สวัสดีค่ะ ขอปรึกษาเพื่อนๆ ในพันทิปที่ผ่านเข้ามาเจอกระทู้ค่ะ เรากลุ้มใจมากๆ จนพบจิตแพทย์หลายครั้ง
เราอายุ 30 ปีแล้ว รู้สึกว่าครอบครัวเป็นปัญหาและปมในใจของเรามากๆ มันสะสมมาเรื่อยๆ ค่ะ
ขอกล่าวก่อนเลยว่า เราอยู่กับครอบครัวมาตลอด มีพ่อ(ออกจากบ้านตอนเราป.6 ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) แม่ (64 ปี) พี่ชาย (33 ปี) และเรา อายุ 30 ปี
ปัจจุบันพ่อเสียชีวิตแล้วค่ะ แต่ตอนที่เราอยู่ป.6 พ่อกับแม่ก็เลิกกันแล้ว พ่อมีแฟนใหม่ แต่พ่อยังไปๆ มาๆ รับส่งลูกเวลาต้องไปเรียนมอไกลๆ ค่ะ
และให้เงินเดือนแม่เดือนละ 5-6 หมื่นทุกเดือนค่ะ (แต่แม่ไม่มีเงินเก็บเลย)
ปล. แม่เคยบอกว่าชื่อเล่นเรา ตั้งมาให้ใกล้เคียงชื่อเมียน้อยพ่อ พอเรียกชื่อเราพ่อจะได้สะเทือนใจ (เราว่าแม่ใจร้ายมากที่พูดแบบนี้ แต่พอหลังๆ เราบอกเค้าว่าเค้าเคยพูดแบบนี้นะ แม่บอกว่าแม่ไม่เคยพูด ทำไมเธอมองชั้นไม่ดี ใส่ร้ายชั้นตลอด ซึ่งเรางงมาก เราจะไปเอามาจากไหนถ้าแม่ไม่พูด)
ปัญหาครอบครัวของเราสะสมมาหลายเรื่องมาก
1. พี่ชายเอาแต่ใจตัวเองมากๆ ตั้งแต่เด็ก แม่จะให้เรายอมให้พี่เสมอ เพราะเราพูดง่าย พี่ดื้อ เลยให้เรายอมตลอด
ปัจจุบันพี่เราเล่นเกมส์ ไม่มีงานทำตั้งแต่เรียนจบค่ะ และน้ำหนักประมาณ 300 กิโลค่ะ พี่ชายเป็นคนโมโหร้าย
ทำให้แม่ก็ไม่เคยดุด่าจริงจัง บอกแต่ว่า ไว้ก่อน เดี๋ยวเค้าคงรู้ จะพูดตอนใจเย็น ซึ่งก็ไม่เคยเป็นผล พี่เราไม่ทำงานอะไรเลย วันๆ เล่นแต่เกมส์
ทำให้ค่าไฟแพงถึงเดือนละ 8000 กว่าบาท และไม่ทำประกันสุขภาพใดๆ ด้วย ถ้าป่วยขึ้นมาเราก็ต้องจ่ายเงินค่ารักษาให้อย่างแน่นอน เราเครียดเรื่องพี่ชายมาก แต่เเม่บอกว่าไม่ต้องใส่ใจ เครียดทำไม ไม่ใช่เรื่องของเธอ (แต่กลับฝากฝังให้ดูแลพี่ชายถ้าแม่ตายแล้ว) และให้เงินค่าขนมพี่อาทิตย์ละ 1000 บาท พอเงินเหลือจากการกิน พี่ชายก็เติมเกมส์ค่ะ น่ากลุ้มใจมาก
2. แม่ไม่มีเงินเก็บเลย แม่ไม่เคยวางแผนเกษียณ แม้ว่าในอดีตพ่อจะเคยให้เงินเดือนละ 5-6 หมื่นมาสิบกว่าปี แต่แม่ก็ไม่เก็บเงินเลย
แม่บอกว่า ใช้จ่ายกับลูกหมดแล้ว ทั้งอาหาร เสื้อผ้า ส่งเรียน ซึ่งเราก็ไม่เคยเข้าไปบริหารจัดการเงินแม่เพราะยังเด็ก แม่เป็นคนเลือกร้านอาหาร
