วันนี้ มากิส ประเทศไทย ขอแบ่งปันเรื่องราวแห่งความภาคภูมิใจ ในช่วง Pride Month
"ฉันคือคริสตชนคาทอลิก และสตรีข้ามเพศ"
ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อน ฉันไปเยี่ยมแม่ของเพื่อนที่คบกันมาตลอดชีวิต ขณะอยู่ที่นั่น ฉันได้พูดคุยกับสมาชิกในครอบครัวของเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งทำงานบริการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม เธอบอกฉันว่า เด็กบางคนที่เธอทำงานด้วยเป็นคนข้ามเพศ สิ่งนี้นำไปสู่การถามคำถามเกี่ยวกับชีวิต และอัตลักษณ์ทางเพศของฉัน เป็นการสนทนาที่ฉันหวังว่าจะช่วยให้เธอเข้าใจมากขึ้นในเส้นทางของแต่ละบุคคล และเส้นทางที่ไม่เหมือนใครที่เราทุกคนเดินโดยไม่คำนึงถึงเพศกำเนิด หรือเพศสภาพ
ประมาณแปดปีที่แล้ว หลังจาก 29 ปีของการแต่งงาน และการเติบโตที่งดงามของลูกทั้งสอง ฉันใช้ความกล้าหาญในการสารภาพบาป และพูดคุยในเรื่องนี้
ตราบเท่าที่ฉันจำได้ ตั้งแต่อายุประมาณสาม หรือสี่ขวบ ฉันก็รู้ว่าตัวเองแตกต่าง ตอนเป็นเด็ก เป็นเวลาหลายปีที่ฉันจะเข้านอน ฉันอธิษฐานว่า ขอให้ข้าพเจ้าตื่นขึ้นเป็นเด็กผู้หญิง นี่เป็นเรื่องราวที่สะท้อนโดยคนข้ามเพศหลายคน
ฉันเป็นคริสตชนคาทอลิกมาตลอดชีวิต ในการเปลี่ยนแปลงของฉัน ในที่สุดก็ถึงเวลาต้องพูดคุยกับบาทหลวง ระหว่างการเข้ารับศีลอภัยบาป ฉันทราบถึสิ่งที่พระศาสนจักรของเราสอนเกี่ยวกับให้เคารพการเป็นเกย์ อย่างไรก็ตาม ณ จุดนั้น พระศาสนจักรยังคงนิ่งเงียบเกี่ยวกับบุคคลข้ามเพศ
ศรัทธาของฉันแข็งแกร่งเสมอ ฉันจะไม่อ้างว่าเป็น "คาทอลิกที่สมบูรณ์แบบ" ฉันทำผิดพลาด บางครั้ง (แต่ไม่บ่อย) ฉันพลาดพิธีมิสซาในวันอาทิตย์ และรู้ดีว่าฉันเคยพูดคำหยาบเป็นระยะๆ (โดยเฉพาะระหว่างเกมฟุตบอลในฟิลาเดลเฟียอีเกิลส์) ฉันพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อเป็นคนดี พยายามใช้ชีวิตในแต่ละวันให้เป็นเหมือนวันสุดท้ายของฉัน
ฉันยังคงมั่นใจมากในความสัมพันธ์ของฉัน กับพระเจ้า ฉันรู้ว่าฉันจะเป็นคน ๆ เดียวกับที่เดินออกมาจากกตู้สารภาพบาป และฉันกำลังเดินเข้าไป ไม่ว่าใครจะพูดหรืออ้างอะไรเกี่ยวกับฉันก็ตาม ขณะที่ “ภายนอก” ของฉันกำลังเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งทุกอย่าง หัวใจ ความคิด จิตวิญญาณ และศรัทธาของฉันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อฉันบอกผู้ช่วยพ่อเจ้าวัดว่า ฉันเป็นคนข้ามเพศ การสนทนาก็เปลี่ยนกลับไปเป็นเรื่องเพศสัมพันธ์ทันที ฉันพูดว่า “ขอโทษนะพ่อ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์เลย สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับตัวฉันเอง คุณสามารถโยนฉันออกไปถ้าคุณต้องการ แต่ถ้าคุณทำ ฉันจะกลับมาทันที นี่คือพระศาสนจักรของฉันด้วย” พ่อบอกว่า “ไม่ ไม่ เราจะไม่ทำอย่างนั้น” หลังจากสนทนากันอีกเล็กน้อย คุณพ่อพูดว่า “มาสวดอ้อนวอนถึงพระมารดาของเราเพื่อช่วยนำทางท่านในการเดินทางด้วยกัน” ฉันกำลังร้องไห้ขณะออกจากตู้สารภาพบาป
ประมาณหนึ่งเดือนต่อมา ฉันกลับมาสารภาพบาปอีกครั้ง คราวนี้ สิ่งที่มงซินญอร์พูดคำแรกคือ “พระเจ้ารักทุกคน” ฉันร้องไห้อีกครั้ง มงซินญอร์กล่าวว่าแม้เขาจะเข้าใจว่าเป็นเกย์ “เรื่องเพศค่อนข้างใหม่ ฉันต้องการให้คุณช่วยฉันเรียนรู้”
