สวัสดีค่ะ
เมื่อปีก่อนเราเคยโพสต์ กระทู้หัวข้อ "เถ้าแก่บ้านนอก ถึงน้องๆที่กำลังกลับมาเป็นเจ้านายตัวเองที่บ้าน"
https://ppantip.com/topic/40298938 แล้ว ดีใจมากค่ะที่ประสบการณ์ที่เราแชร์ออกไปมีประโยชน์กับผู้คนมากมาย และเกิดการช่วยกันแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวของเถ้าแก่หลายๆคน ช่วยกันวิเคราะห์ หรือ เสนอแนะซึ่งมันมีคุณค่ามากมายจริงๆค่ะ
วันนี้เราอยากมาแชร์มุมมองที่เราตั้งข้อสังเกตุมาตลอดช่วง 10 ปีมานี้ คือการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรงของตลาดต่างจังหวัดจน เถ้าแก่GenX หลายท่าน งุนงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ร้านค้าที่เคยขายดีที่สุดมานาน หลายสิบปีอยู่ๆ ขายไม่ได้เลย ตลาดเงียบมาก ลูกค้าหายไปไหนหมด และทำไมการขายแบบเดิมๆ ถึงไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว มันเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดี หรือ ร้านเราดีไม่พอ? ต่อไปนี้คือเหตุและปัจจัย ที่เราสังเกตุมาค่ะ
1. การปรับ ค่าแรง 300 บาทเมื่อหลายปีก่อน = ผลของมันคือผู้คนมากมาย มีกำลังซื้อมากขึ้น ถึงหลายคนจะคิดว่าค่าครองชีพขึ้นตามค่าแรงมาแน่ๆ แต่ อัตราค่าแรงระดับนี้ส่งผลให้ มีการปรับฐานอะไรหลายอย่าง
* ทั้งการขยายตัวของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ออกมาตามตัวเมืองหรือตัวอำเภอ การขยายสาขาของ 7 การพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ๆที่กำลังขยายตัวออกมารับกำลังซื้อส่วนนี้ ทั้ง Cj express mr.diy ทำให้กำลังซื้อกระจายตัวมากขึ้นและ ไม่ได้กระจุกตัวอยู่ร้านเดิมๆอีกต่อไป
* ทั้งการที่เงินเดือน หรือรายได้ ถึงจุดที่สามารถ ออกรถยนต์กันได้ง่ายมากๆ จนมีรถยนต์รถกระบะรถเก๋งกันเกือบทุกบ้าน ทำให้สามารถเดินทางได้อย่างอิสระ สามารถเดินทางไปจับจ่ายซื้อของได้โดยไม่จำกัดว่าจะต้องซื้ออยู่กับร้านเดิมๆในพื้นที่ (สมัย10- 20 ปี ก่อน ชาวบ้านที่อยู่ในทุ่งในดงต้องเหมารถกันออกมา หรือรอรถประจำทาง เพื่อออกมาตามสถานีการค้าต่างๆ อาทิตย์ละครั้ง เพื่อจับจ่ายซื้อของ ทำให้กำลังซื้อกระจุกอยู่ตามสถานีการค้าที่รถประจำทางผ่าน หรือจอด หรือตลาดนัดประจำสถานีการค้า เงินหรือกำลังซื้อจึงกระจุกตัวอยู่ที่เดิมๆ)
2. การปล่อยกู้ที่ง่ายจนน่าตกใจเมื่อเทียบกับสมัยก่อน = ผลคือ จากเดิมร้านค้าส่วนมากหรือเถ้าแก่ส่วนมากมักสร้างตัวจาก 0 เก็บออมเงินด้วยตัวเองเพื่อมาลงทุน การกู้ยืมเงิน หรือซื้ออุปกรณ์ เช่นรถกระบะ รถ10ล้อ เป็นเรื่องยากมากๆ พูดง่ายๆคือการเริ่มกิจการค่อนข้างยากมากๆ ทำให้ส่วนมากเจ้าของกิจการตามสถานีการค้าต่างๆเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเก็บออม และ มีระบบเครดิตร้านค้า มาเป็นตัวช่วย (สังเกตุได้จากเกือบทุกร้านป้ายเป็นภาษาจีน และมีศาลเจ้าประจำสถานีการค้า และด้วยเครือข่ายการค้าสมัยก่อนที่ไม่มี อินเทอร์เน็ต การหาสินค้ามาขายให้ได้ต้นทุนที่ถูกและหลากหลาย จึงจำเป็นมากๆที่ต้องมีเครือข่ายการค้าที่สามัคคี ของคนเชื้อสายจีน) และด้วยอุปสรรคเรื่องเงินทุน และ เครดิตการค้า ทำให้น้อยคนที่จะผ่านอุปสรรคจุดนี้ไปได้ ทำให้มีร้านค้าน้อย การค้าสมัยก่อนจึงมีคู่แข่งน้อยกว่า และทำกำไรได้มากกว่ามากๆ
แต่ตอนนี้ อุปสรรคเรื่องเงินทุนและเครดิต ได้ถูกยกออกไปแล้ว ใน10 ปีที่ผ่านมา ร้านค้าเกิดขึ้นมากมาย มีคนรุ่นใหม่ๆ มาพร้อมเงินทุนเต็มกระเป๋าที่สามารถกู้มาได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าเมื่อก่อน อุปกรณ์เครื่องจักรต่างๆ ก็มาจากจีน ทำให้ราคาที่ต้องลงทุนเปิดกิจการมันต่ำลงเรื่อยๆ ร้านค้าเปิดใหม่ย่อมต้องการดึงลูกค้าวิธีที่ง่ายที่สุดคือ "ขายถูก" สงครามแข่งกันขายถูกแข่งกันบริการลูกค้า จึงบังเกิด ขายขาดทุนบางช่วงบางตอนก็ทำ (เหมือนช่วง เผาเงินของ start up) เพื่อดึงกระแสลูกค้าให้เข้ามาลองใช้บริการ จนเกิดเป็นพฤติกรรมใหม่ ให้ได้ หากจังหวะนี้ร้านค้าดั้งเดิมเจ้าถิ่น มัวแต่วุ่นวายอยู่กับปัญหาลูกปัญหาลูกน้องปัญหาสุขภาพ จนมองไม่เห็นว่ามีร้านอื่นมาขายถูกกว่า บริการดีกว่า จอดรถสะดวกกว่า ลงโฆษณาจนลูกค้าอยากเข้าไปใช้งานได้มากกว่า จังหวะนี้แหละ ที่ความมั่งคั่งจะถูกเปลี่ยนมือ ไปสู่เถ้าแก่รุ่นใหม่
3.ทำเลมันเปลี่ยนไปแล้ว = เมื่อก่อน ทำเลดีคือหัวใจการค้า แต่ตอนนี้ คำว่าทำเลดีมันเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ใช่ที่เดิม จุดเดิมอีกต่อไป คำถามคือแล้วมันไปอยู่ที่ไหนหล่ะ?
เมื่อก่อน จุดค้าขายดีคือ จุด สามแยก สี่แยก ที่คนต้องมาลง เพื่อต่อรถโดยสารประจำทาง ท่ารถ บขส. ตลาดสด พื้นที่ในตัวเมืองที่คับคลั่ง แต่ตอนนี้ทำเลพวกนี้เปลี่ยนเป็นทำเลที่เลวร้ายมากกกก เพราะอะไร? เพราะมันจอดรถไม่ได้ หาที่จอดรถยากกก .... เหมือนที่บอกในข้อ 1 ตอนนี้ทุกคนเดินทางด้วยรถส่วนตัว อยากซื้อแค่ไหน ไม่มีที่จอดรถหรือจอดรถรำบาค ก็จบ สังเกตุดูจากการขับรถเข้าตัวเมืองไป ร้านค้าตึกแถวในตัวเมืองต่างเงียบเหงาแทบจะเป็นเมืองล้างแล้วตอนนี้ ก็ด้วยปัญหานี้ค่ะ ลูกค้าไม่สามารถซื้อของได้ ซึ่งปัญหานี้ ร้านค้าสมัยใหม่ต่างรู้ดีและแก้ปัญหาไปแล้ว ลองดูที่ 7 หรือ cj express ที่เพิ่งเปิดใหม่ ใน3 ปีมานี้ ต่างปรับให้มีที่จอดรถ ด้านหน้าร้าน ทั้งงั้น และพวกเขาแทบจะเลิกเช่า ห้องแถว แล้วหันมาเช่า พื้นที่เปล่า เพื่อ ก่อสร้างร้านขึ้นมาเองใหม่ เพื่อให้สะดวกกับการก่อสร้าง การออกแบบ ที่จอดรถ ระบบ สต็อก และมันได้ผลโครตดี
4.เมื่อก่อนร้านค้าในสถานีการค้าจะคึกคักหรือไม่ จำเป็นต้องมีร้านค้าชูโรง กล่าวคือ ร้านที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้คนต้องมา ที่ชุมชนการค้านี้ ยิ่งมีมากสถานีการค้าก็ยิ่งคีกคัก แต่เวลาผ่านมาหลายสิบปี ไม่มีอะไรยั่งยืน แม่เหล็กเริ่มหยุดการทำงานไปทีละตัวสองตัวจากปัญหา 1.หมดไฟ 2.ลูกไม่สืบทอด 3.สุขภาพ 4.เพี่ยงพร้ำไปตอนวิกฤต40 5.ติดกับดักขายดีแล้วขยายตัวเกินกำลังจนเจ้ง 5.ปัญหาผัวน้อย เมียน้อยแย่งกิจการกันจนเจ้ง 6.ทายาทสืบกิจการห่วย 7.เปลี่ยนตัวเองไม่ทันโลก ฯลฯ แล้วไม่มีแม่เหล็กใหม่ๆเข้ามาดึงกระแสผู้บริโภคแทน ก็ทำให้สถานีการค้านั้นค่อยๆเหงา ซบเทราลงเรื่อยๆ และหากสังเกตุให้ดี ด้วยทฤษฎีแม่เหล็กหลายตัวนี้ กำลังมีโมเดิลเทรดกำลังทดลองทำในตลาดต่างจังหวัด นั่นคือ ที่ไหนมี 7 จะมี cj express ตามประกบ และตอนนี้กำลัง ตามติดด้วยร้าน Mr.diy หากดูจากองค์ประกอบ ภายนอกเหมือนเขามาแข่งกันขาย แต่จริงๆแล้ว เขามาเสริมกันอย่างแท้จริง ทำให้การเดินหาซื้อสินค้าสะดวก และสนุกมากขึ้น จอดรถทีเดียวซื้อของได้เกือบครบ แล้วร้านแบบเราหล่ะ จะปรับจะเสริมกันในลักษณะนี้ไหม หรือจะเอากระถางต้นไม้มาวางบัง เพราะไม่อยากเห็นร้านอื่นขายดีกว่า
