สำหรับเพื่อนๆที่อยากดูแบบเต็มๆไม่มีโลโก้เกะกะเชิญที่เว็บไซต์ผมได้เลยครับ
https://www.nopeopletravelphoto.com/
เดือนที่เดินทาง - มิถุนายน 2022
เคยได้ยินแต่คนอื่นเล่าให้ฟังมาตลอดว่าไปเที่ยวเวียดนามน่ะดี อาหารอร่อย ธรรมชาติสวยงาม วันนี้มีโอกาสได้ไปเองแล้วเป็นครั้งแรกเลยอยากเอาประสบการณ์ส่วนตัวมาแชร์ให้ใครที่กำลังพิจารณาช่วยประกอบการตัดสิน
ไปเที่ยวรอบนี้เราลางานแค่สองวันเท่านั้นใช้เวลาทั้งหมด 3 วัน 2 คืนที่จังหวัดนินห์บินห์และฮานอย บอกเลยว่าเป็นประสบการณ์ที่ผสมผสานทั้งความสนุกและความลำบากไปจนถึงความรำคาญที่มีมาให้เจอเป็นระยะ แล้วอีกอย่างคือถ้ามาหน้าร้อนนี่อากาศมันร้อนจริงๆนะ ลมก็ไม่มีหายใจหายคอลำบากเล็กน้อย แต่ยังไงก็แล้วแต่เวียดนามยังเป็นที่ที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมเยือนแน่นอน
- นินห์บินห์ (Ninh Binh) 2 วัน 1 คืน
- ฮานอย (Hanoi) 2 วัน 1 คืน
นินห์บินห์ (Ninh Binh)
การหาข้อมูลที่เที่ยวใกล้ๆฮานอยส่วนใหญ่ก็จะมีคำแนะนำเยอะแยะให้ไปฮาลองเบย์แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบภูเขามากกว่าเลยหาไปเรื่อยๆจนมาเจอนินห์บินห์ที่คนไทยหลายคนเรียกว่าฮาลองบกเพราะด้วยความที่มีภูเขาหินปูนสูงชันเหมือนที่ฮาลองเบย์แต่ว่าไม่ได้อยู่ในน้ำนั่นเอง
การเดินทางมาก็ไม่ยากเย็น สามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่ฮานอยได้เลยและหลังจากนั้นก็เดินทางมาที่บริษัทรถตู้ที่จองออนไลน์มาล่วงหน้าได้เลยที่เว็บนี้
LINK ราคาต่อคนแค่ 177,600 เวียดนามดองหรือประมาณ 250 บาทเท่านั้น
พอลงเครื่องบินปั๊บก็ไปขึ้นรถก่อนเลยที่จุดนี้
https://goo.gl/maps/M4EhRVqvMveXTfK78 นั่งรอเล็กน้อยคนขับก็มาเรียกขึ้นรถ ด้านในเบาะกว้างใหญ่นั่งสบาย ระยะเวลาเดินทางแค่ 1 ชั่วโมงนิดๆก็มาถึง Ninh Binh แล้ว รถตู้วาร์ปเข้าไฮเปอร์สเปซ
จากตรงนี้เราได้ฝากโรงแรมให้ช่วยจองรถแท๊กซี่ให้แล้วไม่ต้องกลัวหลง ส่วนโรงแรมเรานั้นชื่อ
Lalita Boutique Hotel อยู่ออกมาจากเมือง Tam Coc ที่เป็นเมืองใน Ninh Binh นิดหน่อย ห้องดีมากเกินราคา ขอตินิดเดียวว่าเตียงแข็งมากสำหรับคนนอนยาก ที่โรงแรมมีบริการให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้ด้วยวันละ 120,000 ดอง พนักงานบอกว่าพี่ไม่ต้องใช้ใบขับขี่หรอกตำรวจเห็นหน้าเค้าก็คิดว่าคนเวียดนามไม่ต้องกลัวโดนจับถ้าไม่ทำผิดกฎหมาย