ให้กินตลอด เข้าใจว่าอยากให้ลูกสบาย เวลาคุยประเด็นนี้แม่กับพี่ชายก็จะบอกว่าสำนึกบุญคุณของแม่บ้าง แต่ปัจจุบันแม่ไม่มีเงินเก็บเลย รายรับของแม่ได้จากน้าที่ช่วยค่าใชจ่าย แม่จะไปดูแลบ้านและธุระเรื่องต่างๆ ให้น้าน้าให้เดือนละ 3-4 หมื่น แต่แม่ก็ไม่เก็บเงิน เค้าบอกว่ามีค่าใชจ่ายมากมาย ทำให้แม้แต่ 20 บาทในแต่ละเดือนก็ไม่มีเก็บ บางทีเรากลับจากที่ทำงานจะเห็นถุงร้านอาหารแพงๆ อาหารฟาสฟู้ดอยู่เสมอ พอเราบอกให้เเม่เก็บเงินบ้าง และกินอาหารที่มีประโยชน์ เผื่อตัวเองไม่สบาย แม่ก็โมโหใส่เรา และร้องไห้เสมอ หาว่าเราวุ่นวายเรื่องเงินของแม่ หาว่าเราบอกว่าแม่จัดการเงินไม่ดี แม่บอกว่าก็มันไม่มีเหลือเก็บจริงๆ 20 บาทก็ไม่มีเธอไม่เข้าใจหรอก และเเม่ก็เคยเเอบเอาบัญชีธนาคารชื่อของแม่ แต่เป็นเงินฝากของเรา ตอนที่เรายังเด็กไม่มีสมุดธนาคารเป็นของตัวเอง เป็นเงินที่ได้จากแต๊ะเอียต่างๆ ไปกดเงินมาหมุนใช้จ่ายประมาณ 2 แสนกว่า เราเพิ่งมาเห็นที่หลัง พอเราบอกว่าทำไมแม่ไม่บอกว่ามีปัญหาเรื่องเงินอะไร แม่ก็บอกว่าเธอไม่ต้องยุ่ง เรื่องของฉัน (แต่เงินเรา) แล้วก็โกรธเรา โมโหใส่ว่ามายุ่งกับแม่ แม่ไม่เคยขอโทษเลยและมักกลบเกลื่อนเสมอ เราจะโอเคกว่านี้ถ้าแม่พูดกับเราตรงๆ พอเราบอกแม่แบบนี้ แม่ก็โมโหใส่เราอีก (เราให้เงินแม่เดือนละ 8000 บาท วันเกิดและปีใหม่อีกครั้งละ 1 หมื่นบาท มาโดยตลอด แม่ก็ไม่มีเงินเก็บ เพราะให้พี่ชาย ค่าไฟ ค่าอาหารและอื่นๆ พอเราบอกให้แจกแจงสิจะได้ช่วยจำกัดงบด้านต่างๆ ลง แม่และพี่ชายก็จะโมโห โกรธทุกครั้ง)
3. ครอบครัวเราไม่ยอมทำงานเลย พอจะหาอาชีพเสริมต่างๆ ที่บ้านก็จะบั่นทอนว่าทำไม่ได้ จะไม่ช่วยเหลือ ซื้อของมาทำก็เดี๋ยวเป็นขยะในบ้าน
บอกให้เราดูทีวีพักผ่อนเหมือนแม่ไปก่อนไม่ต้องเครียด พอจะชวนคุยเรื่องธุรกิจที่บ้านจะขายอะไรดี แม่ก็บอกว่าขอดูละครก่อนได้มั้ย เดี๋ยวก็คิดได้เองไม่ต้องเครียด หรือไม่ก็ทำอันนั้นไม่ได้ ทำอันนี้ไม่ได้นะมีข้อจำกัด ทั้งที่พี่ชายไม่ทำงาน ควรรีบหาอะไรให้ทำได้แล้ว พอเราชี้จุดตรงนี้ ว่าข้อจำกัดบ้านเราเยอะนะ เเม่ก็พูดว่าลองเป็นแม่คนดูสิ ขอให้เธอได้เป็นแม่คนเธอจะรู้ (ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นนี้มั้ย?) แต่เราก็ยังรับ job นอกมาทำเป็นฟรีเเลนซ์แต่ไม่ทำธุรกิจกับที่บ้าน เพราะงานประจำเราก็ยุ่ง กลัวว่าพี่ชายและแม่จะเท ไม่มีคนช่วย ปัจจุบันเราลาออกมาพักกายและใจและเรียนปอโท (ทุน) ประมาณ 5 เดือน จะเริ่มหางานใหม่
