🌺🌺🌺
เป็นกระแสโด่งดังมาก กับหนังอินเดียที่เข้าฉายใน Netflix ช่วงนี้ ซึ่งหนังเข้าฉายมาได้สักพักใหญ่แล้ว แต่ผมเพิ่งมีโอกาสได้ดู เพราะดูจากความยาวของหนัง 2 ชั่วโมงครึ่งนิดๆ มันเลยทำให้คิดหนักในการจะนั่งดู เพราะผมเองก็ไม่ใช่สายหนังอินเดียซะด้วย แต่พอมีเวลาได้ดู ผมก็ต้องดูซะหน่อย เพราะมีคนพูดถึงกันให้ทั่วบ้านทั่วเมือง


🌺🌺🌺
จากนิยาย ราชินีมาเฟียแห่งมุมไบ Mafia Queens of Mumbai ผลงานของนักเขียน เอส ฮุซเซน ไซดิและเจน บอร์เกส บอกเล่าเรื่องราวในยุค 1960s เมื่อลูกสาวทนายผู้แสนไร้เดียงสา คงคา ถูกหลอกไปขายตัวที่บอมเบย์ เมื่อไร้ซึ่งหนทาง คงคาจึงยอมที่จะอยู่กับมัน และเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้อยู่กับชีวิตแบบนั้นได้ รวมถึงเปลี่ยนชื่อเป็น คังคุ ด้วย หลังจากนั้น คังคุ ได้เห็นชีวิตที่แสนรันทดของโสเภณีที่อยู่ในย่านกามธิปุระ เธอจึงตัดสินจเข้าสู่วงการการเมืองเพื่อผลักดันตัวเองขึ้นผู้มีอำนาจในการที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตคนเหล่านั้นให้ดีขึ้น


🌺🌺🌺
ให้ลองนึกภาพหนังเรื่องนี้เป็นละคร ดาวพระศูกร์ ในช่วงตอนที่โตขึ้นมาเป็นวัยรุ่นที่โดนกดขี่นะครับ หรือละครเรื่องข้าวนอกนา ที่หนังจะเล่าเรื่องราวสุดรันทดของหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกหลอกมาขายตัว ความแตกต่าคือ คงคา เป็นลูกคนมีตังค์ ครอบครัวเป็นถึงทนายที่มีสมบัติมากมาย แต่กลับโดนความรักเข้าครอบงำและโดนผู้ชายหลอกมาขาย หนังจะเล่าในช่วงแรกถึงความรันทดน่าสงสารของตัว คงคา แบบที่เรียกว่า เธอสู้ชีวิต แล้วชีวิตสู้กลับ จนกระทั่ง เธอเริ่มลุกขึ้นสู้กลับชีวิตครั้งนี้ของเธอ


🌺🌺🌺
โดยเฉพาะช่วงที่ชีวิต คงคา โดนทำร้ายอย่างหนักหน่วงนี่ต้องมีจุกอกกันบ้าง แต่พอเธอตัดสินใจสู้กลับ มันก็ตอกกลับคนที่ทำกับเธอได้อย่างสะใจ แล้วมันก็จะวนลูปอยู่อย่างนี้ในทุกๆ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอ ซึ่งบางอย่างมันอาจจะดูง่ายดายเกินไปนิด แต่สุดท้ายแล้วหนังก็ผลักดันอารมณ์เหล่านี้ออกมาได้อย่างดีมาก


🌺🌺🌺
สิ่งที่มันช่วยให้คนดูอินกับอารมณ์หนังมากๆ ต้องยกให้โปรดักชั่นระดับอลังการ 800 ดาวล้านดวง ที่ออกมาสวยงามสุดยอดดั่งละคร เจ๊ไก่ วรายุทธ ฉากต่างๆ สถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสวยงามสุดๆ ทำให้อารมณ์หนังมันยิ่งฟูฟ่องล่องลอยแบบดูแล้วเคลิ้มไปกับความสวยงามและความคลาสสิคที่คนดูดูแล้วเข้าถึงความเป็นย่านกามธิปุระที่เป็นย่านค้าประเวณีได้เป็นอย่างดี


🌺🌺🌺
หนังเล่าอย่างเข้มข้นตลอดทุกช่วง ดูแล้วลุ้นตามอย่างสนุก หนังเล่าได้มีจุดพลิกจุดพีคในทุกช่วงของเรื่องราวและสถานการณ์แต่ละสถานการณ์ เพียงแต่ผมติดอยู่แค่ในช่วงท้ายที่หนังดึงเรื่องค่อนข้างยืดพอสมควร ทำให้ช่วงท้ายดูค่อนข้างอืดนิดหน่อย เลยทำให้ความเข้มข้นช่วงท้ายอาจจะลดลงกว่าช่วงแรก แต่ก็ยังมีความสนุกอยู่จนจบ 


🌺🌺🌺
เรียกได้ว่าระยะเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งเราจะได้ความบันเทิงสนุกสนานจากหนังเรื่องนี้ได้อย่างเต็มอิ่ม หนังให้ข้อคิดเยอะตามความยาวหนัง เราจะได้เต็มอิ่มกับสิ่งที่หนังเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่หนังเล่ามาและเต็มอิ่มไปกับสิ่งที่หนังพาเราเข้าไปถึง หนังสวยงามครับเรื่องนี้ แนะนำเลย 

ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai