ก่อนหน้านี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สัจจวัตน์ เรืองกาญจน์กุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำหนังสือ ๒ ฉบับถึงคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ เสนอขอแปรญัตติตัดงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและงบประมาณว่าจ้างที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายการพระพุทธศาสนา เพราะสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ
ล่าสุดเมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๖ ที่ผ่านมา อาจารย์ท่านนี้ก็เสนอแปรญัตติตัดงบประมาณอีก แต่คราวนี้ขอตัดงบประมาณของสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจ้างที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายโดยไม่มีความจำเป็น จะเห็นได้จากการที่นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๓๘๐/๒๕๖๒ เรื่องแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๒ แต่งตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ทั้งๆที่คณะรัฐมนตรีก็มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ซึ่งเป็นบูรพาจารย์ด้านกฎหมายอยู่แล้ว ประกอบกับคณะรัฐมนตรีก็มีที่ปรึกษากฎหมายอันเป็นหน่วยงานของรัฐ คือ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ถึง ๑๔ คณะ อันเป็นที่รวมผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสาขาต่างๆทั่วประเทศอย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว ซึ่งได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ไว้เป็นจำนวนเงินถึง ๕๑๕,๕๖๐,๖๐๐ บาท ในฐานะนักวิชาการมีความเห็นว่า การแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตข้าราชการฝ่ายตุลาการ ให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่นายกรัฐมนตรี จึงเป็นการแต่งตั้งที่ซ้ำซ้อน เกินความจำเป็น ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทางราชการ เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณอย่างเห็นได้ชัด และยังอาจก่อให้เกิดข้อกังขาว่า การแต่งตั้งตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้น นายกรัฐมนตรีมีวาระซ่อนเร้นอย่างไรหรือไม่ในทางการเมือง
จากเหตุผลดังกล่าวนี้ จึงใคร่ขอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ ตัดงบประมาณในส่วนที่จ่ายเป็นเงินเดือนให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้นออกทั้งหมด รวมทั้งค่าตอบแทน เบี้ยประชุม และเงินสวัสดิการต่างๆ ในฐานะข้าราชการการเมืองจากเอกสารงบประมาณฉบับที่ ๓ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ ในส่วนของสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรีต่อไปด้วย....
ทุกวันนี้ นักกฎหมายจะเดินชนกันตายอยู่แล้ว ยังจะตั้งตำแหน่งที่ปรึกษานี้อีกทำไม เอาอะไรคิดกันครับ....
อาจารย์ รามฯเกาะติดงบประมาณไม่ปล่อย เสนอตัดกระจุยงบที่ปรึกษานายกฯฝ่ายกฎหมายอีก
ล่าสุดเมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๖ ที่ผ่านมา อาจารย์ท่านนี้ก็เสนอแปรญัตติตัดงบประมาณอีก แต่คราวนี้ขอตัดงบประมาณของสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจ้างที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายโดยไม่มีความจำเป็น จะเห็นได้จากการที่นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๓๘๐/๒๕๖๒ เรื่องแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๒ แต่งตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ทั้งๆที่คณะรัฐมนตรีก็มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ซึ่งเป็นบูรพาจารย์ด้านกฎหมายอยู่แล้ว ประกอบกับคณะรัฐมนตรีก็มีที่ปรึกษากฎหมายอันเป็นหน่วยงานของรัฐ คือ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ถึง ๑๔ คณะ อันเป็นที่รวมผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสาขาต่างๆทั่วประเทศอย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว ซึ่งได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ไว้เป็นจำนวนเงินถึง ๕๑๕,๕๖๐,๖๐๐ บาท ในฐานะนักวิชาการมีความเห็นว่า การแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตข้าราชการฝ่ายตุลาการ ให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่นายกรัฐมนตรี จึงเป็นการแต่งตั้งที่ซ้ำซ้อน เกินความจำเป็น ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทางราชการ เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณอย่างเห็นได้ชัด และยังอาจก่อให้เกิดข้อกังขาว่า การแต่งตั้งตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้น นายกรัฐมนตรีมีวาระซ่อนเร้นอย่างไรหรือไม่ในทางการเมือง
จากเหตุผลดังกล่าวนี้ จึงใคร่ขอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ ตัดงบประมาณในส่วนที่จ่ายเป็นเงินเดือนให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้นออกทั้งหมด รวมทั้งค่าตอบแทน เบี้ยประชุม และเงินสวัสดิการต่างๆ ในฐานะข้าราชการการเมืองจากเอกสารงบประมาณฉบับที่ ๓ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ ในส่วนของสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรีต่อไปด้วย....
ทุกวันนี้ นักกฎหมายจะเดินชนกันตายอยู่แล้ว ยังจะตั้งตำแหน่งที่ปรึกษานี้อีกทำไม เอาอะไรคิดกันครับ....