การที่เราไม่เคยทำงานเงินเดือน รู้สึกชีวิตเรากับเพื่อนมันคนละโลกกันเลย

ผมไม่เชิงว่าไม่เคยทำงานนะ เคยทำอยู่2ปีแล้วพ่อตายก็เลยลาออก
แล้วเอามรดกมาทำบ้านให้คนเช่า ช่วงโควิดเต็มมั่งไม่เต็มมั่ง แต่น้อยสุดก็ได้หมื่นกว่าบาท มากสุดเต็มจำนวนห้องก็3หมื่น
ข้างล่างมีตู้กดน้ำ ตู้ซักผ้า3ตู้ ก็ไขทีก็ได้อีกหลายพัน
และ ช่วงหลังผมก็เปิดร้านขายน้ำชา กาแฟ กำไรนิดๆหน่อยๆวันละ 200-500
แต่ผมอะกินข้าววัน100บาทเอง555
ร้านผม ใครกินครบ10 แก้วผมให้ที่รองแก้วBNK1อัน ไม่แกะ ให้ไปลุ้นเอง
แต่ส่วนมากก็ไม่ค่อยมีใครเอา หรือเอาไปงั้นๆ555 (แต่ถ้าใครเปิดssr อย่าไปรองแก้วนะ เสียของ)
งานเสริมผมอีกอย่างคือ ขายของไอดอล รูป ssr รูปคอมพ์ เข็มกลัด บัตรจับมือ ที่รองแก้ว บัตร2shot
เวลามีเทรดโซนที หรืองานจับมือที ผมก็กำไรเป็นหมื่น เฉพาะบัตรจับมืออะ

ตอนนี้ผมก็40ยังแจ๋วแล้วล่ะ
คือ ทำงานกับบ้าน ตอนไม่มีลูกค้าก็นั่งเล่นเกม อ่านเมะ ดูไลฟ์ BNK CGM
และผมติดไอดอลมาก คือ ผมซื้อกล้องและเปิดเพจถ่ายรูปเม็ม ไม่ได้รายได้จากตรงนี้หรอก แค่อยากทำ
ถ้าไม่ไกลมาก พัทยา อยุธยา มหาชัย พระราม2 แฟชั่นไอส์แลนด์ อะไรแบบเนี้ยผมไปเสมอ
ผมเลยมี2เพจ เพจนึงโพสรูปไอดอล และ เฟสผมก็ชื่อผมเอง(ไว้คุยกับเพื่อนๆ)
แต่ผมก็วันๆโพสแต่รูปไอดอล ไปจับมือไอดอล ไปทูช็อตไอดอล เปย์เลือกตั้งไอดอล
หรือ โพสวันพีชตอนใหม่ๆ เมะใหม่ๆ ตามหนังและซีรีย์มาเวล ผมก็ไปดูครบทุกเรื่องอะ
ซีรีย์ก็ตาม เมื่อคืนเพิ่งดู Miss Marvel EP1 ไปเอง
ผมชีวิตพูดตรงๆ ตอนอายุ17-18ที่บ้าการ์ตูนยังไง ปัจจุบันก็แบบนั้นแหละ ที่เพิ่มเติมคือมีไอดอลเข้ามาในชีวิต
เคยมีแฟนเมื่อ10กว่าปีก่อน แต่ก็เลิกไป (เค้าเลิกเรา555) ก็ไม่คิดหาใหม่ เพราะคิดว่าชีวิตโสดแบบนี้สบายดี
แต่มันก็มีอารมณ์แบบนั้นใช่ม้ะคนอายุ40 ผมก็ซื้อกินเอา เดือนละครั้งสองครั้ง

