ผมเอาบทความมาจากเฟสบุ๊คเห็นว่าดีเลยเอามาแบ่งปันกันครับ(เครดิตท่านใดบอกได้เลยนะครับ ผมกลับไปหาหน้าเดิมไม่เจอ ต้องขออภัยด้วยครับ
)
มีเพื่อนส่ง link มาแล้ว ขอบคุณมากครับเครดิต FB : Scouse Bastard
ตกลงจะใจป้ำ หรือจะงก?
ในขณะที่หลายคนช็อคที่สโมสรซื้อกองหน้า 100 ล้านยูโร ข่าวลือว่าปีหน้าจะเอาจู้ด เบลลิงแฮม แต่อีกฟากหนึ่ง หลายคนคงเห็นข่าวที่เดวิด ออนสตีน ออกมาบอกว่าสโมสรจะไม่มีทางจ่ายเงินเดือนสัปดาห์ละ 4 แสนให้โม ข่าวลือที่บอกว่าสโมสรเสนอค่าเหนื่อยให้เพียง +15% (ราวๆ 230k) และข่าวสโมสรพร้อมขายมาเน่ซึ่งเจรจาสัญญากับบาเยิร์นมิวนิค ด้วยค่าเหนื่อยเกือบๆ 4 แสน
แล้วหลายคนก็คงตั้งข้อสงสัย ตกลงสโมสรจะใจป้ำ หรือจะงกกันแน่
ผมคิดว่าคำตอบของคำถามนี้ก็คือ - สโมสรยังคงเดินตามแผนระยะยาว ซึ่งดำเนินมาตั้งแต่ยุคเอียน อาย เป็นอย่างน้อย และไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยในภาพใหญ่
ตารางด้านล่างคือตารางเงินเดือนนักเตะ ที่ผมเอามาจาก
https://salarysport.com/football/premier-league/liverpool-f.c./ หักนักเตะที่จะย้ายทีมฤดูกาลนี้ออก และคำนวณค่าเฉลี่ยแบบง่ายๆ
เราเห็นอะไร?
1. กลุ่มนักเตะคีย์แมนที่กินเงินเดือนสูง(180k+) นักเตะกลุ่มนี้อายุตั้งแต่ 27 ปีขึ้นไป ปกติถ้าไม่เจ็บจะได้ลงทุกเกม(มีเฟอร์มิโน่ที่จริงๆไม่ควรอยู่ในระดับนี้แล้ว)
2. กลุ่มนักเตะหมุนเวียน(100k-160k) อายุ 24-26 ปี (เทรนท์อายุน้อยกว่าที่ควรจะเป็น)
3. กลุ่มนักเตะสำรอง (50k+) และ
4. กลุ่มดาวรุ่ง
เส้นแบ่งเงินเดือนของแต่ละกลุ่มค่อนข้างชัด และเราไม่มีนักเตะคนไหนโดดออกไปคนเดียว
จากตารางนี้ เราจะเห็นว่าถ้าจะซื้อจู๊ด เบลลิงแฮม (86k) จู๊ด จะเข้ามาอยู่ในกลุ่มผู้เล่นหมุนเวียนได้ไม่ลำบาก โดยเราบวกเงินให้ได้อีกเกือบๆ 100% ก็ยังอยู่ในฐานเงินเดือน
มาดูโครงสร้างเงินเดือนในระดับบนกันบ้าง เรามีผู้เล่นหกคนที่รับเงินเดือนใกล้เคียงกัน และพฤติกรรมการเรียกเงินเดือนล่าสุดของโมและมาเน่ ที่ตัวเลขใกล้เคียงกันมาก สะท้อนให้เห็นว่า ความคิดที่ว่าให้ๆไปเถอะ คนเดียวเอง นั้นไม่มีทางเป็นไปได้ - ถ้าให้ ก็ต้องให้ทั้งกลุ่ม หรือถ้าไม่ให้ ก็ต้องไม่ให้เลย อย่างไรก็ตาม เพดานเงินเดือนสูงสุดนี้จะมีผลอย่างมากในการต่อสัญญาผู้เล่นในกลุ่มรอง