4. การไม่ดูแลตัวเองของแม่และการไม่เก็บเงิน ปัจจุบันเเม่เป็นโรคทางช่องท้องที่เกิดจากการกินไขมันและน้ำตาลเยอะไป แม่และพี่ชายอยากให้ผ่าตัดที่รพ.เอกชน ค่ารักษา 5 แสน ซึ่งเราเป็นคนดูแลค่าใช้จ่าย บอกเลยว่าถ้าเราจ่าย มันแทบจะเป็นเงินเก็บครึ่งชีวิตของเราเเล้ว แพลนทั้งหมด ของชีวิตอื่นๆ พังทั้งหมด เราเลยขอให้แม่รักษาที่รพ. รัฐ แต่ช่วงแรกๆ แม่รักษาที่เอกชน เสียค่าใช้จ่ายประมาณ 1 แสน เราเป็นคนออกทั้งหมด ซึ่งเป็นเงินเก็บของเรา เพราะช่วงนี้เราออกจากงาน
5. เราออกจากงานเพราะความเครียด ในที่ทำงาน และเรื่องครอบครัว เราอยากพัก เพราะเราทำงานมาตลอดหลายปี มันเครียดมากๆ แต่เรารู้ว่า ถ้าเราลาออก ครอบครัวเราก็เหมือนไม่มีใครทำงานเลย รายรับมาจาก แม่ที่ได้จากน้า ส่วนเราใช้เงินตัวเอง เราก็เลยไม่อยากให้น้าเป็นห่วงว่าเค้าต้องแบกภาระหลายคน ปีหน้าเค้าจะเกษียณแล้ว เราเลยบอกแม่ว่า เราเครียดมากขอออกมาพักก่อน และจะหาช่องทางอื่นๆ หาเงินไปด้วย ประมาณ 5เดือน ระหว่างนี้อย่าเพิ่งบอกน้า น้าจะได้ไม่เครียด และก็ไม่มองว่าเราไม่มีงานทำไปอีกคน
****ปรากฎว่า แม่เราโทรไปขอยืมเงินค่ารักษาตัวเองจากน้า (ทั้งที่เราออกให้แล้ว) แล้วบอกว่า พอดีเราออกจากงาน เพราะเครียด พีคตรงแม่บอกน้าว่า เราขอให้ไม่บอกน้าด้วย ซึ่งน้าก็บอกมาว่าแม่ก็ไม่ควรบอกนะถ้าลูกพูดแบบนี้ เราฟังแม่คุยโทรศัพท์น้ำตาไหลเลย คือแม่ไม่เคยรักษาสัญญา และแม่ก็มาโกรธเราว่า เราโมโหแม่ทำไม เเม่กำลังช่วยให้เราไม่เป็นทุกข์จากการที่ปิดบังญาตินะ (เหตุผลแม่งงมาก ทั้งที่แม่สัญญาแล้วว่าจะไม่บอก) พอเเม่เห็นว่าเราโกรธ แม่ก็บอกว่าให้แม่ตายไปเลย ไม่ต้องรักษาแล้ว ซึ่งผิดประเด็นจากเรื่องที่เราโกรธมาก แม่ไม่เคยยอมรับผิดและขอโทษ หรือทำความเข้าใจลูกเลย และน้าก็กลุ้มใจอยากให้เรารีบกลับไปทำงาน ทั้งที่สุขภาพจิตเราอ่ะยังไม่พร้อม เราทำงานอยู่คนเดียวทั้งบ้าน เราเครียดกับครอบครัวมากอยู่แล้ว
ทั้งหมดนี้คือประเด็นสำตัญที่ทำให้เราเครียดมากๆ และอยากย้ายออกจากบ้าน จริงๆ มีอีกมาก แต่ใจความหลักคือแม่ และพี่ชาย ทำให้เรากลุ้มใจมากๆ
เราคุยกันไม่รู้เรื่องเลย ไม่เคยวางเเผนอนาคต และค่าใช้จ่ายหรือสุขภาพตัวเอง แล้วถามว่าเราเครียดทำไม เดี๋ยวเค้าก็หยิบยืมคนอื่นมาจ่ายได้ถ้าฉุกเฉิน