ชีวิตเคยแค่ปั่นจักรยานเลยซ้อมขี่ไปกินข้าวในตัวเมือง Tam Coc สร้างความมั่นใจนิดนึง คนที่นี่ใจดีมากๆครับ ไปนั่งกินอยู่โต๊ะเดียวก็มานั่งคุยด้วย ก่อนออกเอากล้วยน้ำว้าที่ปลูกหลังร้านให้สองลูก
Hoa Lu Ancient Capital
กินข้าวแล้วขี่รถเป็นแล้วที่เที่ยวแรกเราจะไปกันที่ Hoa Lu Ancient Capital หรือเมืองหลวงเมืองแรกของอาณาจักร์เวียดนามในอดีตชื่อน่าจะออกเสียงว่า หั่วลือ เสียงวรรณยุกต์ในภาษาเวียดนามเค้ามีมากกว่าเราเสียงนึงทำให้บางทีออกเสียงค่อนข้างเพี้ยน เอาเป็นว่าพูดแล้วเข้าใจก็พอละกัน
ขี่รถมาประมาณครึ่งชั่วโมงตาแห้งพอสมควรก็มาถึงแล้ว ก่อนจะถึงทางเข้าจะมีคนวิ่งลงมาบนถนนสองสามคนจนผมก็ตกใจนึกว่าจะวิ่งมาชนรถเราซะแล้ว จริงๆคือวิ่งมาโบกให้เอาไปรถไปจอดที่เค้า แล้วพอมีหลายเจ้าก็ต้องวิ่งมาแย่งกันใหญ่ใจหายใจคว่ำ ไม่ต้องไปจอดตามครับเพราะหน้าประตูมีที่จอดใกล้ที่สุด
อีกอย่างที่ต้องระวังคือพวกที่มาคอยหลอกนักท่องเที่ยวเพราะโดนมากับตัว พอจอดรถเสร็จก็จะพากันขี่มอเตอร์ไซค์มาบอกว่าต้องนั่งรถเที่ยวด้านใน พอถามว่าเดินดูไม่ได้หรอก็บอกว่าเดินไม่ได้ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์นำเที่ยว ขอคันละแสน หรือประมาณ 150 บาทบอกว่าพาไปดูสิบจุด คือผมก็เอะใจว่ามันแปลกๆแต่ว่าพวกนี้จะตื้อกันมากเหมือนเราใจไม่แข็งพอ ต่อเหลือสองคนแสนห้าเลยไปตกลง
พอเข้าไปข้างในก็เห็นเลยว่าโดนเข้าแล้วเพราะคนเดินกันเป็นส่วนใหญ่ ด้านในเป็นที่โล่งๆมีอาคารเก่าอยู่ในกำแพงสองจุด คนขับก็พาขับเลยไปออกด้านหลังกำแพงเพื่อไปที่อื่นไกลพอสมควรเลยคิดว่าคงไม่เป็นไรถ้ามันช่วยประหยัดเวลาไม่ต้องเดินไกลๆ พอไปถึงที่แรกปั๊บก็งงๆเล็กน้อยเป็นวัดเล็กๆ คนขับก็พยายามอธิบายที่มาที่แต่แบบลุงแกพูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลยพยายามพูดภาษาเวียดนามซ้ำๆหลายรอบราวกับว่าเราจะเข้าใจลุงแกขึ้นมาในที่สุด เลยได้เดินๆดูต้นบอนไซรอบๆศาลเจ้า
พอดูเสร็จแล้วลุงคนขับก็พาขับไปดูอีกที่บอกว่าเป็นสุสานของจักรพรรดิ ลงไปทำท่าถ่ายรูปนิดหน่อยแล้วก็ขอไปต่อเพราะดูยังไงก็เป็นของที่เพิ่งสร้างขึ้นมาหน้าตาเหมือนฮวงซุ้ยของชาวบ้านที่เห็นได้ทั่วไปแถวนี้
ในที่สุดลุงแกก็พากลับมาดูที่ศาลเจ้าหลักที่เอาไว้กราบไหว้จักรพรรดิ ด้านในก็จะเป็นศาลเจ้าที่มีสถาปัตยกรรมคล้ายๆของประเทศจีนผสมผสานกับรูปแบบของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลุงยังคงพยายามอธิบายเป็นภาษาเวียดนามต่อไป กลับมาหาข้อมูลเองที่บ้านสรุปได้ว่าศาลเจ้านี้สักการะจักรพรรดิ Dinh Tien Hoang จักรพรรดิพระองค์แรกของเวียดนามภาคเหนือที่รวบรวมประเทศจากการรบชนะขุนศึกต่างๆ
