JJNY : ทักษิณลั่นงบดับไฟใต้สูญเปล่า│โมโหคฝ.กันมวลชนดูผู้บาดเจ็บ│แม่ค้าขนมจีนพิมายเดือดร้อนหนัก│ก๋วยเตี๋ยวดังไม่สนกัญชา

ทักษิณ ลั่น เทงบแสนล้านดับไฟใต้สูญเปล่า แนะทุ่มพัฒนา ชงโมเดล “ปกครองพิเศษ"
https://www.nationtv.tv/news/378877061
 
 
“ทักษิณ” ยอมรับความผิดพลาดสมัยเป็นนายกฯ เน้นความมั่นคงมากไป ดับไฟใต้ไม่ได้ ชี้ ทุ่มงบทหารแสนล้านสูญเปล่า แนะหันหน้าพูดกัน ลดความมั่นคง มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการศึกษา ชู “ประชาชาติ” รับผิดชอบดับไฟใต้ ลั่นต้องกล้าเปลี่ยนแปลง โยนหินโมเดล “เขตปกครองพิเศษ”
 
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มิ.ย. 65 THE MOTIVE องค์กรด้านสื่อและภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้จัดเสวนาออนไลน์  "SCENARIO PATANI" ภาพอนาคตปาตานี / ชายแดนใต้ โดย มี นายทักษิณ ชินวัตร หรือ Tony Woodsome อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมแสดงวิสัยทัศน์
 
นายทักษิณ กล่าวตอนหนึ่งว่า ขอให้กำลังใจคนปาตานีและชาวจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กำลังไขว้คว้าหาอนาคต ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าในอดีตที่ผ่านมานั้น ตอนที่ตนเป็นนายกฯ ตนเน้นเรื่องความมั่นคงมากเกินไป ตอนหลังมาพบว่ามันไม่ถูกต้อง ตนคิดว่าจะต้องเปลี่ยนแปลง แต่ตอนนั้นก็ถูกปฏิวัติเสียก่อน แล้วตนก็ได้ไปพูดคุยกับผู้นำบางท่านที่มาเลเซีย เพราะอยากจะเห็นการพุดคุยกัน
 
@@ เทงบการทหารสูญเปล่า - ชู “พรรคประชาชาติ” พลิกวิกฤต
 
อดีตนายกฯทักษิณ กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องเข้าใจภาวะที่แท้จริงของพี่น้องที่อยู่ในสามจังหวัดว่า
     1. เขาพูดสองภาษา
     2. บางคนมี 2 สัญชาติ ต้องเข้า-ออก (ไทย-มาเลเเซีย)
     3. การเรียนหนังสือ จะเน้นศาสนา การได้เรียนด้านสามัญและวิชาชีพยังน้อยเกินไป
     4. การพัฒนาฝั่งเราช้ากว่าฝั่งมาเลเซียมาก จึงทำให้มีการไหลเวียนทางเศรษฐกิจ มีการออกไปทำงานในฝั่งมาเลเซียมากมาย และธรรมชาติของเมืองชายแดนทุกที่คือ เรื่องของอาชญากรรม ทั้งด้านยาเสพติดและการค้ามนุษย์ เรื่องนี้จะต้องแก้ปัญหาโดยวิธีการที่ไม่ใช่วิธีการทางทหาร
 
“วันนี้เราใช้เงินไปหลายแสนล้านกับทางทหาร แทบจะไม่ได้ผลอะไรเลย และสูญเสียชีวิตพี่น้องทหารไปหลายคน วันนี้ต้องเอางบประมาณตรงนั้นมาพัฒนา โดยที่พัฒนาด้วยกัน ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมจะดีที่สุด พรรคประชาชาติซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับพี่น้องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คงจะสามารถนำข้อเสนอเหล่านี้ไปคุยกับรัฐบาลข้างหน้า และผมเชื่อมั่นว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งคราวหน้า และพรรคประชาชาติ ก็น่าจะเป็นพรรคที่มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาของพี่น้องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้” อดีตนายกฯทักษิณ กล่าว

