พระเจ้า มนุษย์ จักรกล เอเลี่ยน: ประเด็นอภิปรัชญาน่าขบคิดจากหนัง ‘Prometheus’ และ ‘Alien: Covenant’ by Watchman🧑🏻‍🚀🌄

อะไรคือพระเจ้า? ใครสร้างเรามา? แล้วเราเกิดมาทำไม? เป็นคำถามเชิงอภิปรัชญาว่าด้วยชีวิต โชคชะตา และเจตจำนงที่ทำให้เกิดการขบคิด ก่อกำเนิดทฤษฎีไม่จบไม่สิ้น ตลอดระยะเวลาตั้งแต่มนุษย์ได้ก่อร่างสร้างอารยธรรมก็มีความพยายามในการหาคำตอบของคำถามเหล่านี้อยู่เสมอ

ไม่ว่าจะเป็นศาสนาหรือลัทธิในฐานะแขนงหนึ่งของทฤษฎีที่ทำการเผยแพร่ความเชื่ออย่างแรงกล้าซึ่งต่างก็เชื่อว่านั่นเป็นความจริงแท้ ไปจนถึงกระบวนการวิทยาศาสตร์ที่มีตั้งแต่การพิสูจน์ความจริง หักล้างความเข้าใจที่เคยมี การแฮ็กข้อมูล หรือยกระดับความสามารถมนุษย์ จนถึงการเป็นผู้สร้างเสียเอง

หัวข้อเหล่านี้มักจะอยู่ในบทสนทนาเวลาเจอคนที่สนใจอะไรเหมือนกัน แม้มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องขบคิดอย่างจริงจังเกินไป เพราะสุดท้ายเราต่างต้องใช้ชีวิตไปจนกว่าจะถึงวันสุดท้าย (ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่) แต่การไปเสิร์ชหาข้อมูลหรือชวนคนอื่นพูดคุย ถือเป็นกิจกรรมที่น่าสนุกและทำให้ตาลุกวาวเสมอ นั่นคือสาเหตุที่อยากพูดถึงหนังไซไฟเรื่องโปรดในดวงใจจนต้องแนะนำบอกต่อ

Prometheus (2012) กับ Alien: Covenant (2017) คือหนังสองเรื่องที่คิดออกเป็นชื่อแรกๆ ในฐานะหนังที่กระตุ้นความคิดได้เป็นอย่างดีครับ

ด้วยความที่เพิ่งได้มีโอกาสดูหนังทั้งสองเรื่องอีกรอบ (รอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้) เลยอยากจะนำหนังทั้งสองเรื่องมาพูดถึงและตั้งคำถามต่อประเด็นอภิปรัชญาว่าด้วยการสรรค์สร้างและวิวัฒนาการ กับผู้สร้างและผู้ถูกสร้าง โดยจะไล่ตั้งแต่ ‘ผู้สร้างพระเจ้า’, ‘พระเจ้า’ ในฐานะผู้ถูกมอบหมาย, ‘มนุษย์’ ในฐานะผลผลิตของพระเจ้า, ‘แอนดรอยด์’ ในฐานะผลผลิตของเรา และผลผลิตของแอนดรอยด์ทั้งภายในของเขตจักรวาลหนังทั้งสองเรื่องไปจนถึงทฤษฎีส่วนตัวที่อยากนำเสนอหลังจากได้ดูสองเรื่องนี้จบ

[บทความเปิดเผยเนื้อหาสำคัญหนัง Prometheus และ Alien: Covenant]





ก่อนอื่นต้องเท้าความก่อนว่า Prometheus กับ Covenant เป็นหนังสองเรื่องที่มีคุณค่าและความน่าสนใจซ่อนอยู่เยอะกว่าที่เห็นมากๆ ครับ จากที่ไปหาอ่านบทวิจารณ์หนัง ดูสารคดี ฟังเบื้องหลังแนวคิดของผู้สร้างภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องในแผ่น Blue-Ray ด้วยความหมกมุ่นส่วนตัว (ไม่ว่าจะเป็นบทหนังฉบับดั้งเดิมหลายเวอร์ชั่นก่อนที่จะมาเป็นเวอร์ชั่นนี้ รวมถึงตัวหนังที่ตัดบางฉากออกไป)