อยู่ติดกันกับศาลเจ้านี้เป็นอีกศาลเจ้านึงเข้าใจว่าไว้กราบไหว้โอรส 3 พระองค์ของจักรพรรดิ รายละเอียดไม่ค่อยแน่ใจเพราะไกด์เราไม่สามารถสื่อสารกับเราได้
หลังจากลุงขับพาไปดูวัดอื่นๆอีกสองสามที่ที่ผมคิดว่ามีความหมายอะไรที่ลุงไม่สามารถสื่อสารได้ก็พาแวะที่ร้านน้ำก่อนจะปล่อยเรากลับ แน่นอนต้องช่วยอุดหนุนน้ำดื่มร้านเพื่อนเค้าทั้งที่บอกไปแล้วว่ามีน้ำมาเอง พอมาส่งที่จอดมอเตอร์ไซค์การจ่ายเงินก็เป็นไปอย่างอึดอัดเพราะเราควรจ่ายแค่แสนห้าแต่พอให้แบงค์ 500,000 ไปทำท่าจะไม่ทอนออกท่าทางว่าขอที่เหลือเถอะ แต่ครั้งนี้ผมไม่ยอมแล้วเรียกเอาเงินทอนคืนจนสุดท้ายยอมทอนแค่ 300,000 แล้วเก็บเพิ่มไป 50,000 จากที่ตกลงกัน
ผมเองไม่ได้สนใจเรื่องเงิน 200,000 ดองเท่าไหร่ แต่เจอแบบนี้เข้ามันค่อนข้างเสียความรู้สึกและเสียอารมณ์เอามากๆ ผิดหวังที่พื้นที่ที่ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวเป็นหลักแต่คนแถวนี้ยังคิดสั้นหวังได้เงินเล็กๆน้อยๆแล้วเสี่ยงทำลายชื่อเสียงของท้องถิ่นแบบนี้ แล้วยิ่งเป็นช่วงที่ pandemic เพิ่งผ่อนคลายลงและนักท่องเที่ยวน้อยๆแบบนี้
Trang An Boat Tour
ลมที่พัดโบกบนใบหน้าช่วยสลัดความรู้สึกแย่ๆทิ้งไป ขี่รถแว๊นไปที่ขึ้นเรือทัวร์ที่จ่างอาน (Trang An) กิจกรรมนี้ถ้ามาที่นินห์บินห์แล้วห้ามพลาดมากๆเพราะว่าความสวยงามมันยากจะอธิบาย พายเรือไปตามแม่น้ำที่ด้านข้างเป็นยอดเขาหินปูนสูงตลอดทาง ความเขียวขจีของธรรมชาติทำให้รู้สึกดีถึงแม้ว่าอากาศจะร้อนมากก็ตาม สถานที่มีการจัดการที่ดีมากมีที่จอดรถชัดเจนไม่ต้องห่วงว่าจะมีชาวบ้านมาสวมรอย พอจอดรถแล้วก็เดินไปซื้อตั๋วได้เลย
- ค่าตั๋วคนละ 250,000 ดอง หรือประมาณ 380 บาท
- เรือ 1 ลำต่อนักท่องเที่ยว 4 คน ถ้าคนไม่ครบเรือไม่ออกยกเว้นเราจะยอมจ่ายค่าทัวร์ให้กับที่ว่าง
- ทัวร์นี้มีทั้งหมด 3 เส้นทางโดยจุดขึ้นเรือจะมีป้ายอธิบายแต่ละเส้นทางก่อนเราจะตัดสินใจ
วันนี้เราจะไปขึ้นเส้นทางที่ 2 กันเพราะระยะเวลาไม่นานและสั้นเกินไปที่ประมาณ 2 ชั่วโมงมาถึงที่ขึ้นเรือก็บอกพนักงานได้เลยว่าจะไปเส้นทางไหน ถ้าทางที่เลือกคนน้อยอาจจะต้องรอกันนิดนึงให้มีคนอื่นมาเติมจนเรือเต็มประมาณ 10 - 15 นาทีเท่านั้น มองๆไปแล้วคนพายอายุก็ไม่น้อยแล้วแต่ยังคงแข็งแรงพายเรือกันเป็นชั่วโมงแถมคนนั่งเต็มลำ
