รีวิวการเจออะไรก็ไม่รู้ในโรงแรมใจกลางกรุง (ฉบับคนไม่กลัวผี)

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเราเองและเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เจออะไรแบบนี้ เรื่องยาวมากๆ ช้อกมากๆ น่ากลัวมากๆสำหรับเรา ผู้ซึ่งเรียนจบคณะวิทยาศาสตร์และคิดว่าผีหรือสิ่งที่จับต้องไม่ได้จะไม่ทำร้ายหรือเข้ามาทำอะไรเรา เพราะมาดี และกล้าเผชิญทุกอย่างตั้งแต่ขับรถเล่นผ่านป่าช้า อยู่บ้านกับกุมารที่ขี้เล่น อยู่บ้านคนเดียวตั้งแต่เด็ก ๆ บอกใครต่อใครว่าเป็นไปไม่ได้หรอกมันต้องมีเหตุและผล เพื่อนวิ่งแล้วแต่ฉันเดินเข้าไปดูว่ามีอะไร

ขอแนะนำตัวละคร
1. ตัวเราเอง
2. แฟน
3. เพื่อนแฟนที่คบกันมาเกิน 10 ปี (นางแบบแต่งหน้า) (น้อง A)
4. เพื่อนของเพื่อนแฟน (น้อง B)
5. รุ่นน้องของเพื่อนแฟน (น้องC)

เริ่มเรื่องจากที่เรากำลังจะทำอาชีพช่างแต่งหน้าแล้วกำลังเก็บพอร์ตแต่งหน้ากับคนรู้จัก และฝึกแต่งเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ซึ่งเพื่อนแฟนเราก็อยากไปเอเชียทีคเพื่อถ่ายรูปเล่นคุยกันไว้นานแล้ว บวกกับเรากำลังเก็บพอร์ต แฟนเลยชวนไปด้วยกันสะเลยซึ่งเราก็โอเค เรา 3 คนคุยเรื่องนี้ก่อนถึงวันจริง 1 เดือน น้องเอเห็นว่าเราแต่งหน้าเลยชวนน้องซีมาด้วยและ ให้เราเป็นคนคิดตรีมทั้งในลุคแต่งหน้าทำผมที่เราอยากทำ เราเลยคิดคนละ 2 ลุค เราเลยมองว่างานนี้เป็นงานที่เราอยากจะลงทุนให้มันออกมาดีที่สุดตอนแรกนัดกันวันอาทิตย์ 10 โมง แต่ด้วยลุคที่เราอยากแต่งมันค่อนข้างเยอะและใช้เวลาแต่ง ถ้าจะแต่งที่เอเชียทีคก็กลัวว่าจะมีปัญหา แต่งในรถก็คงไม่สะดวกและไม่เป็นส่วนตัว นางแบบเราคงไม่โอเคแน่ ๆ  เราเลยตัดสินใจจองโรงแรมสัก 3 ชม. แฟนเราก็หา แต่ไม่มีเลย มีแต่ค้างคืนเราก็เลยงั้ลเป็นค้างคืนมั้ย ถามน้องเอ น้องเอเห็นด้วยและคุยกันว่าจะพี่แต่งทั้งคืนไปเลยจ้าอยากแต่งอะไร ทำอะไรลุยเลย เราก็ตื่นเต้นดีใจ เอนเนอจี้สูงมาก เราให้แฟนเราหาโรงแรมที่มีหน้าต่างบางใหญ่แสงธรรมชาติเข้าได้ตอนเช้า ซึ่งแฟนเราจะเป็นคนจองโรงแรมให้ตลอด และเค้าจะหาราคาที่ดีที่สุด ดีที่สุด และหารีวิวดูก่อนเสมอไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือทำอะไร ค่อนข้างรอบคอบในเรื่องนี้เราก็เลยบอกสิ่งที่ต้องเราต้องการแล้วส่งต่อให้แฟน พอหาแล้วโรงแรมนี้เกิดมาเป็นอันดับต้นๆ และรีวิวโอเค เราจองผ่านแอพ ราคาโอเค วิวแม่น้ำ หน้าต่างบานใหญ่มากๆ มีอ่างอาบน้ำ แฟนก็เปิดรูปให้ดูเราก็ดูผ่านๆ เราก็ขอดูหน้าต่างแค่นั้นจบ ซึ่งในรูปดูใหม่น่าพักสุดๆ เราก็โอเค ตอนนั้นเราจองเป็นเตียงใหญ่ และมาคุยกันที่หลังว่า จะลองขอเปลี่ยนเป็นห้องสองเตียงดีกว่า เพื่อดึกๆ ง่วง เราก็จะนอนเตียงเดียวกับแฟน น้องเอนอนอีกเตียงไปเลย โรงแรมนี้สามารถเช็คอินได้บ่าย 3 เช็คเอ้า 11 โมง เราเลยนัดน้องเอว่าเดี๋ยวเราจะไปเช็คอินก่อนนะ น้องเอเข้ามาสัก 4 โมงเย็นแล้วกัน เราก็คุยกับแฟนว่าเหลือเวลาอีกเกือบ 1 ชั่วโมงแช่อ่างกันสวีตกันสอง 2 คนอุษาได้มาแล้ว ขอนิดนึงแล้วกัน ปกติชอบแช่อ่างอยู่แล้ว
    พอถึงวันเราก็มาเช็คอินตอนบ่าย 3 พอเลี้ยวเข้ามาเราก็ตกใจกัน ถึงกับร้อง อุ้ย!! โรงแรมนี้แน่นะ เพราะมันดูเก่ากว่าที่คิดเยอะมากๆ แฟนบอกใช่ที่นี้แหละตาม GPS เลย ซึ่งปกติไม่ว่าจะไปนอนที่ไหนเมื่อเห็นศาลเราจะไหว้และพูดเสียงดังว่า สวัสดีค่ะ ขอมานอนนึงคืนนะคะ ซึ่งตอนที่เลี้ยวเข้าไปเราไม่เห็นศาลอาจจะเพราะเราตกใจกับโรงแรมมากกว่า ขับรถเข้าไปจะมีลานจอดรถแบบวนอยู่หลายชั้น ก็เข้าไปจอดชั้นที่ 1 ครึ่ง ต้องเดินลงมาทางลาดลงเพื่อที่จะเดินเข้าลอบบี้ พอเข้าไปก็รู้สึกว้าวโอเคกว่าที่คิดน้า พนักงานพูดดีมาก เราก็ติดต่อและขอเปลี่ยนห้องเป็นสองเตียงเค้าก็ชะงักนิดๆ แล้วก็ขอเช็คห้องสักครู่นะคะ เราก็โอเค เมื่อห้องเราก็ขอเดินไปดูห้องก่อนแล้วค่อยมาขนของ พอขึ้นลิฟไป มันรู้สึกร้อนและไม่มีอากาศหายใจน่าจะเป็นเพราะไม่ได้เปิดแอร์ในลิฟ เรากับแฟนก็คุยกันว่าหื้มร้อนเชียว ห้องเราอยู่ชั้นที่ 8 ห้องที่ 11 เดินออกจากลิฟมา เลี้ยวซ้ายแล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไหน ซึ่งลึกมากๆ ในความรู้สึกตอนนั้น ก็บ่นกันกับแฟนว่าลึกจังวะ  เดินจนสุดทางห้องอยู่สุดทางเลยจ้า พอเดินเข้าไปก็ทัวร์ห้องกันมองรอบๆ ไม่มีอะไร เราก็เปิดไปดูห้องน้ำ เพื่อดูอ่าง เราก็มองรอบๆ กระจกห้องน้ำบานใหญ่ ตรงข้ามกระจกจะสะท้อนกับอ่างน้ำแล้ว ชักโครกคือเปิดประตูจะเจอเลย เราเลยชะโงกดูอ่าง ในอ่างมีคราบเหลือๆ แดงๆฝังอยู่ ขอบอ่างจะคราบราดำ เกาะอยู่เป็นช่วงๆ เราก็มองหน้าแฟนแล้วตกลงกันว่าโอเคไม่แช่ก็ได้ แล้วขำกัน แฟนก็เลยลองเปิดน้ำ ซึ่งฝักบัวจะอยู่ด้านบนของอ่างเวลาอาบน้ำจะต้องเข้าไปยืนในอ่างฝักบัวจะเป็นฝักบัวแบบฝังปูนไม่มีสาย พอเปิดน้ำมันทิ่มลง เราเลยบอกแฟนลองปรับหัวดูสิ แฟนก็ปรับ แต่ทำไม่ได้เพราะหัวมันหักไม่สามารถปรับทิศทางของฝักบัวให้ เราเลยบอกแฟนทักไปบอกน้องเอทีว่าอาบน้ำมาเลยทันมั้ย น้องเอก็โทรมาเราก็บอกสิ่งที่เกิดในห้องน้ำ น้องเอบอกออกมาแล้วแต่สบายมาก อาบได้แหละเคยอาบที่แย่กว่านี้มาแล้ว เราก็เดินออกมาเช็คต่อ เราได้เสียง อืดดดด ดังพอสมควร แฟนก็เดินดูเตียง เดินไปดูหน้าต่างชมวิว เราก็ถามแฟนได้ยินเสียงปะ เราก็เดินหา มันคือเสียงตู้เย็น เราก็เปิดตูเย็นฟังเสียง เราก็ถามแฟน ดังขนาดนี้ฉันจะนอนยังไง เราเห็นรีโมทและแอร์บ้านเราก็พยายามจะเปิด แล้วเปิดไม่ติด เลยบอกแฟนว่าเดี๋ยวโทรไปหาข้างล่างให้เค้ามาดูดีกว่า เราเดินไปที่โทรศัพท์ที่อยู่ระหว่างกลางของเตียง แฟนเดินตามมาแล้วเห็นกล่องที่ใช้บังคับแอร์และไฟต่างๆในห้องทั้งหมด แฟนก็บอกนี้มีบังคับตรงนี้ แฟนก็กดเปิดแอร์แต่งนั้นเราคิดว่ามีแอร์บ้าน แอร์ตัวใหญ่อาจจะพังรึป่าวเลยไม่ได้สนใจโทรต่อ พอรับก็แจ้งว่าห้องเปิดแอร์ไม่ได้ พนักงานบอกว่า ต้องใช้แอร์ตัวใหญ่นะคะ แอร์บ้านใช้ไม่ได้ จะมีกล่องสีน้ำตาลอยู่บนหัวเตียงนะคะ เราเลยแจ้งว่าอ่อค่ะ พอดีลองกดแล้วยังไม่ติดค่ะ รบกวนขึ้นมาดูให้หน่อยได้มั้ยคะ พนักงานบอกได้ค่ะเดี๋ยวให้ช่างไปดูให้นะคะ เราก็วางทันทีที่วางหู แอร์ก็ติดแล้วดังอืดดดดดดังกลบเสียงตู้เย็นที่ได้ยินตอนแรก เราก็ไม่ได้สนใจขนาดนั้นเดินไปดูหน้างต่างกับแฟน วิวหน้าต่างจะเห็นชิงช้าเอเชียทีค ฝั่งขวาอีกฝั่งจะเป็นมุมตึกของโรงแรม เพราะเป็นห้องสุดทาง แอบเซ็งนิดหน่องแต่ก็ไม่ติดใจอะไร แล้วก็ได้ยินเสียง ตึ้ง ดังและสนั่นมาก แฟนเราตกใจ แต่เราบอกแฟนว่าคนล้มมั่งเธอ แฟนบอกล้มขนาดนี้มีหัวแตกละนะ เราก็ขำกันอีก ช่างมาดูแอร์ที่มันติดแล้วช่างก็บอกรอสักครู่เดี๋ยวคงเย็นช่างก็กลับไป เราก็ยืนดูวางแผนกันว่าจะวางของตรงไหนดี ตั้งไฟตรงไหนถ่ายตรงไหน พอคุยเสร็จก็ตกลงกันว่าจะลงไปเอาของ ก็ดึงเอาคีย์การ์ดออกยังไม่ทันปิดประตูเลยไฟตัดทันที เราก็พูดเร็ววะยังไม่ทันก้าวออกจากห้องดับสะแหละ ปกติสักนาทีถึงดับพอลงมาก็เรียกพนักงานให้ช่วยเอารถเข็นมาหน่อยของเยอะ พนักงาน(คนที่ขึ้นไปดูแอร์ที่ห้องให้) เราก็ขำกับแฟนอ่าวไหนว่าช่าง มาขนกระเป๋าสะแล้ว เราก็ขนของกระเป๋าหลายใบเลย เพราะกะมาจัดสุดฝีมือมีอะไรเอามาให้หมด เสื้อผ้า คือเต็มรถเข็นนั้นแหละ จากนั้นเราก็เดินขึ้นห้อง พนักงานเอากระเป๋าตามมา เราก็ขนของเข้าห้อง แฟนพูดขึ้นมาว่าเพิ่งนึกออก ห้องนี้จัดรูปแบบห้องเหมือนโรงพยาบาลเลย เราก็ขำ ละบอกเออจริงๆด้วยคงได้อินสปายจากโรงบาล นั่งพักแปบนึง น้องเอก็มาถึง โทรมาถามทางว่าจอดรถตรงไหน แล้วก็ถามว่าที่นี้หรอวะ เก่าจัง เราก็บอกทางมาที่จอดรถใกล้ๆ เรา น้องเอได้ที่จอดชั้น 1 เราลงไปช่วยน้องถือของ น้องบอกมีเพื่อนมาด้วยนึงนะ น้องบี เราก็โอเคเดินไปขนของ 4 คน ของน้องเอก็เยอะไม่ต่างกัน 4 คนถือก็พะรุงพะรังใช้ได้ เดินเข้ามาพนักงานที่คุยกับเราก็ยิ้มให้ เราก็เดินขึ้นลิฟ คุยกันไปเรื่อย น้องบีกระซิบน้องเอว่าเดินลึกจัง พอถึงห้อง วางของยังไม่ทันได้นั่งมีพนักงานโทรมาทันที
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่