สองสามอาทิตย์ก่อน
หลังงานจับมือใหญ่ ผมได้ไปงานเลี้ยงรุ่น
และ ผมรู้สึกว่าเพื่อนๆผมเปลี่ยนไป หลายคนวางมาดขึ้น มีคนนึงประโคมแต่งตัวของแพงๆ
ไอ้แท็กฮอยเออร์มิงอะยกจัง เอามือมาวางบนโต๊ะจัง กลัวคนไม่เห็นหรอ555
เกินครึ่งมีลูกมีเมียมีผัวแล้ว
แต่ ผมไปวันนั้นไปผมยังใส่เสื้อวันเกิดเม็มไปอยู่เลย กระเป๋าเป้สะพายไปก็ติดเข็มกลัดรูปสิตา5555
ในวงนั้นเค้าคุยกันแต่เรื่องงาน เจ้านาย ลูกน้อง การเมือง ชัชชาติ ประยุทธ บลาๆๆๆ ผมไม่สนใจ นี่พวกมิงคุยอะไรกันวะ
งาน เจ้านาย เงิน ลูก เมีย การเมือง วนๆไปอยู่อย่างเงี้ย
ผมคิดในใจ ไอ้Ha อยากมาเจอเพื่อน คุยเรื่องเก่าๆสมัยเรียน วีรกรรมตอนเด็กๆสนุกๆ นี่พวกเอ็งคุยอะไรกันเนี่ย
แล้วมีเพื่อนคนนึงมาแขวะผม ว่าเฮ้ย มิงอะ บิ๊กโอตะเลย มาแขวะผมว่า มิงชักwowครบทั้งวงรึยังวะ
ซึ่งเอาจริงๆผมไม่ชอบนะคำถามแบบนี้ แต่ก็ได้แค่ยิ้มเฝื่อนๆไป
ผมก็เลยบอกว่าผมเปย์เลือกตั้งไปปีนี้
หมดไป3หมื่นกว่า เพื่อนผมมันด่าผมว่า ไอ้สัส ทาสการตลาดนะมิงอะ
และ บางคนก็หัวเราะเยาะ บางคนก็บอกหาเมียจริงๆเหอะมิงอะ ออกมาจากโลกจินตนาการ บลาๆๆ
คือ มันไม่สนุกเลยรวมรุ่นแบบนี้ มาว่าความชอบของเพื่อนแบบนี้ มันใช้ได้ที่ไหน

และ กลับมาผมก็ดาวน์ เคยไม่เคยรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว แบบนานๆทีเจอสังคม
มันเหมือนสังคมเขากดดันเราให้เป็นเหมือนอย่างเขาอะ
และ ผมก็มาสังเกตว่าเพื่อนผมในเฟสมี300กว่าคน มีเพื่อนเก่าแค่5คน จากที่เคยแอดเพื่อนเก่าไว้30กว่าคน
ผมสังเกตว่าเค้าอันเฟรนด์ผมไปหมดเลย ผมคิดว่าเค้าคงรำคาญที่เราโพสแต่ไอดอล เกม การ์ตูนมั้ง
และ คนที่สนิทๆ ที่คุยกับผมตอนปัจจุบันตอนนี้ คือ เป็นเด็กหมดเลย เด็กโอตะที่เจอในเฟส เด็กโอตะที่เจอในงานไอดอล
อายุ15 19 20 หรือไม่ก็ตากล้องที่ตามถ่ายไอดอล