เรามาถึงตรงนี้กันแล้วนี่สี่โมงเย็นเข้าไปแล้วอากาศหายร้อนขึ้นมาบ้าง ตรงนี้ชิวๆไม่ต้องออกแรงแน่นอน บรรยากาศดีมากๆ น้ำที่ในรูปดูเขียวๆนี่เป็นเพราะแสงสะท้อนจากต้นไม้แนวเขาเหนือน้ำกับสาหร่ายในน้ำ น้ำจริงๆใสสะอาดมากจุ่มน้ำแล้วรู้สึกดี แต่อย่าจุ่มนานเพราะมันราน้ำสงสารป้าคนพายเค้าเหนื่อยแย่
ตอนแรกก็คิดว่าถ่ายภาพนี่ไม่อยากได้เรือชาวบ้านเลยแต่พอมาถึงที่จริงแล้วมีเรือกับคนนั่งเล็กๆมันทำให้เห็นจริงๆถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติแล้วเสื้อชูชีพสีส้มมันตัดกับสีเขียวกันอย่างลงตัว ทีนี้ในภาพเลยมีเรือทุกภาพเลย 555
ระหว่างทางที่นั่งไปก็จะการพายเรือลอดถ้ำเป็นระยะๆ บางทีป้าคนพายก็ต้องคอยตะโกนบอกนักท่องเที่ยวว่าก้มหัวหน่อยเดี๋ยวโขกเพดานถ้ำนะไอหนู คือถ้ำมันเตี้ยจริงๆนั่งอยู่ก็หงายได้ รูเล็กๆเหมือนในรูปนี้เลย ตลอดทางเค้าก็จะคุยกับนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามที่มาร่วมเรือด้วยดูสนุกสนาน เสียดายเราฟังเค้าไม่ออก
แม่น้ำสายนี้พาเราลอดถ้ำมาเรื่อยๆบางจุดมีเขาล้อมรอบทั้งหมดเหมือนเป็นที่ลับๆแล้วก็จะมีวัดเก่าๆตั้งอยู่ดูแล้วเหมือนหนังจีนที่เคยดูตอนเด็กๆที่มีวัดอยู่ในหุบเขาลึกลับ
ในเรือเค้ามีพายวางอยู่ด้วยหรือเนี่ย เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกพายเรือด้วย คือป้าคนพายเค้าพายไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแรงไม่ตกเลยแต่เราก็อยากช่วยเค้านิดนึงเลยคว้ามาพายเวลาไม่ได้ถ่ายภาพอะไร พายมาซักพักเค้าก็ส่งให้ลงไปเดินดูวัดนี้นิดหน่อยก่อนกลับ ตรงนี้ผมว่าวิวสวยมากๆ
ขากลับเพื่อนร่วมทางเค้าให้เราไปนั่งหน้าบ้างจะได้ถ่ายรูปถนัดๆ ใจดีจังคนแถวนี้ มาเที่ยวที่นี่สนุกมากจนลืมความนอยก่อนหน้านี้ไปเลย วิวสวยตลอดทาง ภูเขาสลับซับซ้อนเป็นตัวช่วยให้ถ่ายภาพออกมาให้เห็นถึงความลึกของภาพ เขาที่ใกล้ก็จะสีสดกว่าเขาที่อยู่ด้านหลังเพิ่มความเป็นสามมิติของภาพได้ดี ความสวยงามอีกอย่างคือลายหินที่คมชัดตัดกับความขยุกขยุยของพุ่มไม้ต้นไม้บนหน้าผาหินปูน
กว่าจะกลับมาจากพายเรือก็เริ่มค่ำละแต่ใจยังสู้ขี่รถจะไปดูจุดชมวิวบนยอดเขาต่อ แต่พาขับมาถึงแล้วได้เห็นบันไดทางขึ้นที่ขดไปขดมาแล้วขึ้นไปสูงมาก วกรถกลับไปหาข้าวกินทันที
[CR] พาเที่ยว Ninh Binh - Hanoi เที่ยวเวียดนาม 3 วัน 2 คืน
