สวัสดีค่ะ
เรามีเรื่องที่อยากระบายความรู้สึกตอนนี้มากๆเลย คือ เริ่มแรกเลยอาการที่เราเป็นตามหัวกระทู้นั้น เราเป็นช่วง ปวช.ปี3 จะเข้ามหาลัย คือฐานะทางบ้านเราไม่ค่อยมีเงินสักเท่าไหร่นัก มีพอใช้ไปวันๆ เราเองกำลังจะจบปวช.จะต้องใช้เงินเข้าเรียนต่อมหาลัย ทางบ้านก็ไม่มีเงินมากนัก เราท้อมากอยากเรียนต่อจึงคิดว่าตัวเองเป็นภาระให้กับครอบครัว จึงเคยคิดที่จะฆ่าตัวตายไม่อยากอยู่ให้เป็นภาระพ่อแม่ พ่อแม่จะได้มีเงินไม่ต้องคอยหาเงินมาส่งเสียเราเรียน แต่พ่อแม่ก็ไปกู้ยืมเพื่อนที่ทำงานมาให้เราได้เข้าสมัครเรียนต่อมหาลัย ตอนนั้นเราดีใจมากตื่นเต้นกับโลกของมหาลัย แต่ด้วยความที่ยังเป็นเด็กสนุกกับสิ่งใหม่ๆเลยไม่ได้คิดถึงสิ่งที่จะตามมา เราแอบโดดเรียนบ้าง แอบโกหกพ่อแม่ขอเงินไปทำรายงานบ้าง ไปนอนบ้านเพื่อน หนีเที่ยวบ้าง จนมาถึงมหาลัยปี4 ซึ่งเราต้องทำวิจัยจบ ด้วยความที่เราก็ไม่ตั้งใจเท่าไหร่เราเลยได้เรียนถึงปี5 ตามเก็บวิชาที่ดรอป ติดF และต้องทำวิจัยตามหลังเพื่อน ซึ่งตอนนั้นเราเองก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ทะเลาะกับเพื่อนร่วมกลุ่ม จนเกือบสิ้นหวัง ไม่อยากทำโปรเจคต่อแล้ว ในหัวก็ผุดขึ้นมาอีก ไม่อยากมีชีวิตอยู่เรียนมา5 ปีวิจัยก็ยังไม่เสร็จ อยากจะฆ่าตัวตาย กลัวพ่อแม่อายคนที่มีลูกเรียนไม่จบ แต่สุดท้ายเราก็กว่าจะผ่านมันไปได้ แต่ก้ไม่รู้ว่าผ่านมันไปได้ยังไง คงเป็นความตั้งใจ ฝืนใจ กัดฟันสู้ของเรามั้ง มันเลยผ่านไปได้ พอเรียนจบเราเองก็มาทำงานกับแฟนที่คบกันมาตั้งแต่ปวช.ปี3 ซึ่งปัญหาต่างๆที่เราเจอแทบจะไม่เคยบอกเขาเลย เพราะเราไม่อยากให้เขารับรู้ ก็แค่บางเรื่องที่บอกบ้าง ไม่บอกบ้าง แต่เราสองคนเป็นที่ชอบเที่ยวคล้ายๆกัน ชอบดื่มเหมือนกัน ก็เลยมีเพื่อน มีสังคมมากหน้าหลายตา เราชอบเที่ยวเขา ตั้งแค้มป์ เดินป่า มันรู้สึกว่าเคมีเราคล้ายๆกัน และเป็นการพักผ่อนที่ดี เอาล่ะ พอเราได้มาทำงานกับเขา ที่เป็นธุกิจของครอบครัวเขาเราเองก็เกร็งๆ เพราะตั้งแต่เรียนมาไม่เคยได้มาทำงานแบบนี้ ซึ่งเราเองก็มีทำงานในช่วงปิดเทอมบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่พอเอาเข้าจริงแล้วสายที่เราเรียนมาไม่ได้ตรงกับงานที่เราต้งมาทำ ไม่ใช่สิ่งที่ถนัดเลย แถมเงินเดือนน้อยซึ่งตอนนั้นเราเองก็ยอม เพื่อได้มีงานทำไปก่อนช่วงแรกๆมันก็ดีนะ ตอนหลังจากนั้นแหละแทบไม่มีความสุขกับการทำงานเลย โดนพี่ที่ทำงานพูดจาไม่ดี กระแทก-ดัน .... วันนี้พอแค่นี้ก็ดีกว่า ไว้มาต่อใหม่ #ไม่มีใครอ่านไม่เป็นไรขอระบายไว้ก่อน บายยย
เวลาหมดหวัง กำลังใจ ท้อแท้ เหนื่อยหน่าย ให้อะไรเป็นสิ่งที่พาก้าวผ่านสิ่งเหล่านั้นไปได้
เรามีเรื่องที่อยากระบายความรู้สึกตอนนี้มากๆเลย คือ เริ่มแรกเลยอาการที่เราเป็นตามหัวกระทู้นั้น เราเป็นช่วง ปวช.ปี3 จะเข้ามหาลัย คือฐานะทางบ้านเราไม่ค่อยมีเงินสักเท่าไหร่นัก มีพอใช้ไปวันๆ เราเองกำลังจะจบปวช.จะต้องใช้เงินเข้าเรียนต่อมหาลัย ทางบ้านก็ไม่มีเงินมากนัก เราท้อมากอยากเรียนต่อจึงคิดว่าตัวเองเป็นภาระให้กับครอบครัว จึงเคยคิดที่จะฆ่าตัวตายไม่อยากอยู่ให้เป็นภาระพ่อแม่ พ่อแม่จะได้มีเงินไม่ต้องคอยหาเงินมาส่งเสียเราเรียน แต่พ่อแม่ก็ไปกู้ยืมเพื่อนที่ทำงานมาให้เราได้เข้าสมัครเรียนต่อมหาลัย ตอนนั้นเราดีใจมากตื่นเต้นกับโลกของมหาลัย แต่ด้วยความที่ยังเป็นเด็กสนุกกับสิ่งใหม่ๆเลยไม่ได้คิดถึงสิ่งที่จะตามมา เราแอบโดดเรียนบ้าง แอบโกหกพ่อแม่ขอเงินไปทำรายงานบ้าง ไปนอนบ้านเพื่อน หนีเที่ยวบ้าง จนมาถึงมหาลัยปี4 ซึ่งเราต้องทำวิจัยจบ ด้วยความที่เราก็ไม่ตั้งใจเท่าไหร่เราเลยได้เรียนถึงปี5 ตามเก็บวิชาที่ดรอป ติดF และต้องทำวิจัยตามหลังเพื่อน ซึ่งตอนนั้นเราเองก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ทะเลาะกับเพื่อนร่วมกลุ่ม จนเกือบสิ้นหวัง ไม่อยากทำโปรเจคต่อแล้ว ในหัวก็ผุดขึ้นมาอีก ไม่อยากมีชีวิตอยู่เรียนมา5 ปีวิจัยก็ยังไม่เสร็จ อยากจะฆ่าตัวตาย กลัวพ่อแม่อายคนที่มีลูกเรียนไม่จบ แต่สุดท้ายเราก็กว่าจะผ่านมันไปได้ แต่ก้ไม่รู้ว่าผ่านมันไปได้ยังไง คงเป็นความตั้งใจ ฝืนใจ กัดฟันสู้ของเรามั้ง มันเลยผ่านไปได้ พอเรียนจบเราเองก็มาทำงานกับแฟนที่คบกันมาตั้งแต่ปวช.ปี3 ซึ่งปัญหาต่างๆที่เราเจอแทบจะไม่เคยบอกเขาเลย เพราะเราไม่อยากให้เขารับรู้ ก็แค่บางเรื่องที่บอกบ้าง ไม่บอกบ้าง แต่เราสองคนเป็นที่ชอบเที่ยวคล้ายๆกัน ชอบดื่มเหมือนกัน ก็เลยมีเพื่อน มีสังคมมากหน้าหลายตา เราชอบเที่ยวเขา ตั้งแค้มป์ เดินป่า มันรู้สึกว่าเคมีเราคล้ายๆกัน และเป็นการพักผ่อนที่ดี เอาล่ะ พอเราได้มาทำงานกับเขา ที่เป็นธุกิจของครอบครัวเขาเราเองก็เกร็งๆ เพราะตั้งแต่เรียนมาไม่เคยได้มาทำงานแบบนี้ ซึ่งเราเองก็มีทำงานในช่วงปิดเทอมบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่พอเอาเข้าจริงแล้วสายที่เราเรียนมาไม่ได้ตรงกับงานที่เราต้งมาทำ ไม่ใช่สิ่งที่ถนัดเลย แถมเงินเดือนน้อยซึ่งตอนนั้นเราเองก็ยอม เพื่อได้มีงานทำไปก่อนช่วงแรกๆมันก็ดีนะ ตอนหลังจากนั้นแหละแทบไม่มีความสุขกับการทำงานเลย โดนพี่ที่ทำงานพูดจาไม่ดี กระแทก-ดัน .... วันนี้พอแค่นี้ก็ดีกว่า ไว้มาต่อใหม่ #ไม่มีใครอ่านไม่เป็นไรขอระบายไว้ก่อน บายยย