ปคม.-ปปป. ลุยเปิดปฏิบัติการ 'คอสเพลย์อวตาร' บุกรวบหนุ่มพนักงานคอลเซ็นเตอร์ ลวงเหยื่อสาว ลูก ด.ต. ถ่ายโป๊แบล็กเมล์ แถมบังคับวิดีโอคอลซ้ำ แฉไม่สะทกสะท้านสำนึกผิด แม้เหยื่อเครียดผูกคอตายแล้วถึง 2 ศพ
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 23 มิ.ย. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.ปคม. พร้อม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป., พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.3 บก.ปคม. นำกำลังตำรวจ บก.ปคม., บก.ปปป. และ บก.ปอท. เปิดปฏิบัติการ “คอสเพลย์อวตาร” นำหมายค้นศาลจังหวัดปทุมธานี เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 95/212 หมู่ 3 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จับกุม นายปิยบุตร อุไรงาม อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาใช้สื่อสังคมออนไลน์ และแพลตฟอร์มต่างๆ ทางอินเทอร์เน็ต แสวงหาประโยชน์ทางเพศกับเด็กและสตรี
จากการตรวจสอบพบบ้านหลังดังกล่าว มีลักษณะเป็นบ้านพัก 2 ชั้น รั้วรอบขอบชิด เมื่อไปถึงพบ นายปิยบุตร กำลังเตรียมตัวจะออกไปทำงานนอกบ้าน ตำรวจจึงแสดงหมายค้นขออนุญาตเข้าตรวจสอบภายในบ้าน พบเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือเครื่อง เมื่อตรวจสอบข้อมูลภายในพบไฟล์รูปภาพและคลิปวิดีโอโป๊เปลือย หรือ สื่อลามกอนาจารเกี่ยวกับเด็กเป็นจำนวนมาก พร้อมกับพบหมายเรียกเข้าให้ปากคำในคดีลักษณะดังกล่าวจากท้องที่อื่นๆ อีกหลายหมาย จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานพร้อมคุมตัวมาทำการสอบปากคำ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีตำรวจนายหนึ่ง ยศ ด.ต. พร้อมครอบครัว เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับทาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. ว่า ลูกสาวอายุ 14 ปี ถูกผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นบัญชีแอคเคานท์แอพพลิเคชั่นดิสคอร์ด และทวิตเตอร์ปลอม หรือ อวตาร ทักมาตีสนิท ก่อนล่อลวงให้ส่งภาพโป๊แลกกับเงิน แต่เมื่อได้ภาพไปแล้ว กลับนำภาพดังกล่าวมาข่มขู่แบล็กเมล์ ด้วยการให้วิดีโอคอล แล้วสั่งให้ทำในสิ่งที่ต้องการในทางลามกอนาจาร หากไม่ยอมทำตามจะนำภาพไปเผยแพร่ จนทำให้ลูกสาวเกิดความเครียดตัดสินใจผูกคอฆ่าตัวตายในเวลาต่อมา หลังทราบเรื่องทางตำรวจ บก.ปปป. จึงประสานข้อมูลร่วมกับตำรวจ บก.ปคม., บก.ปอท. ร่วมกันแกะรอยสืบหาเบาะแสของคนร้ายรายนี้ กระทั่งทราบว่าเป็นนายปิยบุตร ทำงานเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่บริษัทสื่อสารแห่งหนึ่ง
อีกทั้งจากแนวทางสืบสวนยังพบว่า แม้จะเกิดเรื่องสลดดังกล่าวขึ้น แต่ตัว นายปิยบุตร กลับไม่มีท่าทีสลดหรือสำนึกในความผิดของตัวเอง ยังคงมีพฤติกรรมล่อลวงเด็กสาวในกลุ่มคอสเพลย์คนอื่นๆ ให้ส่งภาพโป๊เปลือยโชว์ของสงวนของลับมาให้ จากนั้นก็จะบันทึกภาพนั้นไว้ แล้วนำไปหาผลประโยชน์ให้ตนเอง ซึ่งถือเป็นภัยร้ายต่อสังคมและเยาวชน เจ้าหน้าที่จึงเร่งแกะรอยสืบหาพยานหลักฐานจนนำมาสู่การเข้าจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว โดยข้อมูลการสืบสวนในทางลับ พบหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้เหยื่อฆ่าตัวตาย ซึ่งจากหลักฐานที่มีการกระทำของผู้ต้องหารายนี้ส่งผลให้มีเหยื่อเด็กสาวตัดสินใจฆ่าตัวตายแล้วถึง 2 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบสวนช่วงแรก นายปิยบุตร ให้การภาคเสธรับเพียงว่า เก็บคลิปภาพเด็กสาวในโทรศัพท์จริง แต่เป็นเด็กสาวที่เคยพูดคุยกัน หรือ แฟนสาว รวมไปถึง ภาพที่เซฟบันทึกมาจากทวิตเตอร์ต่างๆ เพราะเป็นคนชอบสะสมภาพสาวแต่งคอสเพลย์ ไม่ได้มีการข่มขู่หญิงสาวเหล่านั้นแต่อย่างใด แต่ภายหลังยอมรับว่าเคยมีการข่มขู่เหยื่อว่าจะเอาภาพไปปล่อยตามสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ จริง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287/1 ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามความผิด ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปคม. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
https://www.dailynews.co.th/news/1175289/