5. ลูกค้าของเรา เปลี่ยนไปแล้ว = เมื่อก่อนลูกค้าจะมีนิสัยใช้แบบเดิมซื้อร้านเดิมไม่เปลี่ยน เพราะคนยุคก่อนทำงานหนักมากเหนื่อยมากไม่อยากรับข้อมูลเพิ่มแล้วเมื่อตัดสินใจซื้อของ เขาก็เลยจะใช้แบบเดิม ร้านเดิมที่เขารักที่เขาถูกใจ กลายเป็นแฟนพันธุ์แท้เดนตาย ที่ยังไงก็มาอุดหนุนเราแน่ๆ แค่เถ้าแก่ ต้องขยัน อดทนเปิดร้านทุกวัน เปิดร้านแต่เช้า(คนยุคก่อนตื่นเช้าเริ่มใช้ชีวิตแต่เช้ามืด) หาสินค้าคุณภาพดี ราคาเข้าถึงได้ สินค้ามีตลอดไม่ขาด มาขาย ร้านค้าก็ไปได้ตลอด ตื่นเช้ามาก็ขายได้แน่ๆ สินค้าก็เปลี่ยนโมเดลช้า โอกาสจะติดมือก็ต่ำ ...... แต่ตอนนี้ ลูกค้าเหล่านั้น...กำลังทะยอยตายลงไปแล้วค่ะ ที่เหลือก็ออกจากบ้านไม่ไหว กำลังซื้อเริ่ม ตกไปถึงคนรุ่นใหม่แทน นั่นก็คือรุ่นที่ ชอบลองของใหม่ ชอบจับจ่ายซื้อของ ชอบเปรียบเทียบราคา ชอบเลือกสินค้า ที่คุ้มค่า และ ถูกรสนิยม ชอบสบาย ชอบสะดวก และ เบื่อง่าย เมื่อลูกค้าเปลี่ยนไป เราก็ค้าขายกันแบบเดิมไม่ได้ สินค้าต้องทันกระแส และอย่าสต็อกเยอะ (เถ้าแก่ยุคเก่าชอบสต็อกเยอะเพื่อราคาที่ถูกลง) ตลาดตอนนี้หมุนไวยิ่งกว่าดาวนิวตรอน กระแสสินค้าสั้นมากกก มากขนาด ซื้อวางขายอาทิตย์สองอาทิตย์ก็ตกรุ่นแล้ว ต้องระวังให้ดีกว่าเก่าว่าจะลงสินค้าตัวไหน กระแสมันสั้นหรือยาว อย่าลงแบบหักโหมค่ะ
ปล.เดี๋ยวมาต่อนะคะ เดี๋ยวยาวเกิน คนอ่านหลับ 5555+
เถ้าแก่บ้านนอก ถึงเถ้าแก่รุ่นเก่า(GenX)ที่เคยขายดีมากแต่ตอนนี้ขายไม่ได้เลย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เมื่อปีก่อนเราเคยโพสต์ กระทู้หัวข้อ "เถ้าแก่บ้านนอก ถึงน้องๆที่กำลังกลับมาเป็นเจ้านายตัวเองที่บ้าน" https://ppantip.com/topic/40298938 แล้ว ดีใจมากค่ะที่ประสบการณ์ที่เราแชร์ออกไปมีประโยชน์กับผู้คนมากมาย และเกิดการช่วยกันแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวของเถ้าแก่หลายๆคน ช่วยกันวิเคราะห์ หรือ เสนอแนะซึ่งมันมีคุณค่ามากมายจริงๆค่ะ
วันนี้เราอยากมาแชร์มุมมองที่เราตั้งข้อสังเกตุมาตลอดช่วง 10 ปีมานี้ คือการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรงของตลาดต่างจังหวัดจน เถ้าแก่GenX หลายท่าน งุนงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ร้านค้าที่เคยขายดีที่สุดมานาน หลายสิบปีอยู่ๆ ขายไม่ได้เลย ตลาดเงียบมาก ลูกค้าหายไปไหนหมด และทำไมการขายแบบเดิมๆ ถึงไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว มันเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดี หรือ ร้านเราดีไม่พอ? ต่อไปนี้คือเหตุและปัจจัย ที่เราสังเกตุมาค่ะ