สำหรับเพื่อนๆที่อยากดูแบบเต็มๆไม่มีโลโก้เกะกะเชิญที่เว็บไซต์ผมได้เลยครับ https://www.nopeopletravelphoto.com/
เดือนที่เดินทาง - มิถุนายน 2022
เคยได้ยินแต่คนอื่นเล่าให้ฟังมาตลอดว่าไปเที่ยวเวียดนามน่ะดี อาหารอร่อย ธรรมชาติสวยงาม วันนี้มีโอกาสได้ไปเองแล้วเป็นครั้งแรกเลยอยากเอาประสบการณ์ส่วนตัวมาแชร์ให้ใครที่กำลังพิจารณาช่วยประกอบการตัดสิน
ไปเที่ยวรอบนี้เราลางานแค่สองวันเท่านั้นใช้เวลาทั้งหมด 3 วัน 2 คืนที่จังหวัดนินห์บินห์และฮานอย บอกเลยว่าเป็นประสบการณ์ที่ผสมผสานทั้งความสนุกและความลำบากไปจนถึงความรำคาญที่มีมาให้เจอเป็นระยะ แล้วอีกอย่างคือถ้ามาหน้าร้อนนี่อากาศมันร้อนจริงๆนะ ลมก็ไม่มีหายใจหายคอลำบากเล็กน้อย แต่ยังไงก็แล้วแต่เวียดนามยังเป็นที่ที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมเยือนแน่นอน
- นินห์บินห์ (Ninh Binh) 2 วัน 1 คืน
- ฮานอย (Hanoi) 2 วัน 1 คืน
นินห์บินห์ (Ninh Binh)
การหาข้อมูลที่เที่ยวใกล้ๆฮานอยส่วนใหญ่ก็จะมีคำแนะนำเยอะแยะให้ไปฮาลองเบย์แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบภูเขามากกว่าเลยหาไปเรื่อยๆจนมาเจอนินห์บินห์ที่คนไทยหลายคนเรียกว่าฮาลองบกเพราะด้วยความที่มีภูเขาหินปูนสูงชันเหมือนที่ฮาลองเบย์แต่ว่าไม่ได้อยู่ในน้ำนั่นเอง
การเดินทางมาก็ไม่ยากเย็น สามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่ฮานอยได้เลยและหลังจากนั้นก็เดินทางมาที่บริษัทรถตู้ที่จองออนไลน์มาล่วงหน้าได้เลยที่เว็บนี้ LINK ราคาต่อคนแค่ 177,600 เวียดนามดองหรือประมาณ 250 บาทเท่านั้น
พอลงเครื่องบินปั๊บก็ไปขึ้นรถก่อนเลยที่จุดนี้ https://goo.gl/maps/M4EhRVqvMveXTfK78 นั่งรอเล็กน้อยคนขับก็มาเรียกขึ้นรถ ด้านในเบาะกว้างใหญ่นั่งสบาย ระยะเวลาเดินทางแค่ 1 ชั่วโมงนิดๆก็มาถึง Ninh Binh แล้ว รถตู้วาร์ปเข้าไฮเปอร์สเปซ
จากตรงนี้เราได้ฝากโรงแรมให้ช่วยจองรถแท๊กซี่ให้แล้วไม่ต้องกลัวหลง ส่วนโรงแรมเรานั้นชื่อ Lalita Boutique Hotel อยู่ออกมาจากเมือง Tam Coc ที่เป็นเมืองใน Ninh Binh นิดหน่อย ห้องดีมากเกินราคา ขอตินิดเดียวว่าเตียงแข็งมากสำหรับคนนอนยาก ที่โรงแรมมีบริการให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้ด้วยวันละ 120,000 ดอง พนักงานบอกว่าพี่ไม่ต้องใช้ใบขับขี่หรอกตำรวจเห็นหน้าเค้าก็คิดว่าคนเวียดนามไม่ต้องกลัวโดนจับถ้าไม่ทำผิดกฎหมาย