@@ อ้างเคยไปนอนฐาน “บิ๊กแดง” - แนะดูต้นแบบ UAE
 
นายทักษิณ หรือ โทนี่ วู้ดซัม ยังพูดถึงเสียงวิจารณ์เรื่องการแก้ปัญหาภาคใต้สมัยเป็นนายกฯว่า สิ่งที่ผิดก็ต้องยอมรับว่าผิด สิ่งที่พลาดก็ยอมรับว่าพลาด แล้วสิ่งที่จะถูกต้องอย่างไรก็ต้องมาคุยร่วมกัน ปรึกษาร่วมกัน และทำงานร่วมกัน
 
“ผมมั่นใจว่า ถ้ายอมรับความจริงกับสิ่งที่มีอยู่ปัจจุบัน แล้วพยายามหาศักยภาพของการพัฒนาของพี่น้องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะใช้ซอฟต์ พาวเวอร์เข้าไป ใช้เทคโนโลยีเข้าไป ใช้การพัฒนาความเจริญโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ผมเชื่อว่ามันคุ้มค่ากว่าที่จะใช้เงินสำหรับการทหารเท่านั้น ผมมองว่าที่ผ่านมา 10 กว่าปี  แทบจะไม่ได้ผลอะไรเลยกับงบประมาณที่เสียไป” 

“ผมจำได้ว่าเคยไปตรวจในยามนั้น เขตที่อันตรายที่สุด ผู้บังคับกองพันตอนนั้นคือ พ.ท.อภิรักษ์ คงสมพงษ์ ต่อมาคือ พล.อ.อภิรักษ์​ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ผมไปแบบไม่มีใครรู้เรื่อง ไปตรวจแล้วไปขอนอนที่นั่นเลย ยังยืมผ้าปูที่นอนนายอำเภอมา และไปกินไข่ต้มของทหารที่ค่าย” 
 
“ผมมั่นใจว่าถ้ามีการพุดคุยกัน ใช้การเมืองนำการทหาร เหตุการณ์จะสงบ แล้วจะหาแนวทางการพัฒนาร่วมกันได้ ดูตัวอย่างจาก UAE (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)  50 ปี จากทรายทั้งนั้น วันนี้ความเจริญมากมาย เพราะการที่ทุกแคว้นทั้ง 7 แคว้นมีการพูดคุยและสนับสนุนช่วยเหลือเกื้อกูลกัน จึงทำให้ UAE เจริญมากในวันนี้ กลายเป็นว่าเศรษฐีทั้งหลายมาอยู่ที่ UAE กันเยอะ เพราะ 1.กฎหมายเป็นกฎหมาย 2.ความสงบสุขเขาดีมาก และกติกาทุกอย่างชัดเจน”
 
@@ โยนหิน “เขตปกครองพิเศษ - ปกครองตนเอง”
 
อดีตนายกฯ ทักษิณ บอกด้วยว่า วันนี้ยังมองเห็นศักยภาพของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำไมมาเลเซียพัฒนาได้ เราจะพัฒนาไม่ได้ สิ่งนี้คือ something wrong (มีบางอย่างที่ผิดพลาด) กับเรา ก็คือต้องไปดูว่าปัญหาปัจจุบัน รับและกล้าเปลี่ยนแปลงไหม เช่น เรื่องของการเป็นเขตปกครองพิเศษ และให้คนพื้นที่ได้รับการเลือกตั้งมานั่งทำงาน โดยที่ทางฝ่ายรัฐก็เป็นพี่เลี้ยง ช่วยกันไปจนมันลงตัว เมื่อลงตัวแล้วก็เป็นการปกครองตัวเองได้ แล้วเชื่อว่า ตรงนั้นเขาพูดภาษาเดียวกัน มีวัฒนธรรมเดียวกัน ทุกอย่างจะทำให้การพัฒนาเป็นไปด้วยดี
 
“ผมขอฝากการบ้านและความหวังไว้แค่นี้ว่า ผมมั่นใจว่าถ้าทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ลดเรื่องของความมั่นคงลง เพื่อเรื่องเศรษฐกิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบการศึกษาที่ดี แล้วผมเชื่อว่าสามจังหวัดภาคใต้จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มีอนาคตและมีความสุขกันทุกคน”