1. การปรับ ค่าแรง 300 บาทเมื่อหลายปีก่อน = ผลของมันคือผู้คนมากมาย มีกำลังซื้อมากขึ้น ถึงหลายคนจะคิดว่าค่าครองชีพขึ้นตามค่าแรงมาแน่ๆ แต่ อัตราค่าแรงระดับนี้ส่งผลให้ มีการปรับฐานอะไรหลายอย่าง
* ทั้งการขยายตัวของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ออกมาตามตัวเมืองหรือตัวอำเภอ การขยายสาขาของ 7 การพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ๆที่กำลังขยายตัวออกมารับกำลังซื้อส่วนนี้ ทั้ง Cj express mr.diy ทำให้กำลังซื้อกระจายตัวมากขึ้นและ ไม่ได้กระจุกตัวอยู่ร้านเดิมๆอีกต่อไป
* ทั้งการที่เงินเดือน หรือรายได้ ถึงจุดที่สามารถ ออกรถยนต์กันได้ง่ายมากๆ จนมีรถยนต์รถกระบะรถเก๋งกันเกือบทุกบ้าน ทำให้สามารถเดินทางได้อย่างอิสระ สามารถเดินทางไปจับจ่ายซื้อของได้โดยไม่จำกัดว่าจะต้องซื้ออยู่กับร้านเดิมๆในพื้นที่ (สมัย10- 20 ปี ก่อน ชาวบ้านที่อยู่ในทุ่งในดงต้องเหมารถกันออกมา หรือรอรถประจำทาง เพื่อออกมาตามสถานีการค้าต่างๆ อาทิตย์ละครั้ง เพื่อจับจ่ายซื้อของ ทำให้กำลังซื้อกระจุกอยู่ตามสถานีการค้าที่รถประจำทางผ่าน หรือจอด หรือตลาดนัดประจำสถานีการค้า เงินหรือกำลังซื้อจึงกระจุกตัวอยู่ที่เดิมๆ)
2. การปล่อยกู้ที่ง่ายจนน่าตกใจเมื่อเทียบกับสมัยก่อน = ผลคือ จากเดิมร้านค้าส่วนมากหรือเถ้าแก่ส่วนมากมักสร้างตัวจาก 0 เก็บออมเงินด้วยตัวเองเพื่อมาลงทุน การกู้ยืมเงิน หรือซื้ออุปกรณ์ เช่นรถกระบะ รถ10ล้อ เป็นเรื่องยากมากๆ พูดง่ายๆคือการเริ่มกิจการค่อนข้างยากมากๆ ทำให้ส่วนมากเจ้าของกิจการตามสถานีการค้าต่างๆเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเก็บออม และ มีระบบเครดิตร้านค้า มาเป็นตัวช่วย (สังเกตุได้จากเกือบทุกร้านป้ายเป็นภาษาจีน และมีศาลเจ้าประจำสถานีการค้า และด้วยเครือข่ายการค้าสมัยก่อนที่ไม่มี อินเทอร์เน็ต การหาสินค้ามาขายให้ได้ต้นทุนที่ถูกและหลากหลาย จึงจำเป็นมากๆที่ต้องมีเครือข่ายการค้าที่สามัคคี ของคนเชื้อสายจีน) และด้วยอุปสรรคเรื่องเงินทุน และ เครดิตการค้า ทำให้น้อยคนที่จะผ่านอุปสรรคจุดนี้ไปได้ ทำให้มีร้านค้าน้อย การค้าสมัยก่อนจึงมีคู่แข่งน้อยกว่า และทำกำไรได้มากกว่ามากๆ