ผู้เล่นในกลุ่ม Squad หลายราย อาจได้รับสัญญาอีกสองฉบับกับสโมสร เช่น เทรนท์ ดิอาซ หรือโจต้า โดยเฉพาะเทรนท์ ที่สัญญาฉบับถัดไปน่าจะขยับเข้าไปอยู่ในกลุ่ม Key Player ค่อนข้างแน่
ถ้าสโมสรไม่ขยับเพดานเงินเดือนสูงสุด เงินเดือนในระดับ 220k-240k น่าจะเพียงพอให้เทรนท์ต่อสัญญา (เพราะบวกเพิ่มจาก 160k ไปเท่า VVD ก็เยอะอยู่) อย่างไรก็ตาม ถ้าเพดานเงินเดือนใหม่สูงกว่านั้น ก็เป็นไปได้ว่าตัวเลขพวกนี้จะขยับตาม
ถ้าเราคิดว่าเทรนท์จะคุยง่ายเพราะเป็นสเกาเซอร์ ก็อย่าลืมว่ายังมีดิอาช กับโจต้า(และอาจรวมถึงนูนเยซ)
ด้วยการตรึงเพดานเงินเดือนไว้ที่เดิม สโมสรจะมั่นใจได้ว่า สัญญาฉบับถัดไปของคีย์แมนดาวรุ่งจะไม่เวอร์นัก และการปรับเพดานสูงสุดอย่างจริงจังอาจจะเกิดขึ้นอีก สี่ปีถัดไปแทน(คือเทรนท์ต่อสัญญาอีกครั้ง น่าจะตอนอายุ 27-28)
เอ้อ ลืมเฉลยไปเลยว่าอะไรที่บอกว่าไม่เปลี่ยนแปลงในภาพใหญ่
Rookie : เด็กอคาเดมี่/เด็กสโมสรระดับล่าง ฉีกสัญญามา
Sub: ซื้อราคาถูก อายุน้อย(ยกเว้นโกล)
Squad: กลุ่มเป้าหมายในการซื้อหลัก ตลาดละ 1-2 คน
Keyman: "ไม่ซื้อ" Upgrade มาจาก Squad ใช้จนหมดสัญญา/ขาย - "ไม่ต่อสัญญา"
ทีมทำแบบนี้มาตลอด และน่าจะยังทำต่อไปในอนาคต สไตล์ซื้อขายเปลี่ยนบ้าง แต่ยุทธศาสตร์ยังคงเหมือนเดิม
เรื่องค่าเหนื่อยดาร์วิน นูเญซและเพดานค่าจ้างของลิเวอร์พูลครับ
) มีเพื่อนส่ง link มาแล้ว ขอบคุณมากครับเครดิต FB : Scouse Bastard
ตกลงจะใจป้ำ หรือจะงก?
ในขณะที่หลายคนช็อคที่สโมสรซื้อกองหน้า 100 ล้านยูโร ข่าวลือว่าปีหน้าจะเอาจู้ด เบลลิงแฮม แต่อีกฟากหนึ่ง หลายคนคงเห็นข่าวที่เดวิด ออนสตีน ออกมาบอกว่าสโมสรจะไม่มีทางจ่ายเงินเดือนสัปดาห์ละ 4 แสนให้โม ข่าวลือที่บอกว่าสโมสรเสนอค่าเหนื่อยให้เพียง +15% (ราวๆ 230k) และข่าวสโมสรพร้อมขายมาเน่ซึ่งเจรจาสัญญากับบาเยิร์นมิวนิค ด้วยค่าเหนื่อยเกือบๆ 4 แสน
แล้วหลายคนก็คงตั้งข้อสงสัย ตกลงสโมสรจะใจป้ำ หรือจะงกกันแน่
ผมคิดว่าคำตอบของคำถามนี้ก็คือ - สโมสรยังคงเดินตามแผนระยะยาว ซึ่งดำเนินมาตั้งแต่ยุคเอียน อาย เป็นอย่างน้อย และไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยในภาพใหญ่
ตารางด้านล่างคือตารางเงินเดือนนักเตะ ที่ผมเอามาจาก https://salarysport.com/football/premier-league/liverpool-f.c./ หักนักเตะที่จะย้ายทีมฤดูกาลนี้ออก และคำนวณค่าเฉลี่ยแบบง่ายๆ
เราเห็นอะไร?