และ ผมแอบส่องเพื่อนเก่า
เออว่ะ เขาโพสแต่งาน รูปการประชุมกัน รูปลูก รูปเมีย บางคนก็บ่นเรื่องงาน
บางคนก็โพสการเมือง
ตอนแรกเกือบดาวน์แล้ว คิดว่าชีวิตเราไร้แก่นสารแบบที่เค้าว่าจริงๆเหรอ
แต่ก็มาคิดนะ แก่นสารคืออะไรวะ
คือ บอกว่าไม่มีงานก็ไม่ใช่ ก็มีอยู่ รายได้เราก็มีกินมีใช้
ช่วงโควิดที่เค้าแย่ๆกัน เราก็ยังอยู่สบายๆ
และ เราสามารถหาเงินจากสิ่งที่เราชอบด้วย
หรือ การตามถ่ายรูปไอดอล มันเป็นยังไง อายุ40แล้วไง
คือโควิดผมไม่ได้เจอน้องมาปีกว่า และรุ่น1ก็จะหมดสัญญาแล้ว
ถ้าผมไม่ไปหาทุกอาทิตย์ ปีหน้าอาจไม่มีโอกาสเจอน้องที่ผมชอบอีกก็เป็นได้
ไร้แก่นสาร ไร้สาระ มันคือมุมมองคนป่ะ
ที่บอกผมไม่มีสังคม ผมก็มีสังคมของผม สังคมโอตะ
สังคมคนเล่นเกมส์ สังคมคอสเพลย์
คือ ไม่รู้นะ ผมว่าผมก็โชคดีอย่างนึง
ที่สามารถหาเงินโดยไม่ต้องเข้าระบบการทำงานเงินเดือนได้
นี่เป้นสาเหตุนึงมั้งที่มัธยมผมเป็นยังไง วันนี้ผมก็ยังเป็นยังงั้น
ผมรู้สึกว่าผมไม่โดนสังคมจูงไปอะ ผมเป็นตัวของตัวเอง
คือ เพื่อนเก่า ตอนนี้ผมก็ช่างแม่มเหอะ มีน้องๆโอตะ ไลน์คุยกันทุกวัน
ถึงคนละรุ่น แต่ก็เป็นเพื่อนได้นี่หว่า ไม่เห็นเป็นไร
ก็ใช้ชีวิตแบบนี้มา15-16ปีแล้ว เออ มันก็อยู่ได้นี่หว่า
จะไปแคร์ทำไมจริงป่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
คุณก็อคติใช่ย่อย เค้าใส่ของแพงๆ ใส่ Tag Heuer มันก็เรื่องของเค้าเหมือนกันหรือเปล่าครับ
ความคิดเห็นที่ 21
ด้วยวัยที่ใกล้เคียงกับ จขกท. ขออนุญาตแชร์เรื่องราว และมุมมองในส่วนของผมบ้างครับ

ผมทำงานด้านกฎหมายมาประมาณ 15 ปี พอป่วยก็เลยลาออกมารับปรึกษาความทั่วไป ว่าความคดีคนรู้จัก ไม่ก็ไปลงทนายอาสาประจำศาล โชคดีหน่อยที่ผ่านมาเก็บเงินไว้พอสมควร ยังพออยู่กินไปเรื่อยๆ แต่ไม่หวือหวา

ส่วนที่ตามไอดอลก็เริ่มจาก Baby V.O.X. สมัยเรียน มาเป็น AKB48 พอมายุแกรดก็เลิกตาม มาตาม โนกิ เคยากิ (ซากุระ) พอไมยังกับเปจังแกรด ก็มาตาม CGM48 โดยเฉพาะซีเจม (เห็นน้องๆ เรียกกันแบบนี้) มาตามช่วงที่ตัวเองว่าง มีเวลาในชีวิตเยอะ แต่ก็แทบไม่ได้ไปแบบ จขกท. นะครับ ทุ่มเทแบบนั้นก็ไม่ไหว งานแรกผมคือ RS ที่แฟชั่นฯ นี่แหละ เพราะใกล้บ้าน ดังนั้นเดาว่าบ้านเราอยู่แถวเดียวกัน (ฮา)

ผม่วาสิ่งที่ จขกท. กำลังวิตก เพราะถ้าไม่คิดอะไรคงไม่มาโพสต์แบบนี้ การใช้ชีวิตแบบ จขกท.ไม่ผิดครับ ชีวิตใครใคร่ใช้อย่างไรก็ใช้ แต่สิ่งที่ต่างออกไป คือความมั่นคงทางชีวิต และความสมบูรณ์แบบของชีวิต ตามทัศนคติของสังคมโดยทั่วไป ซึ่ง gen x อย่างเราๆ ถูกคาดหวังว่าเรียนจบ ทำงาน แต่งงาน มีลูก เกษียณ และตายอย่างสงบ ส่วนสิ่งที่ชอบ ถูกจำกัดความไว้ว่า งานอดิเรก

