ดูจากการตั้งกระทู้และความคิดเห็น ระหว่างการแข่งกับหลังแข่งนัดไทย-อุซเบ แสดงให้เห็นว่าแฟนบอลไทยยังขาดความรู้เรื่องบอลไทย

มีบางกระทู้ก็พอโอเคอยู่ ดูมีเหตุผลหน่อย 

หลายคนไปคาดหวังกับผลการแข่งขันนัดนี้มากเกินไป ทั้งๆที่ก็ได้ตั้งกระทู้ดักไว้ก่อนเกมจะเริ่มแล้วน่ะว่าผลการแข่งออกได้แค่สองหน้าเท่านั้น เพราะอะไร  https://ppantip.com/topic/41485423 จบเกมแล้ว อย่าไปลงกับนักเตะ หรือโค้ช เพราะอะไรให้เหตุผลไปแล้วในกระทู้ ก็ยังไม่วายมีกระทู้ โจมตีนักเตะ โค้ช หนักถึงขั้นตั้งโพลถามว่าโค้ชสมควรอยู่ต่อหรือไม่ มันเหมาะสมไหม  อืม...
คำถาม คือ แฟนบอลคาดหวังอะไรจากเกมนี้

ก่อนอื่นเลยแฟนบอลไทยควรจะต้องรู้ว่าทีมชาติไทยนั้นจริงๆแล้วอยู่ไหนระดับไหนมากกว่า
จากเกมเมื่อคืน มันไม่ได้มีอะไรที่ผิดคาดอะไรเลย  หลายคนไปวิจารณ์นักเตะว่า เล่นได้ไม่ดีนู่นนี่นั่น  ว่าโค้ช แต่ไม่ได้ดูสภาพทีมที่มีตอนนี้เลย กับ สถานะการเข้ารอบของทีม  คือทีมชาติไทยกับอุซเบกิสถานสถานะเข้ารอบทั้งคู่อยู่แล้ว นักเตะบางคนก็เล่นมาสองเกมติดแล้ว ก็ควรได้พักบ้าง หรือใครที่ยังไม่ได้รับโอกาสลงเล่น ก็ควรได้รับโอกาสบ้าง เพื่อเป็นการลองแท็คติก ลองผู้เล่น สังเกตว่าฝั่งอุซเบเขาก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน เปลี่ยนจาก สองเกมแรกประมาณ 3-4 คน 

สิ่งที่ผิดคาดจากเกมนี้ก็คือ ไม่คิดว่ามาโน่จะไปเปิดเกมรุก เปิดแลกใส่อุซเบขนาดนั้น ทั้งๆที่คุณภาพนักเตะ และมาตรฐานทีมเป็นรองอุซเบพอสมควรเลย  ขนาดอุซเบเองก็ยังขาดผู้เล่นตัวหลัก และขาดผู้เล่นที่เล่นอยู่ในลีกยุโรปอีกบางคนที่ยังไม่ได้ติดทีมมาในทีมชุดนี้ด้วย และเกมนี้บอกเลยว่าถ้าใครเคยดูอุซเบชุดเต็มเล่นกับสวีเดน หรือรายการตอนคัดบอลโลกที่ผ่านมา จะรู้ว่าเกมที่เจอไทยวันนี้ เขาก็ไม่ได้เร่งเกมหรือเล่นแบบมีความกดดันอะไรเลย ส่วนนึงเพราะเข้ารอบไปแล้วด้วย  ไทยดูเหมือนจะครองบอลบุกสู้ได้แต่เปล่าเลย อุซเบปล่อย ล่อให้ไทยบุกถึงพื้นที่สุดท้ายหน้าประตูเขาเลย  เพื่อเปิดพื้นที่ว่างหลังบ้านของไทยเพื่อใช้ในการโต้กลับ(เหมือนแมตซ์ที่ไทย แพ้ญี่ปุ่น 4-0 ตอนคัดบอลโลก2018 ที่แฟนบอลไทยคิดว่าไทยสู้ญี่ปุ่นได้ หรือให้นึกถึงแท็คติกที่ราเยวัชใช้ตอน AFF suzuki cup 2018 ที่ไทยรับต่ำแล้วโต้กลับทีเดียวได้ประตู) รู้ได้อย่างไรว่าเขาปล่อยให้เราบุก สังเกตได้จากกองหลังเขานิ่งไม่มีลนอะไรเลย คือเขามั่นใจมากว่าแนวรุกเราทำอะไรเขาไม่ได้แน่ๆ พอถึงพื้นที่สุดท้ายตัดบอลไปได้อย่างสบายๆและรีบโต้กลับทันที ซึ่งถ้าเป็นแมตซ์ที่ต้องเน้น หรือมีผลต่อการเข้ารอบ คิดว่าเขาน่าจะเน้นเรื่องการจบสกอร์มากกว่านี้ ซึ่งถ้าจบคมๆไทยน่าจะโดน 3-4 ลูกเป็นอย่างน้อย   มาโน่เองก็คงจะได้บทเรียนไปเรียบร้อยแล้ว  ราเยวัชตอนอุ่นเครื่องเจออุซเบ(ปี2017) ยังไม่เปิดเกมรุกสู้เลย  เพราะเขารู้ว่าคุณภาพนักเตะเราเป็นรอง ซึ่งรูปเกมมันก็ออกมาดีกว่านัดนี้น่ะ ยัน 0-0 ไว้ได้นานกว่า มีโอกาสได้ประตูแบบใกล้เคียงมากกว่า แถมตอนนั้นทีมชาติไทย ผู้เล่นชุดนั้น ไม่ใช่ผู้เล่นชุดหลัก บางคนติดทีมชาติครั้งแรกด้วย   

ทัวร์นาเมนต์นี้มาโน่ก็สอบผ่านได้ตามเป้าหมายน่ะ คือผ่านเข้ารอบ 6 แต้มและแพ้อุซเบเจ้าภาพ ไม่เกิน2ลูก  และนักเตะไม่มีใครเป็นอะไร ไม่มีใครบาดเจ็บ กลับมาครบถ้วนสมบูรณ์

แล้วถามว่า ในอนาคตไทย ถ้าได้ นักเตะแบบฟูลทีม ได้ตัวจากลีก ตปท จาก U23มาเสริมทีมแล้วจะสู้อุซเบได้ไหม คำตอบ คือ อาจจะดูดีขึ้นกว่านัดนี้ แต่โดยรวม ก็ยังสู้ไม่ได้ เต็มที่ได้แค่เสมอเหมือนเดิม เพราะ ฝั่งอุซเบเอง มาตรฐานผู้เล่นเขาสูงกว่าไทยพอสมควร  เขาก็ยังมีนักเตะตัวหลัก และผู้เล่นที่เล่นในลีกยุโรปอีกหลายคนที่ไม่ได้มาเล่นชุดนี้  1ต่อ1เราสู้เขาไม่ได้ทั้งความฟิตและความสามารถเฉพาะตัว สื่งที่ต้องใช้ชดเชยมาคือเรื่องของระบบทีม ทีมเวิร์ค โค้ชจะต้องควรรู้ว่าควรจะเล่นกับทีมระดับนี้แบบไหน ไปเปิดหน้าแลกใส่เขาก็ตายอย่างเดียว 
ถ้าถามว่าควรเอาผลงานนัดนี้มาเปลี่ยนโค้ชเลยไหม คำตอบก็คือยังไม่ต้องรีบขนาดนั้น เพราะ ทีมชาติมันต้องใช้เวลาในการทำทีม และผลงานรวมๆของมาโน่ก็ไม่ได้ถือว่าแย่เลย (ยกเว้นแค่นัดนี้นัดเดียวที่รู้สึกสงสัย ว่าทำไมเปิดหน้าแลกใส่อุซเบขนาดนั้น)  เปลี่ยนใหม่ ก็ต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ และ ณ จุดนี้มันก็ยังไม่ได้แย่อะไรมาก ขอแค่อย่างเดียว ขอแค่อย่ามีใครแทรกแซงโค้ชในการเลือกนักเตะเป็นพอ 
แฟนบอลไทยเป็นประเภทใจร้อน อยากได้ความสำเร็จระยะสั้น ตัวอย่างก็มีแล้วตอนนิชิโนะ ทั้งๆที่เป้าหมายตอนแกมาใหม่ๆ คือ ฟุตบอลโลก2026 ไม่ใช่2022 ซึ่งมันต้องใช้เวลาสร้างทีมสร้างรากฐาน ซึ่งผลงานแกก็ทำได้ดี มาเริ่มงานตอนก่อนเตะคัดบอลโลกนัดแรกไม่กี่วัน คัดบอลโลกสามารถเอาชนะทีมยูเออี  คัดโอลิมปิก AFC U23 ก็สู้ทีมเอเชียได้อย่างสูสี จากผลงานคือเกือบได้ไปโอลิมปิกอยู่เหมือนกัน  สุดท้ายมาเจอโควิด คัดบอลโลกสามนัดสุดท้ายพังไม่เป็นท่า  ด้วยพิษโควิดสมาคมก็ไม่มีเงินมากพอที่จะจ้างต่อ ยอมจ่ายค่าฉีกสัญญาแทน  ซึ่งแกก็ช่วยลดเงินค่าฉีกสัญญาให้ เพราะเห็นว่าสมาคมแทบไม่มีเงินแล้ว สุดท้ายก็ต้องเชิญนายทุนมาเป็นผู้จัดการแทน เพราะเงินไม่พอแล้ว ซึ่งตรงนี้เป็นที่น่าเสียดายมาก เพราะถ้าแกยังอยู่ คงเห็นบอลไทยไปได้ไกลกว่านี้ เพราะแกเน้นคัดเลือกผู้เล่นจากฟอร์ม ณ ปัจจุบันจริงๆ และมีระบบการเล่นที่ชัดเจนมาก