ชีวิตเคยแค่ปั่นจักรยานเลยซ้อมขี่ไปกินข้าวในตัวเมือง Tam Coc สร้างความมั่นใจนิดนึง คนที่นี่ใจดีมากๆครับ ไปนั่งกินอยู่โต๊ะเดียวก็มานั่งคุยด้วย ก่อนออกเอากล้วยน้ำว้าที่ปลูกหลังร้านให้สองลูก
Hoa Lu Ancient Capital
กินข้าวแล้วขี่รถเป็นแล้วที่เที่ยวแรกเราจะไปกันที่ Hoa Lu Ancient Capital หรือเมืองหลวงเมืองแรกของอาณาจักร์เวียดนามในอดีตชื่อน่าจะออกเสียงว่า หั่วลือ เสียงวรรณยุกต์ในภาษาเวียดนามเค้ามีมากกว่าเราเสียงนึงทำให้บางทีออกเสียงค่อนข้างเพี้ยน เอาเป็นว่าพูดแล้วเข้าใจก็พอละกัน
ขี่รถมาประมาณครึ่งชั่วโมงตาแห้งพอสมควรก็มาถึงแล้ว ก่อนจะถึงทางเข้าจะมีคนวิ่งลงมาบนถนนสองสามคนจนผมก็ตกใจนึกว่าจะวิ่งมาชนรถเราซะแล้ว จริงๆคือวิ่งมาโบกให้เอาไปรถไปจอดที่เค้า แล้วพอมีหลายเจ้าก็ต้องวิ่งมาแย่งกันใหญ่ใจหายใจคว่ำ ไม่ต้องไปจอดตามครับเพราะหน้าประตูมีที่จอดใกล้ที่สุด
อีกอย่างที่ต้องระวังคือพวกที่มาคอยหลอกนักท่องเที่ยวเพราะโดนมากับตัว พอจอดรถเสร็จก็จะพากันขี่มอเตอร์ไซค์มาบอกว่าต้องนั่งรถเที่ยวด้านใน พอถามว่าเดินดูไม่ได้หรอก็บอกว่าเดินไม่ได้ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์นำเที่ยว ขอคันละแสน หรือประมาณ 150 บาทบอกว่าพาไปดูสิบจุด คือผมก็เอะใจว่ามันแปลกๆแต่ว่าพวกนี้จะตื้อกันมากเหมือนเราใจไม่แข็งพอ ต่อเหลือสองคนแสนห้าเลยไปตกลง
พอเข้าไปข้างในก็เห็นเลยว่าโดนเข้าแล้วเพราะคนเดินกันเป็นส่วนใหญ่ ด้านในเป็นที่โล่งๆมีอาคารเก่าอยู่ในกำแพงสองจุด คนขับก็พาขับเลยไปออกด้านหลังกำแพงเพื่อไปที่อื่นไกลพอสมควรเลยคิดว่าคงไม่เป็นไรถ้ามันช่วยประหยัดเวลาไม่ต้องเดินไกลๆ พอไปถึงที่แรกปั๊บก็งงๆเล็กน้อยเป็นวัดเล็กๆ คนขับก็พยายามอธิบายที่มาที่แต่แบบลุงแกพูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลยพยายามพูดภาษาเวียดนามซ้ำๆหลายรอบราวกับว่าเราจะเข้าใจลุงแกขึ้นมาในที่สุด เลยได้เดินๆดูต้นบอนไซรอบๆศาลเจ้า
พอดูเสร็จแล้วลุงคนขับก็พาขับไปดูอีกที่บอกว่าเป็นสุสานของจักรพรรดิ ลงไปทำท่าถ่ายรูปนิดหน่อยแล้วก็ขอไปต่อเพราะดูยังไงก็เป็นของที่เพิ่งสร้างขึ้นมาหน้าตาเหมือนฮวงซุ้ยของชาวบ้านที่เห็นได้ทั่วไปแถวนี้
ในที่สุดลุงแกก็พากลับมาดูที่ศาลเจ้าหลักที่เอาไว้กราบไหว้จักรพรรดิ ด้านในก็จะเป็นศาลเจ้าที่มีสถาปัตยกรรมคล้ายๆของประเทศจีนผสมผสานกับรูปแบบของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลุงยังคงพยายามอธิบายเป็นภาษาเวียดนามต่อไป กลับมาหาข้อมูลเองที่บ้านสรุปได้ว่าศาลเจ้านี้สักการะจักรพรรดิ Dinh Tien Hoang จักรพรรดิพระองค์แรกของเวียดนามภาคเหนือที่รวบรวมประเทศจากการรบชนะขุนศึกต่างๆ