นั่นก็เพราะในตอนแรก Prometheus เกิดมาจากความสงสัยของผู้กำกับ ริดลีย์ สก็อตต์ (Ridley Scott) เกี่ยวกับ ‘Space Jockey’ หรือมนุษย์ต่างดาวร่างยักษ์ในหนัง Alien (1979) ที่ภายหลังถูกเรียกว่า ‘Engineer’ ในภาค prequel ว่าสิ่งมีชีวิตนี้คืออะไร และมีที่มาจากไหน บวกกับสังเกตเห็นว่าสถาปัตยกรรมบางอย่างชวนให้รู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก นั่นก็เพราะ ริดลีย์ สก็อตต์ ตั้งคำถามด้วยเช่นกันว่าใครเป็นคนสร้าง Alien หรือ Xenomorph ที่ไม่ได้มีสติปัญญาล้ำเลิศอะไร นอกจากความกระหายในการฆ่า ทำให้การเป็นพื้นที่ที่น่าสำรวจค้นหามากๆ และสามารถขยาย lore ของจักรวาล Alien ให้กว้างไกลได้อีกของตัว Engineer จึงกลายมาเป็นหนัง Prometheus ที่จะพามนุษย์ไปพบกับผู้สร้าง

พูดง่ายๆ ว่า แรกเริ่มเดิมทีตั้งใจจะให้เป็นหนังปรัชญาเต็มตัวที่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับ Engineer แบบเฉพาะกิจ พร้อมกับตั้งคำถามไปด้วยว่า “เขาสร้างพวกเราทำไม แล้วถ้าพวกเขาสร้างเรามา แล้วใครสร้างพวกเขาขึ้นมา?”

แต่ความน่าเสียดายอยู่ตรงที่ทางค่ายต้องการให้เป็นหนังเอเลี่ยนเพราะโกยเงินได้ เนื้อหาของ Engineer จึงถูกตัดทอนไปหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นตัวบทจนถึงกระบวนการตัดต่อ เพื่อไม่ให้เป็นการชี้นำคนดูจนเกินไปและปรัชญาเสียจนดูไม่รู้เรื่อง ทำให้ลดบรรยากาศตื่นเต้นระทึกขวัญของหนัง โดยหารู้ไม่ว่าถึงแม้ค่ายจะคาดหวังให้หนังทำหน้าที่เป็นภาค prequel ของเอเลี่ยน และพยายามไม่ให้เป็นมากกว่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนสนใจ Prometheus คือเรื่องราวเกี่ยวกับ Engineer นี่แหละ ด้วยการตั้งทฤษฎีน่าสนใจเกี่ยวกับอภิปรัชญาและความเป็นจริงอย่างที่ภาพยนตร์น้อยเรื่องเคยทำมาก่อน มันก็เลยเป็นอย่างที่เห็นครับ คือเป็นหนังไซไฟ-ทริลเลอร์ที่บางคนว่าธรรมดา แต่บางคนตื่นเต้นจนดูแล้วดูอีก (เช่นผมคนหนึ่งล่ะ)






เริ่มที่ Prometheus ชื่อนี้มาจากตำนานปรัมปรากรีกว่าด้วยเรื่องของ ‘ไททัน’ ชื่อเดียวกันนี้ที่ท้าทายเทพเจ้าด้วยการนำไฟลงมาให้มนุษย์ ณ โลกเบื้องล่าง ก่อให้เกิดเป็นองค์ความรู้ การปรุงสุกอาหาร สิ่งประดิษฐ์ เทคโนโลยี วัฒนธรรม และอารยธรรมอีกมากมาย พูดง่ายๆ คือ ไฟเป็นแหล่งกำเนิดของปัญญากับการใช้ชีวิต ที่สามารถต่อยอดพลิกแพลงได้หลายอย่าง ซึ่ง ริดลีย์ สก็อตต์ กับคนเขียนบทก็ได้หยิบมันมาใช้ตั้งเป็นชื่อยานอวกาศ ในทำนองว่ายานนี้จะเป็นตัวเบิกทางไปสู่ยุคใหม่ของมนุษยชาติ ยุคที่มนุษย์จะล่วงรู้มากกว่าขอบเขตที่ตนเคยรู้หรือคิดว่าจะได้รู้

ก่อนที่จะใช้ชื่อนี้ หนังใช้ชื่อดั้งเดิมตอนเขียนบทว่า ‘Alien: Engineer’ ก่อนจะมาเปลี่ยนในภายหลังเป็น ‘Prometheus’ โดยเปิดฉากที่ Engineer ตนหนึ่งดื่มสารเหลวสีดำ ก่อนที่ร่างจะสลายลงในน้ำ แล้วไปผนวกกับสภาพแวดล้อมของดาวจนเกิดขึ้นมาเป็นเกลียวดีเอ็นเอ และกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตในภายหลัง

หนังต้องการจะบอกว่าสิ่งมีชีวิตรวมถึงมนุษย์อย่างเราเกิดมาจาก Engineer แต่ไม่ใช่ Engineer ตนเดียวอย่างที่เราเห็น เพราะนั่นเป็นการจงใจตัดต่อให้เราไม่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปยัง Engineer มากไป แต่ในฉากที่ถูกตัดออกไป (deleted scene) ของหนังเรื่องนี้จะมี Engineer ตนอื่นๆ ใส่ผ้าคลุมยืนอยู่ด้วย แสดงถึงการที่เรื่องนี้เป็นเรื่องซีเรียส และการกระทำนี้มีวัตถุประสงค์บางอย่าง ซึ่งจะเป็นอะไรที่เปลี่ยนความรับรู้และความเข้าใจของเราไปโดยปริยาย

เพราะหากเป็น Engineer ตนเดียว ที่เป็นการทดลองหรือการกระทำที่ค่อนข้างคลุมเครือ ทำให้เกิดคำถามตามมาว่าพวกเขาต้องการอะไรกันแน่? แน่นอนว่านั่นจะทำให้คนสนใจเรื่องนี้มากกว่าสนใจอารมณ์ตื่นเต้นสยองขวัญของหนังไปเลย



ในสารคดีหนัง Prometheus และบันทึกของตัวละครนางเอก เอลิซาเบธ ชอว์ (Elizabeth Shaw) ที่ใช้ประกอบหนัง รวมไปถึงคอมเมนต์เกี่ยวกับหนังโดยผู้กำกับ ริดลีย์ สก็อตต์ ระบุว่า Engineer ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปบนฝาผนังของอียิปต์และอารยธรรมโบราณที่เก่าแก่ไม่แพ้กันอย่างสุเมเรียนและบาบิโลเนียน ที่มักจะวาดให้มนุษย์มีความสูงประมาณหนึ่ง และเทพเจ้าสูงกว่าราว 2-3 เท่าในระดับที่ต้องเงยหน้ามอง ดังที่เราเห็นสัดส่วนของมนุษย์กับ Engineer ซึ่งในหนังเรื่องนี้ การที่ Engineer ดื่มสารสีดำเองก็สะท้อนถึงตำนานของเทพสุเมเรียนกลุ่มที่มีชื่อว่า Anunnaki ที่เสียสละเลือดและดีเอ็นเอตัวเองเพื่อสร้างมนุษย์ขึ้นมาเช่นกัน คำนี้ความหมายว่า ‘เหล่าผู้เดินทางจากสรวงสวรรค์มายังโลกมนุษย์’

Engineer ดูเหมือนจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากเทพกลุ่มนี้มาแบบเต็มๆ นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจคือดาวที่พวกเขาจากมาเป็นสิ่งที่เราเชื่อมโยงกับคำว่า ‘สวรรค์’ ที่มักจะเป็นที่อยู่ของพระเจ้าหรือผู้สร้างที่ดูแลเราตามความเชื่อต่างๆ เพราะในตำนานของสุเมเรียนระบุว่า ดาว Nibiru คือดาวบ้านเกิดของ Anunnaki ที่อยู่ห่างจากวงโคจรของโลกไปไกลยิ่งกว่าดาวพลูโตเสียอีก นั่นก็คือดาวที่พวก Engineer จากมา

สำหรับ Nibiru นั้นจะมีชื่อเรียกนอกจากนี้อีกคือ Planet X, Heavens และ Paradise ซึ่งเป็นที่ที่ ‘เดวิด’ ตัวเอกของหนังจะเดินทางไปในหนัง Prometheus 2 ที่จะใช้ชื่อว่า ‘Alien: Paradise Lost’ ก่อนที่หนังจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Alien: Covenant หรืออิงตามคำบอกเล่าของ ริดลีย์ สก็อตต์ และการคาดเดาของหลายๆ คน นั่นคือดาว Lv-426 ในหนัง Alien ภาคแรก

ฉะนั้นความหมายของ สวรรค์ (paradise) ที่เราวาดไว้ หากมองตามหนังเรื่องนี้ มันไม่ใช่สวรรค์ที่อยู่เบื้องบนแบบตำนานเทพเจ้ากรีก ไวกิ้ง หรือที่พำนักของเทวดาและเทพตามความเชื่อของไทยและพราหมณ์-ฮินดู แต่เป็นสวรรค์ในแง่ของ ‘ถิ่นกำเนิดผู้สร้าง’

แต่ที่เราเคยเชื่อเช่นนั้นก็เพราะขอบเขตความรู้ของเราในสมัยนั้นเรายังคิดว่ามีเพียงแค่โลกใบนี้เพียงใบเดียว แต่เมื่อวิทยาการก้าวหน้า ความรู้ถูกส่งต่อจนเราตระหนักว่าโลกนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของจักรวาลอันกว้างใหญ่เท่านั้น เหนือเมฆก็คือชั้นบรรยากาศ พ้นไปกว่านั้นคือออกนอกโลกไปยังอวกาศ ดวงดาว กาแล็กซี ฯลฯ ภายใต้ผืนผ้าใบสีดำอันกว้างใหญ่ที่เรียกว่า ‘จักรวาล’