จับ 5 เยาวชนม็อบดินแดง โมโห คฝ. กันมวลชนดูผู้บาดเจ็บ ซัด ‘เขาชักไม่ลงมาช่วย?’ (มีคลิป)
https://www.matichon.co.th/politics/news_3409172

จับ 5 เยาวชนม็อบดินแดง โมโห คฝ. กันมวลชนดูผู้บาดเจ็บ ซัด ‘เขาชักไม่ลงมาช่วย?’
 
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน สืบเนื่องกลุ่มประชาชนปฏิรูปนัดหมายทำกิจกรรม “คาร์ม็อบไปบ้านประยุทธ์” โดยเริ่มจากหลักกิโลเมตรที่ 0 หรืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปยังกรมทหารราบที่ 1 ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
 
ต่อมาเวลา 15.45 น. ได้ประกาศย้ายสถานที่ชุมนุมเป็นอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนมาประจำการจำนวนมาก โดยจะเคลื่อนไปยังกรมทหารราบที่ 1 ในเวลา 17.00 น.นั้น

โดยเวลา 19.30 น. ที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง กลุ่มวัยรุ่นได้ข้ามถนนไปปาประทัดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ คฝ. ที่หน้าบริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) อย่างต่อเนื่อง ก่อนฝนตกลงมาอย่างหนัก
 
เวลา 20.13 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้กำลังเข้าจับกุมกลุ่มวัยรุ่นที่บริเวณหน้าอาคารเพชราวุธ โดยใช้รถกระบะและรถตู้ ปิดถนนดินแดง มุ่งหน้าถนนราชปรารภ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากผู้ชุมนุมปักหลักเป็นเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศว่า สื่อมวลชนและประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องขอให้แยกย้ายเดินทางกลับ เนื่องจากมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีขว้างปาประทัด เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเข้าควบคุมสถานการณ์
โดยผู้ชุมนุมรายหนึ่งตะโกนกลับไปว่า “ฝนตก จะกลับได้ยังไง แหกตาดู”
 
จากนั้นเจ้าหน้าที่เริ่มเข้าควบคุมพื้นที่พร้อมโล่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งให้สื่องดภาพถ่าย และกันออกจากพื้นที่ ขอให้สื่ออย่าพึ่งทำงาน
 
“เรายึดวัตถุเคมี วัตถุอันตรายได้เยอะอยู่” เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวกับสื่อมวลชน
 
เวลา 20.20 น. มีเยาวชนหญิงรายหนึ่งเกิดอาการชักเกร็งอยู่บริเวณหน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา ถนนดินแดง มวลชนจึงจะเข้าไปดูผู้บาดเจ็บ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาใช้โล่ดันมวลชนและสื่อออกจากบริเวณ และล้อมผู้บาดเจ็บไว้ ขณะที่ผู้ชุมนุมพยายามปฐมพยาบาล และโทรแจ้งสายด่วน 1669 จึงเกิดการต่อว่าเจ้าหน้าที่ด้วยความไม่พอใจ
 
กระทั่งเวลา 20.25 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจถอยออกจากผู้ได้รับบาดเจ็บ มวลชนจึงเข้าไปปฐมพยาบาล
 
เวลา 20.28 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมเยาวชนไป 5 คน โดยประชาชนไม่พอใจจึงเดินตามไปต่อว่าตำรวจ คฝ. ที่อยู่บนรถเคลื่อนที่เร็วว่า เขาชักไม่ลงมาช่วย จะกลับไป ชัก… ที่บ้านหรอ
 
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งได้กล่าวว่า อย่าทำแบบนี้ เราอะลุ่มอล่วยแล้ว
 
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศให้แยกย้ายอีกครั้ง ผู้ชุมนุมยังคงต่อว่าด้วยความโมโห
 
“ทีตำรวจปิดถนนได้ ทีอย่างนี้มาขอความร่วมมือ”
  
