คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
เวลาทำงานได้เงินมาเท่าไหร่ไม่ต้องบอกที่บ้านหมดก็ได้ดูแบบพี่ที่เป็นราชการไว้ น้องก็ส่งเงินเท่าที่ไหว พี่ๆโตกันแล้วไม่ต้องห่วงหรอกเค้าเอาตัวรอดได้แต่พอเราไปช่วยมันก็เลยเป็นแบบนี้ไง อ่านแล้วตลกดี
ลงทุนใน crypto มันก็ไม่ได้ทำให้พิการนะยังทำงานได้
อีกคนอยู่ต่างประเทศ กลับมาน่าจะมีความรู้ติดตัวมาบ้าง
พี่อยู่ในวัยทำงานน้องจะมาเลี้ยงมันดูแปลก นึกว่าละครน้ำเน่า แต่น้องคือเก่งมากที่หาเงินเพิ่มจาก 16,000 เป็น 50,000 ได้เร็วมากๆแถมก็ใจดีให้พี่ๆใช้ด้วย
ลงทุนใน crypto มันก็ไม่ได้ทำให้พิการนะยังทำงานได้
อีกคนอยู่ต่างประเทศ กลับมาน่าจะมีความรู้ติดตัวมาบ้าง
พี่อยู่ในวัยทำงานน้องจะมาเลี้ยงมันดูแปลก นึกว่าละครน้ำเน่า แต่น้องคือเก่งมากที่หาเงินเพิ่มจาก 16,000 เป็น 50,000 ได้เร็วมากๆแถมก็ใจดีให้พี่ๆใช้ด้วย
สมาชิกหมายเลข 2707660 ถูกใจ, วัง_เวียง ถูกใจ, dryingmachine14 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3024600 ถูกใจ, ครูอังกฤษขอเล่า ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 6905372 ถูกใจ, Restful ถูกใจ, Brownpinkworld ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2881936 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 5219144 ถูกใจรวมถึงอีก 12 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
รู้สึกเหนื่อยกับที่บ้านที่เราต้องหาเงินเข้าบ้านเพียงคนเดียว ใครเป็นแบบเราบ้าง (เด็กจบใหม่)
เราเองมีพี่น้อง 3 คน และทุกคนอายุห่างกัน 7-8 ปี (ไม่รวมเราและเราเป็นคนสุดท้องของบ้าน) > พี่ พี่ พี่ เรา
ตอนนี้เราทำงานอยู่ต่างจังหวัดและไม่ได้อยู่กับครอบครัว (แต่เลือกที่จะกลับบ้านบ่อย ๆ แทน)
ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาเราต้องหาเงินเข้าบ้านไม่ต่ำกว่าเดือนละ 6,000 บาท (สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราอยากให้กับครอบครัวเอาไว้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากิน ค่าต่างๆ เอง) แต่สิ่งที่ทำให้เราเหนื่อยสุด ๆ มันเกิดขึ้นจากที่พวกพี่ ๆ ของเราเริ่มลงทุนใน crypto และกลับมาจากต่างประเทศเนื่องจากตกงานช่วงโควิดพอดีที่ทำให้เราเริ่มส่งเงินให้ที่บ้านมากที่สุดถึง 30,000 บาทต่อเดือน
ขอเกริ่นก่อนว่าในช่วงแรกที่เราทำงานใหม่ ๆ เราเริ่มสตาร์ทเงินเดือนที่ 18,000 บาท และส่งให้ที่บ้านเดือนละ 6,000 บาทที่เหลือเอาไว้จ่ายค่าที่พักและค่ากินก็สามารถอยู่และมีเงินเก็บได้อย่างสบายใจ
แต่พอพี่ ๆ เรากลับมาอยู่บ้านกันมายิ่งขึ้น กลับกลายเป็นว่าพี่คนที่สองที่ลงทุนใน crypto ไม่มีความรู้และความเข้าใจทำให้พอร์ตการลงทุนเสียไปมากกว่า 80% และต้องอาศัยเงินของเราในการซื้อข้าวของประมาณเดือนละ 3,000-5,000 บาท
ต่อมาพี่สาวเรากลับมาจากต่างประเทศเนื่องจากตกงานและที่บ้านไม่มีใครช่วยเหลือให้กลับมาได้เลยทำให้เราต้องช่วยพี่สาวด้วยเงินกว่า 50,000 บาท (ค่าตั๋ว ค่าเดินทาง ค่าโรงแรมกักตัว ค่าเอกสารต่าง ๆ) รวมถึงพอมาอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่แล้วเรายังต้องส่งเงินให้ที่บ้านมากขึ้นอีกกว่าเดือนละ 5,000 บาท
เท่าที่ทุกคนฟังมาดูเหมือนว่ารายจ่ายของเราตอนนี้จะตกอยู่ประมาณ 16,000 บาทต่อเดือนซึ่งแน่นอนว่ามันไม่เพียงพอต่อเราแน่นอน เราเลยหางานเสริมเพิ่มในช่วงเลิกงานตอนกลางวัน และทำให้รายได้เราเพิ่มขึ้นมาอีกเดือนละ 12,000 บาท
เราเริ่มทำงานตั้งแต่ 09.00 - 00.00 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ แต่ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่จบเท่านี้เพราะแน่นอนว่าที่บ้านเรามีคนทำงานอยู่เพียง 2 คน (เรากับพี่คนที่สอง) แต่พี่คนที่สองมีครอบครัวและเงินเดือนตามเรทข้าราชการทั่วไปทำให้พอถูไถไปได้บ้างแต่ไม่ได้ส่งเงินให้ที่บ้าน
พอพี่ ๆ ทุกคนกลับมาอยู่บ้านกลายเป็นว่าไม่หางานทำและพากันเที่ยวยิ่งกว่าเดิมทำให้เงินที่เราส่งให้ที่บ้านเดือนไม่เพียงพอซึ่งบางเดือนอาจมีส่ง topup เพิ่มไปอีก 5,000-20,000 บาท (เพราะพี่ ๆ อยากทำธุรกิจที่บ้านเลยขอเงินไปลงทุน)
แน่นอนว่าเงินเดือนเดือนละ 30,000 บาทของเราไม่เพียงพอที่จะเก็บเงินและส่งให้ที่บ้าน บางเดือนเราต้องกินประมาณ 2,500 บาท ทำให้เรามองว่าช่วงเสาร์-อาทิตย์เป็นช่วงที่เราว่างก็เลยเริ่มรับงานฟรีแลนซ์เพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีกทำให้ตอนนี้รายได้เราคงอยู่ที่ประมาณ 40,000 - 50,000 บาทต่อเดือน แต่เรารู้สึกไม่ happy เลยคือเหนื่อยจนบางทีต้องร้องไห้กับตัวเอง (เรามีความฝันว่าอยากเก็บเงินไปเรียนต่อต่างประเทศ)
มีหลายครั้งที่เราปฏิเสธการส่งเงินให้ที่บ้าน แต่พ่อแม่ก็มักมาอ้อนวอนให้ส่งให้หน่อยเพราะว่าพวกท่านไม่มีแล้ว ทำให้เราใจอ่อนส่งให้ตลอดเรื่อยมา มีครั้งนึงที่เราเด็ดขาดมากว่าจะไม่ส่งให้กลับกลายเป็นว่าเราโดนครอบครัวด่าและพี่ทุกคนจะตัดพี่ตัดน้องกับเรา ซึ่งเรารู้สึกแย่มาก ๆ ใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วเราอยากถามหน่อยว่าเราควรทำอย่างไรดี