ไม่คาดหวังอะไรจากเรา ซึ่งความจริงแล้วลูกที่ทำงานคนเดียวอย่างเราก็ต้องดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายเวลาเข้าตาจนตลอด
อยู่บ้านแล้วรู้สึกหมดหวัง ท้อแท้มาก เครียดมาก ว่าที่บ้านไม่มีใครตระหนักเรื่องการวางเเผนการเงิน กลับมองว่าเราเครียดมากเกินไปและเห็นแก่ตัว แค่ทำงานและดูชีวิตตัวเองก็พอแล้วหนิ ไม่ต้องมายุ่งกับพวกเขา เวลาพูดเรื่องนี้ทีไร พี่ชายกับแม่ก็จะรุมว่าเรา เราก็ร้องไห้หนักมากที่ไม่มีใครเข้าใจเลย เราควรทำยังไงดี เราอยากออกจากบ้านมาใช้ชีวิตคนเดียวมาก แต่ด้วยสภาพครอบครัวตอนนี้ ถ้าเราออกมา ที่บ้านจะบอกว่าอกกตัญญูมั้ย ทางน้าและญาติๆ อีก ทั้งที่บ้านเราต้องการความช่วยเหลือ แต่เราก็คิดว่าเราจะไม่ทิ้ง แต่ขอห่างออกมาพัก แต่จะดูแลค่าใช้จ่าย และจะกลับไปดูแลบ้างได้ไหม
คือเราเป็นเดอะแบกมาหลายปีจนรู้สึกเหนื่อยล้า ทางแม่ก็ไปช่วยงานให้น้า แม่ก็เหนื่อยในการเดินทางไปมา (ปัจจุบันช่วยงานน้าอาทิตย์ละ1ครั้ง) แต่ในส่วนของค่าใช้จ่ายก็ยังไม่เก็บออมและไม่ยอมให้ยุ่งด้วยพี่ชายก็ยังคงเล่นเกมส์ และพูดคุยปรึกษาใดๆ ไม่ได้ พอเราเครียดมากๆ แม่กับพี่ของมองว่าเราแปลก เหมือนพวกเขาไม่เห็นปัญหาที่อยู่ตรงหน้า
ล่าสุดแม่บอกเราว่า เวลาเครียดอย่าเดินออกจากบ้าน ต้องรู้จักโตและแก้ปัญหาแบบผู้ใหญ่ แต่คือเราทนอยู่ในบ้านไม่ไหวแล้ว ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของเราเลยว่าต้องเราแบกอะไรไว้บ้าง เรากำลังพยายามดูแลทุกคนแต่เราก็เพิ่งเริ่มทำงานไม่ถึงสิบปี เงินเก็บไม่พอจะรักษาแม่ที่อายุก็มากขึ้นในขณะที่แม่และพี่ชายเองก็ไม่ช่วยเหลือในการดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี หรือช่วยกันทำมาหากินเลย
ทุกคนมีความคิดเห็นอย่างไรกับปัญหาแบบนี้คะ ขอความกรุณาให้คำตอบ
เราเครียดมากจริงๆ ค่ะ ช่วยให้คำปรึกษาหน่อยนะคะว่า
1. เราควรจัดการกับความเครียดแบบนี้ยังไงดีคะ ทั้งการดูแลชีวิตตัวเองและคนที่บ้าน ถ้าเป็นทุกคนจะแก้ไขอย่างไรคะ ให้แข็งแรงพอจะสู้งานใหม่ สู้ชีวิต
2. เราควรย้ายออกมาอยู่ข้างนอกมั้ยคะ ถ้าน้าๆ ทราบเราจะถูกมองว่าอกกตัญญูมั้ยคะ ควรจัดการกับความเครียดยังไงดีคะ
ขอบคุณทุกคนมากค่ะ
*เพิ่งเขียนกระทู้ปรึกษาครั้งแรก แท็กห้องไม่เป็น ถ้าผิดพลาดขออภัยนะคะ
ได้โปรดให้คำปรึกษา เครียดมากๆ ผิดมากมั้ยถ้าอยากแยกไปอยู่คนเดียว อกตัญญูมั้ย?