เวลา 20.35 น. รถพยาบาลได้มาถึงบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงเพื่อมารับผู้ที่มีอาการชักเกร็งที่หน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา
 
เวลา 20.42 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ คฝ.กลับไปประจำตามจุดต่างๆ บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง และเปิดการจราจรทุกช่องทางตามปกติ
 
เวลา 20.52 น. สถานการณ์ที่ดินแดงเริ่มกลับมาเป็นปกติ มวลชนกลับมารวมตัวกันหน้าอาคารเพชราวุธ และนัดหมายกันว่าจะไปหาเยาวชนที่ถูกจับกุมเมื่อสักครู่ที่ สน.ดินแดง
 
อย่างไรก็ดี ยังไม่แน่ชัดว่าเยาวชนทั้ง 5 คน จะถูกควบคุมตัวไปยังที่ใด โดยผู้ชุมนุมบางส่วนคาดการณ์ว่า อาจถูกควบคุมไปยังกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) หรือสโมสรตำรวจ
 
เวลา 21.14 น. กลุ่มประชาชนปฏิรูปได้ทวีตข้อความระบุว่า ยืนยัน ตอนนี้ประชาชนที่ถูกจับกุม 5 รายถูกส่งตัวไปที่สโมสรตำรวจ



แม่ค้าขนมจีนพิมายเดือดร้อนหนัก ติดป้ายประกาศปรับราคาขายขึ้นอีก10บาท
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3409347
 
แม่ค้าขนมจีนพิมายเดือดร้อนหนัก ติดป้ายประกาศปรับราคาขายขึ้นอีก10บาท หลังต้นทุนวัตถุดิบปรับราคาพุ่งสูงขึ้น
 
วันที่ 20 มิถุนายน 2565  ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า หลังจากที่ราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้มปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งสินค้าชนิดต่างๆ ก็ได้มีการปรับราคาขึ้นเช่นเดียวกัน ทำให้ส่งผลกระทบต่อแม่ค้าขายขนมจีนหลายรายในอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ต้องแบกรับภาระต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นตามไปด้วย
  
นางเลย ปัญญา อายุ 73 ปี แม่ค้าขนมจีนน้ำยารายหนึ่งในอำเภอพิมาย บอกว่า ตนเองเริ่มขายขนมจีนน้ำยามานานหลายปีแล้ว โดยเมื่อก่อน ขายขนมจีนในราคาชุดละ 20 บาท ทำน้ำยาขนมจีน 3 ประเภท คือน้ำยาป่า น้ำยาหวาน และน้ำยากะทิไก่ โดยเฉพาะราคาน่องไก่ ที่เมื่อก่อนตนเองซื้อมาในราคากิโลกรัมละ 60 บาท แต่ปัจจุบันนี้ น่องไก่ราคากิโลกรัมละ 100 บาท รวมทั้งวัตถุดิบชนิดต่างๆที่เป็นเครื่องปรุง ได้มีการปรับราคาสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ขณะนี้ได้รับผลกระทบหนัก ทำให้ต้นทุนขายขนมจีนน้ำยามีราคาสูงขึ้น
  
นางเลย กล่าวว่า ตนเองจึงได้ติดป้ายประกาศขอปรับราคาขายขนมจีนขึ้นอีก 10 บาท เป็นชุดละ 30 บาท จากเดิมแค่ 20 บาท ทำให้เหลือกำไรจากการขายขนมจีนลดลง ทั้งคนกินขนมจีนในตลาดก็น้อยลงจากช่วงโควิด-19ระบาด คนเดินตลาดน้อยลงมาก จำเป็นต้องลดจำนวนการทำขนมจีนน้ำยาขายในตลาดลดลงตามไปด้วย เมื่อต้นทุนในการซื้อวัตถุดิบสูงขึ้น ทำให้เหลือกำไรจากการขนมจีนน้ำยาในแต่ละวันเพียง 100 กว่าบาทเท่านั้น แทบไม่พอค่าใช้จ่ายเลี้ยงครอบครัวในแต่ละวัน จึงวอนขอให้ภาครัฐช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนด้วย.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่