แต่ตอนนี้ อุปสรรคเรื่องเงินทุนและเครดิต ได้ถูกยกออกไปแล้ว ใน10 ปีที่ผ่านมา ร้านค้าเกิดขึ้นมากมาย มีคนรุ่นใหม่ๆ มาพร้อมเงินทุนเต็มกระเป๋าที่สามารถกู้มาได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าเมื่อก่อน อุปกรณ์เครื่องจักรต่างๆ ก็มาจากจีน ทำให้ราคาที่ต้องลงทุนเปิดกิจการมันต่ำลงเรื่อยๆ ร้านค้าเปิดใหม่ย่อมต้องการดึงลูกค้าวิธีที่ง่ายที่สุดคือ "ขายถูก" สงครามแข่งกันขายถูกแข่งกันบริการลูกค้า จึงบังเกิด ขายขาดทุนบางช่วงบางตอนก็ทำ (เหมือนช่วง เผาเงินของ start up) เพื่อดึงกระแสลูกค้าให้เข้ามาลองใช้บริการ จนเกิดเป็นพฤติกรรมใหม่ ให้ได้ หากจังหวะนี้ร้านค้าดั้งเดิมเจ้าถิ่น มัวแต่วุ่นวายอยู่กับปัญหาลูกปัญหาลูกน้องปัญหาสุขภาพ จนมองไม่เห็นว่ามีร้านอื่นมาขายถูกกว่า บริการดีกว่า จอดรถสะดวกกว่า ลงโฆษณาจนลูกค้าอยากเข้าไปใช้งานได้มากกว่า จังหวะนี้แหละ ที่ความมั่งคั่งจะถูกเปลี่ยนมือ ไปสู่เถ้าแก่รุ่นใหม่
3.ทำเลมันเปลี่ยนไปแล้ว = เมื่อก่อน ทำเลดีคือหัวใจการค้า แต่ตอนนี้ คำว่าทำเลดีมันเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ใช่ที่เดิม จุดเดิมอีกต่อไป คำถามคือแล้วมันไปอยู่ที่ไหนหล่ะ?
เมื่อก่อน จุดค้าขายดีคือ จุด สามแยก สี่แยก ที่คนต้องมาลง เพื่อต่อรถโดยสารประจำทาง ท่ารถ บขส. ตลาดสด พื้นที่ในตัวเมืองที่คับคลั่ง แต่ตอนนี้ทำเลพวกนี้เปลี่ยนเป็นทำเลที่เลวร้ายมากกกก เพราะอะไร? เพราะมันจอดรถไม่ได้ หาที่จอดรถยากกก .... เหมือนที่บอกในข้อ 1 ตอนนี้ทุกคนเดินทางด้วยรถส่วนตัว อยากซื้อแค่ไหน ไม่มีที่จอดรถหรือจอดรถรำบาค ก็จบ สังเกตุดูจากการขับรถเข้าตัวเมืองไป ร้านค้าตึกแถวในตัวเมืองต่างเงียบเหงาแทบจะเป็นเมืองล้างแล้วตอนนี้ ก็ด้วยปัญหานี้ค่ะ ลูกค้าไม่สามารถซื้อของได้ ซึ่งปัญหานี้ ร้านค้าสมัยใหม่ต่างรู้ดีและแก้ปัญหาไปแล้ว ลองดูที่ 7 หรือ cj express ที่เพิ่งเปิดใหม่ ใน3 ปีมานี้ ต่างปรับให้มีที่จอดรถ ด้านหน้าร้าน ทั้งงั้น และพวกเขาแทบจะเลิกเช่า ห้องแถว แล้วหันมาเช่า พื้นที่เปล่า เพื่อ ก่อสร้างร้านขึ้นมาเองใหม่ เพื่อให้สะดวกกับการก่อสร้าง การออกแบบ ที่จอดรถ ระบบ สต็อก และมันได้ผลโครตดี