เราอายุ 30 ปีแล้ว รู้สึกว่าครอบครัวเป็นปัญหาและปมในใจของเรามากๆ มันสะสมมาเรื่อยๆ ค่ะ
ขอกล่าวก่อนเลยว่า เราอยู่กับครอบครัวมาตลอด มีพ่อ(ออกจากบ้านตอนเราป.6 ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) แม่ (64 ปี) พี่ชาย (33 ปี) และเรา อายุ 30 ปี
ปัจจุบันพ่อเสียชีวิตแล้วค่ะ แต่ตอนที่เราอยู่ป.6 พ่อกับแม่ก็เลิกกันแล้ว พ่อมีแฟนใหม่ แต่พ่อยังไปๆ มาๆ รับส่งลูกเวลาต้องไปเรียนมอไกลๆ ค่ะ
และให้เงินเดือนแม่เดือนละ 5-6 หมื่นทุกเดือนค่ะ (แต่แม่ไม่มีเงินเก็บเลย)
ปล. แม่เคยบอกว่าชื่อเล่นเรา ตั้งมาให้ใกล้เคียงชื่อเมียน้อยพ่อ พอเรียกชื่อเราพ่อจะได้สะเทือนใจ (เราว่าแม่ใจร้ายมากที่พูดแบบนี้ แต่พอหลังๆ เราบอกเค้าว่าเค้าเคยพูดแบบนี้นะ แม่บอกว่าแม่ไม่เคยพูด ทำไมเธอมองชั้นไม่ดี ใส่ร้ายชั้นตลอด ซึ่งเรางงมาก เราจะไปเอามาจากไหนถ้าแม่ไม่พูด)
ปัญหาครอบครัวของเราสะสมมาหลายเรื่องมาก
1. พี่ชายเอาแต่ใจตัวเองมากๆ ตั้งแต่เด็ก แม่จะให้เรายอมให้พี่เสมอ เพราะเราพูดง่าย พี่ดื้อ เลยให้เรายอมตลอด
ปัจจุบันพี่เราเล่นเกมส์ ไม่มีงานทำตั้งแต่เรียนจบค่ะ และน้ำหนักประมาณ 300 กิโลค่ะ พี่ชายเป็นคนโมโหร้าย
ทำให้แม่ก็ไม่เคยดุด่าจริงจัง บอกแต่ว่า ไว้ก่อน เดี๋ยวเค้าคงรู้ จะพูดตอนใจเย็น ซึ่งก็ไม่เคยเป็นผล พี่เราไม่ทำงานอะไรเลย วันๆ เล่นแต่เกมส์
ทำให้ค่าไฟแพงถึงเดือนละ 8000 กว่าบาท และไม่ทำประกันสุขภาพใดๆ ด้วย ถ้าป่วยขึ้นมาเราก็ต้องจ่ายเงินค่ารักษาให้อย่างแน่นอน เราเครียดเรื่องพี่ชายมาก แต่เเม่บอกว่าไม่ต้องใส่ใจ เครียดทำไม ไม่ใช่เรื่องของเธอ (แต่กลับฝากฝังให้ดูแลพี่ชายถ้าแม่ตายแล้ว) และให้เงินค่าขนมพี่อาทิตย์ละ 1000 บาท พอเงินเหลือจากการกิน พี่ชายก็เติมเกมส์ค่ะ น่ากลุ้มใจมาก
2. แม่ไม่มีเงินเก็บเลย แม่ไม่เคยวางแผนเกษียณ แม้ว่าในอดีตพ่อจะเคยให้เงินเดือนละ 5-6 หมื่นมาสิบกว่าปี แต่แม่ก็ไม่เก็บเงินเลย
แม่บอกว่า ใช้จ่ายกับลูกหมดแล้ว ทั้งอาหาร เสื้อผ้า ส่งเรียน ซึ่งเราก็ไม่เคยเข้าไปบริหารจัดการเงินแม่เพราะยังเด็ก แม่เป็นคนเลือกร้านอาหาร