1. กลุ่มนักเตะคีย์แมนที่กินเงินเดือนสูง(180k+) นักเตะกลุ่มนี้อายุตั้งแต่ 27 ปีขึ้นไป ปกติถ้าไม่เจ็บจะได้ลงทุกเกม(มีเฟอร์มิโน่ที่จริงๆไม่ควรอยู่ในระดับนี้แล้ว)
2. กลุ่มนักเตะหมุนเวียน(100k-160k) อายุ 24-26 ปี (เทรนท์อายุน้อยกว่าที่ควรจะเป็น)
3. กลุ่มนักเตะสำรอง (50k+) และ
4. กลุ่มดาวรุ่ง
เส้นแบ่งเงินเดือนของแต่ละกลุ่มค่อนข้างชัด และเราไม่มีนักเตะคนไหนโดดออกไปคนเดียว
จากตารางนี้ เราจะเห็นว่าถ้าจะซื้อจู๊ด เบลลิงแฮม (86k) จู๊ด จะเข้ามาอยู่ในกลุ่มผู้เล่นหมุนเวียนได้ไม่ลำบาก โดยเราบวกเงินให้ได้อีกเกือบๆ 100% ก็ยังอยู่ในฐานเงินเดือน
มาดูโครงสร้างเงินเดือนในระดับบนกันบ้าง เรามีผู้เล่นหกคนที่รับเงินเดือนใกล้เคียงกัน และพฤติกรรมการเรียกเงินเดือนล่าสุดของโมและมาเน่ ที่ตัวเลขใกล้เคียงกันมาก สะท้อนให้เห็นว่า ความคิดที่ว่าให้ๆไปเถอะ คนเดียวเอง นั้นไม่มีทางเป็นไปได้ - ถ้าให้ ก็ต้องให้ทั้งกลุ่ม หรือถ้าไม่ให้ ก็ต้องไม่ให้เลย อย่างไรก็ตาม เพดานเงินเดือนสูงสุดนี้จะมีผลอย่างมากในการต่อสัญญาผู้เล่นในกลุ่มรอง
ผู้เล่นในกลุ่ม Squad หลายราย อาจได้รับสัญญาอีกสองฉบับกับสโมสร เช่น เทรนท์ ดิอาซ หรือโจต้า โดยเฉพาะเทรนท์ ที่สัญญาฉบับถัดไปน่าจะขยับเข้าไปอยู่ในกลุ่ม Key Player ค่อนข้างแน่
ถ้าสโมสรไม่ขยับเพดานเงินเดือนสูงสุด เงินเดือนในระดับ 220k-240k น่าจะเพียงพอให้เทรนท์ต่อสัญญา (เพราะบวกเพิ่มจาก 160k ไปเท่า VVD ก็เยอะอยู่) อย่างไรก็ตาม ถ้าเพดานเงินเดือนใหม่สูงกว่านั้น ก็เป็นไปได้ว่าตัวเลขพวกนี้จะขยับตาม
ถ้าเราคิดว่าเทรนท์จะคุยง่ายเพราะเป็นสเกาเซอร์ ก็อย่าลืมว่ายังมีดิอาช กับโจต้า(และอาจรวมถึงนูนเยซ)
ด้วยการตรึงเพดานเงินเดือนไว้ที่เดิม สโมสรจะมั่นใจได้ว่า สัญญาฉบับถัดไปของคีย์แมนดาวรุ่งจะไม่เวอร์นัก และการปรับเพดานสูงสุดอย่างจริงจังอาจจะเกิดขึ้นอีก สี่ปีถัดไปแทน(คือเทรนท์ต่อสัญญาอีกครั้ง น่าจะตอนอายุ 27-28)
เอ้อ ลืมเฉลยไปเลยว่าอะไรที่บอกว่าไม่เปลี่ยนแปลงในภาพใหญ่
Rookie : เด็กอคาเดมี่/เด็กสโมสรระดับล่าง ฉีกสัญญามา
Sub: ซื้อราคาถูก อายุน้อย(ยกเว้นโกล)
Squad: กลุ่มเป้าหมายในการซื้อหลัก ตลาดละ 1-2 คน
Keyman: "ไม่ซื้อ" Upgrade มาจาก Squad ใช้จนหมดสัญญา/ขาย - "ไม่ต่อสัญญา"
ทีมทำแบบนี้มาตลอด และน่าจะยังทำต่อไปในอนาคต สไตล์ซื้อขายเปลี่ยนบ้าง แต่ยุทธศาสตร์ยังคงเหมือนเดิม