อยู่ติดกันกับศาลเจ้านี้เป็นอีกศาลเจ้านึงเข้าใจว่าไว้กราบไหว้โอรส 3 พระองค์ของจักรพรรดิ รายละเอียดไม่ค่อยแน่ใจเพราะไกด์เราไม่สามารถสื่อสารกับเราได้
หลังจากลุงขับพาไปดูวัดอื่นๆอีกสองสามที่ที่ผมคิดว่ามีความหมายอะไรที่ลุงไม่สามารถสื่อสารได้ก็พาแวะที่ร้านน้ำก่อนจะปล่อยเรากลับ แน่นอนต้องช่วยอุดหนุนน้ำดื่มร้านเพื่อนเค้าทั้งที่บอกไปแล้วว่ามีน้ำมาเอง พอมาส่งที่จอดมอเตอร์ไซค์การจ่ายเงินก็เป็นไปอย่างอึดอัดเพราะเราควรจ่ายแค่แสนห้าแต่พอให้แบงค์ 500,000 ไปทำท่าจะไม่ทอนออกท่าทางว่าขอที่เหลือเถอะ แต่ครั้งนี้ผมไม่ยอมแล้วเรียกเอาเงินทอนคืนจนสุดท้ายยอมทอนแค่ 300,000 แล้วเก็บเพิ่มไป 50,000 จากที่ตกลงกัน
ผมเองไม่ได้สนใจเรื่องเงิน 200,000 ดองเท่าไหร่ แต่เจอแบบนี้เข้ามันค่อนข้างเสียความรู้สึกและเสียอารมณ์เอามากๆ ผิดหวังที่พื้นที่ที่ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวเป็นหลักแต่คนแถวนี้ยังคิดสั้นหวังได้เงินเล็กๆน้อยๆแล้วเสี่ยงทำลายชื่อเสียงของท้องถิ่นแบบนี้ แล้วยิ่งเป็นช่วงที่ pandemic เพิ่งผ่อนคลายลงและนักท่องเที่ยวน้อยๆแบบนี้
Trang An Boat Tour
ลมที่พัดโบกบนใบหน้าช่วยสลัดความรู้สึกแย่ๆทิ้งไป ขี่รถแว๊นไปที่ขึ้นเรือทัวร์ที่จ่างอาน (Trang An) กิจกรรมนี้ถ้ามาที่นินห์บินห์แล้วห้ามพลาดมากๆเพราะว่าความสวยงามมันยากจะอธิบาย พายเรือไปตามแม่น้ำที่ด้านข้างเป็นยอดเขาหินปูนสูงตลอดทาง ความเขียวขจีของธรรมชาติทำให้รู้สึกดีถึงแม้ว่าอากาศจะร้อนมากก็ตาม สถานที่มีการจัดการที่ดีมากมีที่จอดรถชัดเจนไม่ต้องห่วงว่าจะมีชาวบ้านมาสวมรอย พอจอดรถแล้วก็เดินไปซื้อตั๋วได้เลย
- ค่าตั๋วคนละ 250,000 ดอง หรือประมาณ 380 บาท
- เรือ 1 ลำต่อนักท่องเที่ยว 4 คน ถ้าคนไม่ครบเรือไม่ออกยกเว้นเราจะยอมจ่ายค่าทัวร์ให้กับที่ว่าง
- ทัวร์นี้มีทั้งหมด 3 เส้นทางโดยจุดขึ้นเรือจะมีป้ายอธิบายแต่ละเส้นทางก่อนเราจะตัดสินใจ
วันนี้เราจะไปขึ้นเส้นทางที่ 2 กันเพราะระยะเวลาไม่นานและสั้นเกินไปที่ประมาณ 2 ชั่วโมงมาถึงที่ขึ้นเรือก็บอกพนักงานได้เลยว่าจะไปเส้นทางไหน ถ้าทางที่เลือกคนน้อยอาจจะต้องรอกันนิดนึงให้มีคนอื่นมาเติมจนเรือเต็มประมาณ 10 - 15 นาทีเท่านั้น มองๆไปแล้วคนพายอายุก็ไม่น้อยแล้วแต่ยังคงแข็งแรงพายเรือกันเป็นชั่วโมงแถมคนนั่งเต็มลำ
