ต้องดีแค่ไหนแม่ถึงจะพอใจ?

จุดประสงค์ที่มาพิมพ์คืออยากระบายค่ะ เคยเขียนไดอารี่ระบายแล้วไม่ได้ช่วยให้อึดอัดน้อยลงเลย

แม่เป็นคนที่เราอยากเลี่ยงการเจอหน้าให้ได้มากที่สุดค่ะ เจอหน้ากันคือบ่นตลอด ถ้าไม่มีเรื่องให้บ่นก็จะหยิบยกเอาความผิดพลาดหรือเรื่องที่ไม่ดีของเรามาบ่นมาว่า ทุกครั้งจะบ่นว่าเราไม่เคยล้างจานเลย ไม่เคยหุงข้าวเลย ไม่เคยซักผ้าเองเลย ไม่เคยกวาดบ้านเลย ทั้งที่มันใช้คำว่าไม่เคยไม่ได้อ่ะค่ะ 
เพราะหนูทำมาเกือบทุกวัน การที่ถ้ามีวันๆนึงหนูไม่ทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา มันต้องตัดสินว่าหนูไม่เคยทำหรอคะ เหมือนอย่างวันนี้หลังจากกลับมาจากรร.เราก็มาทวงเงินค่ารรกับแม่(ตอนเช้าแม่บอกเงินอยู่ที่พ่อหมดซึ่งตอนนั้นพ่อออกไปทำงานแล้ว) พ่อบอกเราว่ามีมาม่าต้มไว้อยู่ มีขนมจีนด้วย หนูเลยคิดว่าคงวันนี้คงไม่ต้องหุงข้าวแล้ว เราก็เข้าห้องมาอ่านนิยายใช้เวลาส่วนตัว แต่หลังจากนั้นแม่ก็เข้ามาถึงในห้องเราบ่นดุด่าเราไม่หยุด จากเรื่องไม่ได้หุงข้าวแค่เรื่องเดียว ลามไปถึงเรื่องงานบ้านอื่นๆว่าไม่รู้จักทำ(ทั้งที่เราทำ)วันๆไม่ช่วยอะไรเลยกลับมาก็อยู่แต่ในห้อง พ่อแม่ทำงานมาเหนื่อยๆไม่คิดช่วยอะไรกันเลยเอาเปรียบคนอื่น เห็นแก่ตัว(แล้วหนูต้องช่วยยังไงอ่ะหนูก็มีหน้าที่เรียนหนังสือ หนูกับแม่อยู่คนละช่วงชีวิตกันนะคะ ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง หนูจำเป็นต้องเหนื่อยให้เหมือนแม่หรอคะถึงจะพอใจ) และคำพูดที่แม่ใช้เป็นคำพูดที่รุนแรงมาก(ขอไม่พิมพ์หมดนะคะ เพราะเราจำไม่ได้และไม่อยากจำ)เอาเราไปเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น บอกสภาพนี้จะเรียนต่ออะไรได้คงได้จบแค่ม.6 บอกว่าจะไม่ให้เงินไปรร ไม่ทำกับข้าวให้กินจะได้รู้สึก บอกว่าสังเกตมานานแล้วว่าเราหน้าด้านไม่สะทกสะท้านอะไรเลย (แม่ต้องการอะไรหรอคะ ต้องการเห็นเราร้องไห้หรือโมโหงี้หรอ) ส่วนนึงเพราะเป็นหน้านิ่งและพูดน้อยด้วยแหละ 
ถึงเราจะไม่แสดงสีหน้าอะไรแต่ใช่ว่าเราจะไม่รู้สึกนะคะ เขาไม่รู้หรอกว่าข้างในเราเจ็บแค่ไหน อยากร้องไห้แต่ก็ต้องกลั้นไว้เพราะไม่ชอบร้องไห้ต่อหน้าใคร
พอเห็นว่าเราไม่พูดอะไรก็ได้ใจบ่นด่าไม่หยุด ไม่ใช่ไม่อยากพูดหรอกนะคะ แต่เคยพูดแล้วยื่งเป็นเรื่องใหญ่บอกว่าเราเถียง ยิ่งพูดกลับเขายิ่งอารมณ์เสียจนเราเกือบโดนตบแล้วด้วยซ้ำ เพราะแบบนั้นเลยทำได้แค่ฟังค่ะ มีอีกหลายอย่างเลยที่แม่พูดแล้วกระทบจิตใจเรา แต่เราไม่อยากนึกถึงคำพูดพวกนั้นแล้วค่ะ
หลายๆครั้งที่อารมณ์หนูดิ่งลง แล้วถามตัวเองว่าถ้าเราตายพวกเขาจะสบายขึ้นมั้ย ไม่ต้องมาเสียเงินส่งเรียนให้คนที่เป็นภาระให้เขา ทุกวันนี้ที่ยังไม่คิดลงมือทำเพราะนิยายและเพื่อนค่ะ ความสุขของหนูคือไปรรได้เจอกับเพื่อนได้คุยกันเป็นเวลาที่ทำให้ลืมสิ่งที่บั่นทอนจิตใจเราได้ เวลาอยู่คนเดียวนิยายก็เป็นสิ่งที่ทำให้หนูลืมโลกภายนอก คิดว่าถ้าตายไปหนูก็ไม่ได้อ่านสิ่งเหล่านี้แล้วอ่ะดิ ไม่ต้องถามถึงครอบครัวนะคะว่าแล้วไม่นึกถึงใจคนในครอบครัวหรอ ไม่ค่ะไม่นึกหรอกเพราะเขาก็ไม่ได้นึกถึงใจหนูเหมือนกัน สำหรับหนูเขาแค่เห็นหนูเป็นที่ระบายอารมณ์จากเรื่องต่างๆแล้วเอาคำว่าหวังดีต่อลูกมาอ้างมากกว่า ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซนสำหรับทุกคนหรอกนะคะ

ที่พิมพ์มาทั้งหมดแค่อยากระบายและพูดถึงในมุมมองของตัวหนูเฉยๆนะคะ มุมมองของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
ขอบคุณคนที่อ่านจนจบด้วยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่