‘คอสเพลย์อวตาร’ บุกจับหนุ่มลวงลูก ด.ต. ถ่ายโป๊แบล็กเมล์ เหยื่อเครียดผูกคอดับ2
ปคม.-ปปป. ลุยเปิดปฏิบัติการ 'คอสเพลย์อวตาร' บุกรวบหนุ่มพนักงานคอลเซ็นเตอร์ ลวงเหยื่อสาว ลูก ด.ต. ถ่ายโป๊แบล็กเมล์ แถมบังคับวิดีโอคอลซ้ำ แฉไม่สะทกสะท้านสำนึกผิด แม้เหยื่อเครียดผูกคอตายแล้วถึง 2 ศพ
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 23 มิ.ย. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.ปคม. พร้อม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป., พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.3 บก.ปคม. นำกำลังตำรวจ บก.ปคม., บก.ปปป. และ บก.ปอท. เปิดปฏิบัติการ “คอสเพลย์อวตาร” นำหมายค้นศาลจังหวัดปทุมธานี เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 95/212 หมู่ 3 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จับกุม นายปิยบุตร อุไรงาม อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาใช้สื่อสังคมออนไลน์ และแพลตฟอร์มต่างๆ ทางอินเทอร์เน็ต แสวงหาประโยชน์ทางเพศกับเด็กและสตรี
จากการตรวจสอบพบบ้านหลังดังกล่าว มีลักษณะเป็นบ้านพัก 2 ชั้น รั้วรอบขอบชิด เมื่อไปถึงพบ นายปิยบุตร กำลังเตรียมตัวจะออกไปทำงานนอกบ้าน ตำรวจจึงแสดงหมายค้นขออนุญาตเข้าตรวจสอบภายในบ้าน พบเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือเครื่อง เมื่อตรวจสอบข้อมูลภายในพบไฟล์รูปภาพและคลิปวิดีโอโป๊เปลือย หรือ สื่อลามกอนาจารเกี่ยวกับเด็กเป็นจำนวนมาก พร้อมกับพบหมายเรียกเข้าให้ปากคำในคดีลักษณะดังกล่าวจากท้องที่อื่นๆ อีกหลายหมาย จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานพร้อมคุมตัวมาทำการสอบปากคำ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีตำรวจนายหนึ่ง ยศ ด.ต. พร้อมครอบครัว เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับทาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. ว่า ลูกสาวอายุ 14 ปี ถูกผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นบัญชีแอคเคานท์แอพพลิเคชั่นดิสคอร์ด และทวิตเตอร์ปลอม หรือ อวตาร ทักมาตีสนิท ก่อนล่อลวงให้ส่งภาพโป๊แลกกับเงิน แต่เมื่อได้ภาพไปแล้ว กลับนำภาพดังกล่าวมาข่มขู่แบล็กเมล์ ด้วยการให้วิดีโอคอล แล้วสั่งให้ทำในสิ่งที่ต้องการในทางลามกอนาจาร หากไม่ยอมทำตามจะนำภาพไปเผยแพร่ จนทำให้ลูกสาวเกิดความเครียดตัดสินใจผูกคอฆ่าตัวตายในเวลาต่อมา หลังทราบเรื่องทางตำรวจ บก.ปปป. จึงประสานข้อมูลร่วมกับตำรวจ บก.ปคม., บก.ปอท. ร่วมกันแกะรอยสืบหาเบาะแสของคนร้ายรายนี้ กระทั่งทราบว่าเป็นนายปิยบุตร ทำงานเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่บริษัทสื่อสารแห่งหนึ่ง
อีกทั้งจากแนวทางสืบสวนยังพบว่า แม้จะเกิดเรื่องสลดดังกล่าวขึ้น แต่ตัว นายปิยบุตร กลับไม่มีท่าทีสลดหรือสำนึกในความผิดของตัวเอง ยังคงมีพฤติกรรมล่อลวงเด็กสาวในกลุ่มคอสเพลย์คนอื่นๆ ให้ส่งภาพโป๊เปลือยโชว์ของสงวนของลับมาให้ จากนั้นก็จะบันทึกภาพนั้นไว้ แล้วนำไปหาผลประโยชน์ให้ตนเอง ซึ่งถือเป็นภัยร้ายต่อสังคมและเยาวชน เจ้าหน้าที่จึงเร่งแกะรอยสืบหาพยานหลักฐานจนนำมาสู่การเข้าจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว โดยข้อมูลการสืบสวนในทางลับ พบหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้เหยื่อฆ่าตัวตาย ซึ่งจากหลักฐานที่มีการกระทำของผู้ต้องหารายนี้ส่งผลให้มีเหยื่อเด็กสาวตัดสินใจฆ่าตัวตายแล้วถึง 2 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบสวนช่วงแรก นายปิยบุตร ให้การภาคเสธรับเพียงว่า เก็บคลิปภาพเด็กสาวในโทรศัพท์จริง แต่เป็นเด็กสาวที่เคยพูดคุยกัน หรือ แฟนสาว รวมไปถึง ภาพที่เซฟบันทึกมาจากทวิตเตอร์ต่างๆ เพราะเป็นคนชอบสะสมภาพสาวแต่งคอสเพลย์ ไม่ได้มีการข่มขู่หญิงสาวเหล่านั้นแต่อย่างใด แต่ภายหลังยอมรับว่าเคยมีการข่มขู่เหยื่อว่าจะเอาภาพไปปล่อยตามสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ จริง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287/1 ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามความผิด ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปคม. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
https://www.dailynews.co.th/news/1175289/