ทีมชาติไทยไทย ณ ตอนนี้ อยู่ระดับไหนในเอเชีย(ต่อให้มีนักเตะที่เล่นอยู่ใน ตปท มาเสริมแบบฟูลทีมแล้ว) 
ทีมระดับเกรด A    = ญี่ปุ่น  อิหร่าน  เกาหลีใต้  ออสเตรเลีย  ซาอุ (ในกลุ่มนี้ไทยจะค่อนข้างเป็นรองพอสมควร โอกาสแพ้ เสมอ จะมากกว่าชนะมาก)
ทีมระดับเกรด B+  = กาตาร์  อุซเบกิสถาน อิรัก (ในกลุ่มนี้ไทยจะค่อนข้างเป็นรอง โอกาสแพ้ เสมอ จะมากกว่าชนะ)
ทีมระดับเกรด B  = ยูเออี   โอมาน (ในกลุ่มนี้ไทยจะค่อนข้างเป็นรอง โอกาสแพ้ เสมอ จะมากกว่าชนะ)
ทีมระดับเกรด C   = จีน    เวียดนาม  ซีเรีย  เลบานอน บาห์เรน จอร์แดน  คีร์กีซสถาน  ปาเลสไตน์  ทาจิกิสถาน  อินเดีย เกาหลีเหนือ  ไทย (ในกลุ่มนี้ไทยจะสูสี โอกาสแพ้ เสมอ ชนะจะเท่าๆกันหมด)
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น​ ระดับของทีมก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลานั้นด้วย​ ทุกอย่างมีขึ้นมีลง

จะเห็นได้ว่า ถึงแม้ว่าบอลโลก 2026 จะได้โควต้าถึง 8 ทีม แต่ถ้าในอนาคต มาตรฐานของทีมยังคงเป็นประมาณแบบนี้อยู่ ก็เป็นเรื่องยากของทีมชาติไทยเหมือนกัน ถ้ายังยกระดับทีมไปให้ดีขึ้นกว่านี้ไม่ได้  ขึ้นอยู่กับว่าเวลา 2-3 ปีที่เหลือจะทำยังไง  เหมือนจะนาน แต่เอาจริงแปปเดียวสำหรับทีมชาติ เพราะ จะมีบอลลีค ฟุตบอลรายการอื่นๆที่ต้องเล่นระหว่างนี้อีกมากมาย

**อยากจะย้ำทุกกระทู้ทีเขียนว่า ไทย ถึงแม้จะได้นักเตะ ลูกครึ่งหรือผู้เล่นที่มาจากต่างประเทศมาเสริมทีมก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้ไทยยกระดับไปเป็นทีมชั้นนำของเอเชียเลยทันที แต่เป็นเพียงแค่การลดช่องความห่างจากระดับชั้นของทีมชาติไทยกับทีมชั้นนำในเอเชียลงเท่านั้นเอง อาจจะสูสีมากขึ้น แต่ไม่ได้เหนือกว่าเขาแน่นอน  เพราะทีมอื่นเขาก็ยกระดับขึ้น พัฒนาขึ้นเหมือนกันตลอก มีนักเตะที่ค้าแข้งในยุโรป หรือลูกครึ่งมาช่วยทีมมากขึ้นเช่นเดียวกัน   เพราะฉะนั้น ณ ตอนนี้ ระบบการเล่น ระบบทีม ความเข้าใจการเล่น wayการเล่น ของทีมเป็นสิ่งสำคัญมาก ณ ตอนนี้ควรจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง และควรจะไปในทิศทางเดียวกันได้เเล้ว  ถ้าจะไปบอลโลก 2026
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่