เรามาถึงตรงนี้กันแล้วนี่สี่โมงเย็นเข้าไปแล้วอากาศหายร้อนขึ้นมาบ้าง ตรงนี้ชิวๆไม่ต้องออกแรงแน่นอน บรรยากาศดีมากๆ น้ำที่ในรูปดูเขียวๆนี่เป็นเพราะแสงสะท้อนจากต้นไม้แนวเขาเหนือน้ำกับสาหร่ายในน้ำ น้ำจริงๆใสสะอาดมากจุ่มน้ำแล้วรู้สึกดี แต่อย่าจุ่มนานเพราะมันราน้ำสงสารป้าคนพายเค้าเหนื่อยแย่
ตอนแรกก็คิดว่าถ่ายภาพนี่ไม่อยากได้เรือชาวบ้านเลยแต่พอมาถึงที่จริงแล้วมีเรือกับคนนั่งเล็กๆมันทำให้เห็นจริงๆถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติแล้วเสื้อชูชีพสีส้มมันตัดกับสีเขียวกันอย่างลงตัว ทีนี้ในภาพเลยมีเรือทุกภาพเลย 555
ระหว่างทางที่นั่งไปก็จะการพายเรือลอดถ้ำเป็นระยะๆ บางทีป้าคนพายก็ต้องคอยตะโกนบอกนักท่องเที่ยวว่าก้มหัวหน่อยเดี๋ยวโขกเพดานถ้ำนะไอหนู คือถ้ำมันเตี้ยจริงๆนั่งอยู่ก็หงายได้ รูเล็กๆเหมือนในรูปนี้เลย ตลอดทางเค้าก็จะคุยกับนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามที่มาร่วมเรือด้วยดูสนุกสนาน เสียดายเราฟังเค้าไม่ออก
แม่น้ำสายนี้พาเราลอดถ้ำมาเรื่อยๆบางจุดมีเขาล้อมรอบทั้งหมดเหมือนเป็นที่ลับๆแล้วก็จะมีวัดเก่าๆตั้งอยู่ดูแล้วเหมือนหนังจีนที่เคยดูตอนเด็กๆที่มีวัดอยู่ในหุบเขาลึกลับ
ในเรือเค้ามีพายวางอยู่ด้วยหรือเนี่ย เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกพายเรือด้วย คือป้าคนพายเค้าพายไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแรงไม่ตกเลยแต่เราก็อยากช่วยเค้านิดนึงเลยคว้ามาพายเวลาไม่ได้ถ่ายภาพอะไร พายมาซักพักเค้าก็ส่งให้ลงไปเดินดูวัดนี้นิดหน่อยก่อนกลับ ตรงนี้ผมว่าวิวสวยมากๆ
ขากลับเพื่อนร่วมทางเค้าให้เราไปนั่งหน้าบ้างจะได้ถ่ายรูปถนัดๆ ใจดีจังคนแถวนี้ มาเที่ยวที่นี่สนุกมากจนลืมความนอยก่อนหน้านี้ไปเลย วิวสวยตลอดทาง ภูเขาสลับซับซ้อนเป็นตัวช่วยให้ถ่ายภาพออกมาให้เห็นถึงความลึกของภาพ เขาที่ใกล้ก็จะสีสดกว่าเขาที่อยู่ด้านหลังเพิ่มความเป็นสามมิติของภาพได้ดี ความสวยงามอีกอย่างคือลายหินที่คมชัดตัดกับความขยุกขยุยของพุ่มไม้ต้นไม้บนหน้าผาหินปูน
กว่าจะกลับมาจากพายเรือก็เริ่มค่ำละแต่ใจยังสู้ขี่รถจะไปดูจุดชมวิวบนยอดเขาต่อ แต่พาขับมาถึงแล้วได้เห็นบันไดทางขึ้นที่ขดไปขดมาแล้วขึ้นไปสูงมาก วกรถกลับไปหาข้าวกินทันที
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้