4.เมื่อก่อนร้านค้าในสถานีการค้าจะคึกคักหรือไม่ จำเป็นต้องมีร้านค้าชูโรง กล่าวคือ ร้านที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้คนต้องมา ที่ชุมชนการค้านี้ ยิ่งมีมากสถานีการค้าก็ยิ่งคีกคัก แต่เวลาผ่านมาหลายสิบปี ไม่มีอะไรยั่งยืน แม่เหล็กเริ่มหยุดการทำงานไปทีละตัวสองตัวจากปัญหา 1.หมดไฟ 2.ลูกไม่สืบทอด 3.สุขภาพ 4.เพี่ยงพร้ำไปตอนวิกฤต40 5.ติดกับดักขายดีแล้วขยายตัวเกินกำลังจนเจ้ง 5.ปัญหาผัวน้อย เมียน้อยแย่งกิจการกันจนเจ้ง 6.ทายาทสืบกิจการห่วย 7.เปลี่ยนตัวเองไม่ทันโลก ฯลฯ แล้วไม่มีแม่เหล็กใหม่ๆเข้ามาดึงกระแสผู้บริโภคแทน ก็ทำให้สถานีการค้านั้นค่อยๆเหงา ซบเทราลงเรื่อยๆ และหากสังเกตุให้ดี ด้วยทฤษฎีแม่เหล็กหลายตัวนี้ กำลังมีโมเดิลเทรดกำลังทดลองทำในตลาดต่างจังหวัด นั่นคือ ที่ไหนมี 7 จะมี cj express ตามประกบ และตอนนี้กำลัง ตามติดด้วยร้าน Mr.diy หากดูจากองค์ประกอบ ภายนอกเหมือนเขามาแข่งกันขาย แต่จริงๆแล้ว เขามาเสริมกันอย่างแท้จริง ทำให้การเดินหาซื้อสินค้าสะดวก และสนุกมากขึ้น จอดรถทีเดียวซื้อของได้เกือบครบ แล้วร้านแบบเราหล่ะ จะปรับจะเสริมกันในลักษณะนี้ไหม หรือจะเอากระถางต้นไม้มาวางบัง เพราะไม่อยากเห็นร้านอื่นขายดีกว่า
5. ลูกค้าของเรา เปลี่ยนไปแล้ว = เมื่อก่อนลูกค้าจะมีนิสัยใช้แบบเดิมซื้อร้านเดิมไม่เปลี่ยน เพราะคนยุคก่อนทำงานหนักมากเหนื่อยมากไม่อยากรับข้อมูลเพิ่มแล้วเมื่อตัดสินใจซื้อของ เขาก็เลยจะใช้แบบเดิม ร้านเดิมที่เขารักที่เขาถูกใจ กลายเป็นแฟนพันธุ์แท้เดนตาย ที่ยังไงก็มาอุดหนุนเราแน่ๆ แค่เถ้าแก่ ต้องขยัน อดทนเปิดร้านทุกวัน เปิดร้านแต่เช้า(คนยุคก่อนตื่นเช้าเริ่มใช้ชีวิตแต่เช้ามืด) หาสินค้าคุณภาพดี ราคาเข้าถึงได้ สินค้ามีตลอดไม่ขาด มาขาย ร้านค้าก็ไปได้ตลอด ตื่นเช้ามาก็ขายได้แน่ๆ สินค้าก็เปลี่ยนโมเดลช้า โอกาสจะติดมือก็ต่ำ ...... แต่ตอนนี้ ลูกค้าเหล่านั้น...กำลังทะยอยตายลงไปแล้วค่ะ ที่เหลือก็ออกจากบ้านไม่ไหว กำลังซื้อเริ่ม ตกไปถึงคนรุ่นใหม่แทน นั่นก็คือรุ่นที่ ชอบลองของใหม่ ชอบจับจ่ายซื้อของ ชอบเปรียบเทียบราคา ชอบเลือกสินค้า ที่คุ้มค่า และ ถูกรสนิยม ชอบสบาย ชอบสะดวก และ เบื่อง่าย เมื่อลูกค้าเปลี่ยนไป เราก็ค้าขายกันแบบเดิมไม่ได้ สินค้าต้องทันกระแส และอย่าสต็อกเยอะ (เถ้าแก่ยุคเก่าชอบสต็อกเยอะเพื่อราคาที่ถูกลง) ตลาดตอนนี้หมุนไวยิ่งกว่าดาวนิวตรอน กระแสสินค้าสั้นมากกก มากขนาด ซื้อวางขายอาทิตย์สองอาทิตย์ก็ตกรุ่นแล้ว ต้องระวังให้ดีกว่าเก่าว่าจะลงสินค้าตัวไหน กระแสมันสั้นหรือยาว อย่าลงแบบหักโหมค่ะ
ปล.เดี๋ยวมาต่อนะคะ เดี๋ยวยาวเกิน คนอ่านหลับ 5555+