ให้กินตลอด เข้าใจว่าอยากให้ลูกสบาย เวลาคุยประเด็นนี้แม่กับพี่ชายก็จะบอกว่าสำนึกบุญคุณของแม่บ้าง แต่ปัจจุบันแม่ไม่มีเงินเก็บเลย รายรับของแม่ได้จากน้าที่ช่วยค่าใชจ่าย แม่จะไปดูแลบ้านและธุระเรื่องต่างๆ ให้น้าน้าให้เดือนละ 3-4 หมื่น แต่แม่ก็ไม่เก็บเงิน เค้าบอกว่ามีค่าใชจ่ายมากมาย ทำให้แม้แต่ 20 บาทในแต่ละเดือนก็ไม่มีเก็บ บางทีเรากลับจากที่ทำงานจะเห็นถุงร้านอาหารแพงๆ อาหารฟาสฟู้ดอยู่เสมอ พอเราบอกให้เเม่เก็บเงินบ้าง และกินอาหารที่มีประโยชน์ เผื่อตัวเองไม่สบาย แม่ก็โมโหใส่เรา และร้องไห้เสมอ หาว่าเราวุ่นวายเรื่องเงินของแม่ หาว่าเราบอกว่าแม่จัดการเงินไม่ดี แม่บอกว่าก็มันไม่มีเหลือเก็บจริงๆ 20 บาทก็ไม่มีเธอไม่เข้าใจหรอก และเเม่ก็เคยเเอบเอาบัญชีธนาคารชื่อของแม่ แต่เป็นเงินฝากของเรา ตอนที่เรายังเด็กไม่มีสมุดธนาคารเป็นของตัวเอง เป็นเงินที่ได้จากแต๊ะเอียต่างๆ ไปกดเงินมาหมุนใช้จ่ายประมาณ 2 แสนกว่า เราเพิ่งมาเห็นที่หลัง พอเราบอกว่าทำไมแม่ไม่บอกว่ามีปัญหาเรื่องเงินอะไร แม่ก็บอกว่าเธอไม่ต้องยุ่ง เรื่องของฉัน (แต่เงินเรา) แล้วก็โกรธเรา โมโหใส่ว่ามายุ่งกับแม่ แม่ไม่เคยขอโทษเลยและมักกลบเกลื่อนเสมอ เราจะโอเคกว่านี้ถ้าแม่พูดกับเราตรงๆ พอเราบอกแม่แบบนี้ แม่ก็โมโหใส่เราอีก (เราให้เงินแม่เดือนละ 8000 บาท วันเกิดและปีใหม่อีกครั้งละ 1 หมื่นบาท มาโดยตลอด แม่ก็ไม่มีเงินเก็บ เพราะให้พี่ชาย ค่าไฟ ค่าอาหารและอื่นๆ พอเราบอกให้แจกแจงสิจะได้ช่วยจำกัดงบด้านต่างๆ ลง แม่และพี่ชายก็จะโมโห โกรธทุกครั้ง)
3. ครอบครัวเราไม่ยอมทำงานเลย พอจะหาอาชีพเสริมต่างๆ ที่บ้านก็จะบั่นทอนว่าทำไม่ได้ จะไม่ช่วยเหลือ ซื้อของมาทำก็เดี๋ยวเป็นขยะในบ้าน
บอกให้เราดูทีวีพักผ่อนเหมือนแม่ไปก่อนไม่ต้องเครียด พอจะชวนคุยเรื่องธุรกิจที่บ้านจะขายอะไรดี แม่ก็บอกว่าขอดูละครก่อนได้มั้ย เดี๋ยวก็คิดได้เองไม่ต้องเครียด หรือไม่ก็ทำอันนั้นไม่ได้ ทำอันนี้ไม่ได้นะมีข้อจำกัด ทั้งที่พี่ชายไม่ทำงาน ควรรีบหาอะไรให้ทำได้แล้ว พอเราชี้จุดตรงนี้ ว่าข้อจำกัดบ้านเราเยอะนะ เเม่ก็พูดว่าลองเป็นแม่คนดูสิ ขอให้เธอได้เป็นแม่คนเธอจะรู้ (ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นนี้มั้ย?) แต่เราก็ยังรับ job นอกมาทำเป็นฟรีเเลนซ์แต่ไม่ทำธุรกิจกับที่บ้าน เพราะงานประจำเราก็ยุ่ง กลัวว่าพี่ชายและแม่จะเท ไม่มีคนช่วย ปัจจุบันเราลาออกมาพักกายและใจและเรียนปอโท (ทุน) ประมาณ 5 เดือน จะเริ่มหางานใหม่