ผมเข้าใจนะว่า จขกท. มีความมั่นคงทางชีวิตระดับหนึ่ง และพึงใจที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป ตราบเท่าที่ไม่มีเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในชีวิตอีกครั้ง ก็ดีครับ นั่นคือความสุขของท่าน ก็เก็บเกี่ยวไป ท่านก็มีสังคมในแบบของท่าน คนที่รักที่ชอบเหมือนกัน ซึ่งสังคมโอตะก็เป็นคอมมูนใหญ่

ตามธรรมชาติคนเราต้องการการยอมรับครับ ซึ่งเพื่อนของ จขกท. ใช้ชีวิตตามที่สังคมอยากให้เป็น มีสังคมคนทำงาน ขณะที่ จขกท.ก็จะมีสังคมโอตะ ที่ได้รับการยอมรับซึ่งกันและกันเหมือนกัน แต่ต้องยอมรับว่ามันไม่ใช่สังคมในรูปแบบที่คนรุ่นเรายอมรับกันได้ และแน่นอนว่ายิ่งพอ จขกท.อายุมากขึ้น ถ้าสังคมทำงาน เรายิ่งจะได้รับการยอมรับมากขึ้น โปรโมตตำแหน่ง เป็นผู้บริหาร บลา บลา บลา แต่ถ้าอยู่แบบนี้ อายุ 50 60 ไปถือป้ายไฟเชียร์ไอดอล จะยังเป็นที่ยอมรับอยู่หรือไม่ อันนี้ผมก็ไม่ทราบ แล้วกาลเวาที่ล่วงผ่านไป มันจะกลับมาในสังคมทำงานก็จะยากลำบากขึ้น

ย้ำอีกครั้ง ว่าการใช้ชีวิตของแต่ละท่าน มันไม่มีผิด มีถูก เราใช้ชีวิตของเราเอง รับผิดรับชอบด้วยตนเอง แต่มันเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกตัดสินจากคนรอบข้างนี่แหละ แม้เราไม่ใส่ใจ ก็รับรู้ได้อยู่ดี ถ้าจขกท. พอใจแบบนี้ ก็มีความสุขไปครับ เก็บเกี่ยวให้มากๆ อย่างไปคิดอะไรแบบที่ท่านทิ้งท้ายไว้น่ะถูกแล้ว แต่ขออนุญาตละลาบละล้วงหน่อยว่า ท่านก็อย่าลืมมองอนาคตนับจากนี้สัก 20-30 ปีด้วยล่ะท่าน ถึงตอนนั้น เราในวัย 60-70 จะอยู่อย่างไร ใช้ชีวิตอย่างไร เรื่องนี้ผมคุยกับหลายๆ ท่าน บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ตาย แต่คนเรามันไม่ตายง่ายๆ อย่างนั้นน่ะสิ
ความคิดเห็นที่ 23
คุณเป็น โอตะ ไม่ใช่เรื่องผิด

เพื่อนคุณเป็นคนทำงานออฟฟิต เหมือนคนสังคมทั่วไปก็ไม่ใช่เรื่องผิด

พวกคุณแยกทางกันมานานแล้ว แนวคิด การดำเนินชีวิตก็ไม่เหมือนกันมานานมากแล้ว

เลิกสนใจคนอื่นว่าเข้าใช้ชีวิตยังไง และพูดถึงเรายังไง

คนที่ทำตามสังคม มันก็เป็นความสุขของเขา เป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา

แค่ความสุขของคุณ ตัวตนของคุณไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ของสังคม มันไม่ได้เป็นเรื่องพิเศษอะไรกว่าคนอื่นหรอก

ผมเองก็เป็นโอตะเหมือนคุณ และเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนเพื่อนคุณแหละ
ความคิดเห็นที่ 12
การที่คุณดาวน์กับคำพูดหรือ react จากคนอื่น มันก็เป็นตัวตอบอยู่แล้วว่าจริงๆ คุณอยู่จุดไหน
จะบอกว่าก็มีความสุขอยู่แล้วหนิ เป็นความสุขจริงๆหรือปลอบใจตัวเอง อันนี้ตอบไม่ได้ เอาไปคิดเอาเอง
ความคิดเห็นที่ 3
ก็....นะ ได้คำตอบไปเองแล้วนี่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่