ดังนั้นจักรวาลคือขอบเขตของความคิดและการออกสำรวจเพื่อค้นหาความจริงที่แท้ แต่จะพบหรือไม่นั้นไม่มีอะไรที่จะทำให้แน่ใจได้เลย เพราะจักรวาลนั้นกว้างใหญ่ไพศาล และความเป็นจริงเกี่ยวกับการถือกำเนิดของเราอาจซ่อนอยู่ได้ทั้งในปัจจุบันและอดีต ยังไม่นับว่าหากทฤษฎีจักรวาลคู่ขนานเป็นจริง และความเป็นจริงหลายอย่างเปลี่ยนไปจากเดิมอีกนะครับ เพราะขอบเขตความเป็นไปได้ที่ขยายกว้างออกไปมันจะทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้รู้อะไรเลย




ความน่าสนใจอยู่ที่ในหนัง Prometheus จะมีฉากที่บ่งบอกว่ามนุษย์มีดีเอ็นเอตรงกับ Engineer ทุกประการ นั่นหมายความว่าเราถือกำเนิดมาจากพวกเขา แต่ถึงแม้ดาวดวงนั้นในตอนต้นเรื่อง สภาพแวดล้อมต่างๆ รวมไปถึงการเกิดเป็นเกลียวของดีเอ็นเอในน้ำจะทำให้เรานึกถึงดาวโลกกับการถือกำเนิดของมนุษย์จากเลือดเนื้อของ Engineer ผู้กำกับ ริดลีย์ สก็อตต์ ก็บอกว่าดาวดวงนั้นเป็นการจงใจไม่ระบุแน่ชัด เพื่อต้องการจะบอกว่ามันสามารถเป็นดาวดวงไหนก็ได้ เท่าที่ฟังดู โลกก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น (ไม่อย่างนั้นดีเอ็นเอคงไม่ตรงกัน) และเมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้วคงต้องพูดถึงทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แบบรวบรัด และถ้าคัดอันที่น่าสนใจมาแบบเน้นๆ เลยจะมีอยู่ 2 ทฤษฎีด้วยกัน

ทฤษฎีแรก เมื่อโลกมีการปรับสภาพด้วยตัวมันเองจนเหมาะแก่การอยู่อาศัย มนุษย์เราฟอร์มตัวขึ้นมาจากธาตุและสารประกอบทางเคมีต่างๆ เกิดเป็นโปรตีน ดีเอ็นเอ และอาร์เอ็นเอ พูดง่ายๆ ว่า ผู้ให้กำเนิดของเราก็คือโลกนั่นแหละ ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของวิวัฒนาการตามยุคต่างๆ (จนเราเดินทางมาไกลพอที่จะสร้างเรื่องราวต่างๆ และเคลมว่าเราเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับเอกภพและการกำเนิด) ทฤษฎีนี้มีความเป็นไปได้ที่สุดเพราะนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองการเกิดของเซลล์ และมันเกิดขึ้นมาเป็นโปรตีนได้จริงๆ

ส่วนทฤษฎีที่สองนั้นคือมนุษย์เราเกิดมาจากนอกโลก เพราะมีการค้นพบว่าอุกกาบาตมีส่วนประกอบของโปรตีนอยู่ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงเช่นกันที่เราเรียกมนุษย์ตัวผิวเทาๆ ตาโตๆ กับสัตว์ประหลาดสีดำกะโหลกยาวๆ ในหนัง Alien ว่า ‘เอเลี่ยน’ หรือ ‘E.T.’ (Extraterrestrial) นั้น อาจเป็นเรานั่นแหละที่เป็นมนุษย์ต่างดาวเสียเอง (ทำให้มันดาร์คยิ่งขึ้นไปอีกตรงที่เรากำลังเบียดเบียนสัตว์อื่นๆ และทำลายโลกอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา และกลายเป็นเรานั่นแหละที่กระทำการบุกยึดโลก (world invasion)




ขอขอบคุณที่มา:

http://docplayer.net/54299743-Prometheus-by-damon-lindelof.html

https://screenrant.com/alien-paradise-lost-prometheus-sequel-filming-plot/

https://www.indiewire.com/2018/11/alien-awakening-plot-details-ridley-scott-michael-fassbender-1202020723/

https://www.indiewire.com/2012/06/did-ridley-scott-just-ruin-the-mystery-of-prometheus-kill-its-sequel-109273/

https://www.alien-covenant.com/topic/50585

By. Thinkster X Watchman
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่