4. การไม่ดูแลตัวเองของแม่และการไม่เก็บเงิน ปัจจุบันเเม่เป็นโรคทางช่องท้องที่เกิดจากการกินไขมันและน้ำตาลเยอะไป แม่และพี่ชายอยากให้ผ่าตัดที่รพ.เอกชน ค่ารักษา 5 แสน ซึ่งเราเป็นคนดูแลค่าใช้จ่าย บอกเลยว่าถ้าเราจ่าย มันแทบจะเป็นเงินเก็บครึ่งชีวิตของเราเเล้ว แพลนทั้งหมด ของชีวิตอื่นๆ พังทั้งหมด เราเลยขอให้แม่รักษาที่รพ. รัฐ แต่ช่วงแรกๆ แม่รักษาที่เอกชน เสียค่าใช้จ่ายประมาณ 1 แสน เราเป็นคนออกทั้งหมด ซึ่งเป็นเงินเก็บของเรา เพราะช่วงนี้เราออกจากงาน
5. เราออกจากงานเพราะความเครียด ในที่ทำงาน และเรื่องครอบครัว เราอยากพัก เพราะเราทำงานมาตลอดหลายปี มันเครียดมากๆ แต่เรารู้ว่า ถ้าเราลาออก ครอบครัวเราก็เหมือนไม่มีใครทำงานเลย รายรับมาจาก แม่ที่ได้จากน้า ส่วนเราใช้เงินตัวเอง เราก็เลยไม่อยากให้น้าเป็นห่วงว่าเค้าต้องแบกภาระหลายคน ปีหน้าเค้าจะเกษียณแล้ว เราเลยบอกแม่ว่า เราเครียดมากขอออกมาพักก่อน และจะหาช่องทางอื่นๆ หาเงินไปด้วย ประมาณ 5เดือน ระหว่างนี้อย่าเพิ่งบอกน้า น้าจะได้ไม่เครียด และก็ไม่มองว่าเราไม่มีงานทำไปอีกคน
****ปรากฎว่า แม่เราโทรไปขอยืมเงินค่ารักษาตัวเองจากน้า (ทั้งที่เราออกให้แล้ว) แล้วบอกว่า พอดีเราออกจากงาน เพราะเครียด พีคตรงแม่บอกน้าว่า เราขอให้ไม่บอกน้าด้วย ซึ่งน้าก็บอกมาว่าแม่ก็ไม่ควรบอกนะถ้าลูกพูดแบบนี้ เราฟังแม่คุยโทรศัพท์น้ำตาไหลเลย คือแม่ไม่เคยรักษาสัญญา และแม่ก็มาโกรธเราว่า เราโมโหแม่ทำไม เเม่กำลังช่วยให้เราไม่เป็นทุกข์จากการที่ปิดบังญาตินะ (เหตุผลแม่งงมาก ทั้งที่แม่สัญญาแล้วว่าจะไม่บอก) พอเเม่เห็นว่าเราโกรธ แม่ก็บอกว่าให้แม่ตายไปเลย ไม่ต้องรักษาแล้ว ซึ่งผิดประเด็นจากเรื่องที่เราโกรธมาก แม่ไม่เคยยอมรับผิดและขอโทษ หรือทำความเข้าใจลูกเลย และน้าก็กลุ้มใจอยากให้เรารีบกลับไปทำงาน ทั้งที่สุขภาพจิตเราอ่ะยังไม่พร้อม เราทำงานอยู่คนเดียวทั้งบ้าน เราเครียดกับครอบครัวมากอยู่แล้ว
ทั้งหมดนี้คือประเด็นสำตัญที่ทำให้เราเครียดมากๆ และอยากย้ายออกจากบ้าน จริงๆ มีอีกมาก แต่ใจความหลักคือแม่ และพี่ชาย ทำให้เรากลุ้มใจมากๆ
เราคุยกันไม่รู้เรื่องเลย ไม่เคยวางเเผนอนาคต และค่าใช้จ่ายหรือสุขภาพตัวเอง แล้วถามว่าเราเครียดทำไม เดี๋ยวเค้าก็หยิบยืมคนอื่นมาจ่ายได้ถ้าฉุกเฉิน
