกตดีๆ เจ้าหน้ากลับพบว่าเงาตะคุ่มนั้นมาจากร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง!

หญิงสาวคนนี้เธอมีผมยาวสีน้ำตาลและสวมใส่ชุดคลุมท้องสีเขียวอ่อน เธอกำลังยืนดูอะไรบางอย่างในสภาพเปียกโชก สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้สร้างความประหลาดใจให้แก่เจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก เพราะในเวลานี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีชาวบ้านมายืนตากฝนดูเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานกัน...

พอคิดเช่นนี้ในใจเจ้าหน้าที่ก็เริ่มรู้สึกเย็นวาบขึ้นมา ขนทั่วร่างต่างก็พากันลุกตั้งชันขึ้นมาเมื่อเจ้าหน้าที่ลองมองตามสายตาของหญิงสาว จุดที่หญิงสาวผู้นี้กำลังให้ความสนใจอยู่นั้น มันคือจุดที่เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ กำลังช่วยกันประคองร่างของผู้เสียชีวิตไปวางไว้บนผ้าขาวพอดี!! และเมื่อสังเกตอีกที เจ้าหน้าที่กลับพบว่าชุดที่หญิงสาวคนนี้สวมใส่อยู่คือชุดเดียวกันกับที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่!!

เจ้าหน้าที่ค่อยๆ หันกลับมามองหญิงสาวอีกครั้ง และในครั้งนี้ สภาพของเธอที่เปียกโชกนั้นกลับเต็มไปด้วยเลือด!!! เจ้าหน้าที่ตกใจรีบยกไฟฉายในมือขึ้นส่องดูอีกที ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่หญิงสาวคนนั้นหันมาจ้องหน้าเจ้าหน้าที่คนนั้นพอดี! หากเป็นยามปกติเจ้าหน้าที่คนนี้คงร้องลั่นไปแล้ว แต่เพราะในหมู่กู้ภัยมีกฎอยู่ว่า ไม่ว่าจะเจอ จะเห็น หรือจะได้ยินอะไรในช่วงที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น ห้ามร้องทักและบอกเล่าให้ใครคนอื่นฟังเด็ดขาด

เจ้าหน้าที่คนนั้นจึงทำได้แค่หันหน้าหนีและรวบรวมสติ สวดมนต์ในใจพร้อมกับบอกหญิงสาวคนนั้นว่าเดี๋ยวจะทำบุญไปให้ พอกลับไปมองอีกที ที่ต้นสักก็ว่างเปล่า ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่คนนั้นได้ไปทำบุญให้ตามที่ได้สัญญานั้น ก็ได้สืบทราบมาว่า ก่อนจะเสียชีวิตนั้น หญิงสาวได้มีการทะเลาะรุนแรงกับแฟนหนุ่ม เพราะเสียใจ หญิงสาวเลยตันสินใจที่จะกลับไปยังบ้านพ่อแม่โดยที่ไม่สนใจเลยว่าตอนนั้นพายุกำลังเข้าหนักมาก

หลังจากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ชาวบ้านละแวกนั้นและผู้คนที่เดินทางผ่านเส้นทางนี้ มักจะพบเจอกับเรื่องราวแปลกประหลาดอยู่เป็นประจำ ยิ่งวันไหนที่มีฝนตกฟ้าคะนองรุนแรง ใครที่เดินทางคนเดียวมักจะเจออยู่เป็นประจำ บ้างก็เจอในรูปแบบเห็นเป็นผู้หญิงท้องยืนอยู่กลางถนน บ้างก็เห็นยืนอยู่ข้างต้นไม้สัก ที่หนักขึ้นมาหน่อยก็เจอในรูปแบบอยู่ๆ ก็กระโดดใส่หน้ารถเพื่อให้รถยนต์เสียหลัก และที่หน่วยกู้ภัยมักจะเจอกันอยู่เป็นประจำเลยก็คือผู้ประสบภัยมักจะมีจำนวณเกินมาหนึ่งคนอยู่เสมอ...

- จ บ -   

ในความคิดของทุกคนคิดว่าเรื่องนี้ควรให้กี่กะโหลกดีคะ เรื่องนี้เพื่อนเราให้ 3 กะโหลกค่ะ จุดเกิดเหตุหลอนมากจริงๆ ค่ะ โดยเฉพาะถ้าวันไหนขับรถผ่านในช่วงเวลากลางคืน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่