ไม่คาดหวังอะไรจากเรา ซึ่งความจริงแล้วลูกที่ทำงานคนเดียวอย่างเราก็ต้องดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายเวลาเข้าตาจนตลอด
อยู่บ้านแล้วรู้สึกหมดหวัง ท้อแท้มาก เครียดมาก ว่าที่บ้านไม่มีใครตระหนักเรื่องการวางเเผนการเงิน กลับมองว่าเราเครียดมากเกินไปและเห็นแก่ตัว แค่ทำงานและดูชีวิตตัวเองก็พอแล้วหนิ ไม่ต้องมายุ่งกับพวกเขา เวลาพูดเรื่องนี้ทีไร พี่ชายกับแม่ก็จะรุมว่าเรา เราก็ร้องไห้หนักมากที่ไม่มีใครเข้าใจเลย เราควรทำยังไงดี เราอยากออกจากบ้านมาใช้ชีวิตคนเดียวมาก แต่ด้วยสภาพครอบครัวตอนนี้ ถ้าเราออกมา ที่บ้านจะบอกว่าอกกตัญญูมั้ย ทางน้าและญาติๆ อีก ทั้งที่บ้านเราต้องการความช่วยเหลือ แต่เราก็คิดว่าเราจะไม่ทิ้ง แต่ขอห่างออกมาพัก แต่จะดูแลค่าใช้จ่าย และจะกลับไปดูแลบ้างได้ไหม
คือเราเป็นเดอะแบกมาหลายปีจนรู้สึกเหนื่อยล้า ทางแม่ก็ไปช่วยงานให้น้า แม่ก็เหนื่อยในการเดินทางไปมา (ปัจจุบันช่วยงานน้าอาทิตย์ละ1ครั้ง) แต่ในส่วนของค่าใช้จ่ายก็ยังไม่เก็บออมและไม่ยอมให้ยุ่งด้วยพี่ชายก็ยังคงเล่นเกมส์ และพูดคุยปรึกษาใดๆ ไม่ได้ พอเราเครียดมากๆ แม่กับพี่ของมองว่าเราแปลก เหมือนพวกเขาไม่เห็นปัญหาที่อยู่ตรงหน้า
ล่าสุดแม่บอกเราว่า เวลาเครียดอย่าเดินออกจากบ้าน ต้องรู้จักโตและแก้ปัญหาแบบผู้ใหญ่ แต่คือเราทนอยู่ในบ้านไม่ไหวแล้ว ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของเราเลยว่าต้องเราแบกอะไรไว้บ้าง เรากำลังพยายามดูแลทุกคนแต่เราก็เพิ่งเริ่มทำงานไม่ถึงสิบปี เงินเก็บไม่พอจะรักษาแม่ที่อายุก็มากขึ้นในขณะที่แม่และพี่ชายเองก็ไม่ช่วยเหลือในการดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี หรือช่วยกันทำมาหากินเลย
ทุกคนมีความคิดเห็นอย่างไรกับปัญหาแบบนี้คะ ขอความกรุณาให้คำตอบ
เราเครียดมากจริงๆ ค่ะ ช่วยให้คำปรึกษาหน่อยนะคะว่า
1. เราควรจัดการกับความเครียดแบบนี้ยังไงดีคะ ทั้งการดูแลชีวิตตัวเองและคนที่บ้าน ถ้าเป็นทุกคนจะแก้ไขอย่างไรคะ ให้แข็งแรงพอจะสู้งานใหม่ สู้ชีวิต
2. เราควรย้ายออกมาอยู่ข้างนอกมั้ยคะ ถ้าน้าๆ ทราบเราจะถูกมองว่าอกกตัญญูมั้ยคะ ควรจัดการกับความเครียดยังไงดีคะ
ขอบคุณทุกคนมากค่ะ
*เพิ่งเขียนกระทู้ปรึกษาครั้งแรก แท็กห้องไม่เป็น ถ้าผิดพลาดขออภัยนะคะ