ฉันได้รับพระพร ขณะที่ฉันได้รับการปฎิบัติที่ดีจากบาทหลวงหลายๆ ท่าน ฉันรู้จักท่านอื่นๆ ที่เคยปฏิบัติสิ่งที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง : พวกเขาบอกว่าพวกเขาเป็นคนบาป เป็นปีศาจ หรือว่าพวกเขาไม่ใช่คาทอลิก เพื่อนสนิทคนหนึ่งของฉันถูกหามออกจากวัดด้วยซ้ำ หลังจากถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วม
ก่อนที่ไวรัสโควิด-19 จะหยุดทุกสิ่ง ฉันได้รับประทานอาหารกลางวันกับบาทหลวงท้องถิ่นท่ซึ่งทำพิธีศีลล้างบาปให้หลานชายของฉัน เขาต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม หนึ่งในคำถามแรกที่เขาถามคือ เมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันเคยถูกทารุณกรรมทางร่างกาย หรือทางเพศหรือไม่ เพราะเขาเข้าใจว่าผู้คนกลายเป็นคนข้ามเพศอันเป็นผลมาจากการล่วงละเมิดทางเพศ แต่ฉันไม่เคยถูกทำร้าย
ประมาณหนึ่งปีหลังจากการเปลี่ยนแปลงของฉัน มงซินญอร์ของเราถามว่า "เธอสนใจที่จะผู้ช่วยส่งศีลมหาสนิทหรือไม่" หลังจากนั้นไม่นาน เราก็ได้เริ่มทำกิจการเพื่อ LGBTQIAN+ ในเขตวัดของเราด้วย
โดยผ่านกิจการนี้ ข้าพเจ้าได้ทราบถึงกิจการอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันทั่วนิวเจอร์ซีย์ เพนซิลเวเนีย และนิวยอร์ก ไวรัสโควิด-19 ทำให้โลกรู้จัก Zoom และเทคโนโลยีนี้ทำให้ผู้คนมากมายทั่วประเทศ และทั่วโลกได้รู้จัก และแบ่งปันเรื่องราว ฉันได้พบกับพี่น้องคาทอลิกที่น่ารัก ใจดี และยอดเยี่ยมมากมายที่มี "ความผิด" เพียงอย่างเดียวคือพวกเขาเป็น LGBTQIAN+
ประมาณสี่ปีที่แล้ว ฉันได้รับเชิญ (พร้อมกับพี่น้องคริสตชนคาทอลิกที่เป็นเกย์ และเลสเบี้ยน 17 คน พร้อมกับนักบวชที่สนับสนุน และผู้ปกครอง) ไปรับประทานอาหารค่ำกับพระคาร์ดินัลโจเซฟ โทบิน ที่บ้านพักของเขาในนิวอาร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ ช่างเป็นช่วงค่ำที่สวยงาม และน่าทึ่ง ฉันได้รับพระพร
ฉันมักจะสงสัยว่า อะไรที่เกี่ยวกับฉันที่พระศาสนจักรของฉันกลัว และแยกพวกเราออกไป? เหตุใดฉัน และชุมชนคนข้ามเพศถูกกำหนดให้เป็น "ผู้พยายามทำลายครอบครัว และโลก" ตามที่บางคนกำหนด ไม่มีสิ่งไหนเป็นความจริงเลย
ฉันเข้าใจข้อความเชื่อของเราว่า “พระองค์ทรงสร้างให้เป็นชาย และหญิง” (ปฐมกาล 1:27) แต่พระองค์ทรงสร้างมากกว่านั้นอีกมาก และทุกสิ่งในระหว่างนั้น โลกของเรา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี แม้แต่พระศาสนจักรของเรา ก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันยืนยันว่าบางสิ่งบางอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในตั้งครรภ์ ระหว่างร่างกาย และจิตใจ ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนระหว่างสิ่งสองสิ่ง ฉันพูดถึงวิทยาศาสตร์ไม่บ่อย ฉันเพิ่งรู้ว่า "ฉันเป็น" ว่าพระเจ้าทำให้ฉันเป็นแบบนี้ และพระองค์ทำให้ฉันเป็นแบบนี้อย่างมีเหตุผล
ฉันไม่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าโดยคิดว่าจะเป็นคนข้ามเพศ ชีวิตของพวกเราก็ไม่ต่างจากคนอื่นเราอยู่ เราทำงาน เราอธิษฐาน เรามีครอบครัว
เราขอเพียงให้ได้รับการยอมรับ และเป็นส่วนหนึ่งกับพระศาสนจักรของเรา ไม่ได้ดีห รือแย่ไปกว่าคริตชนคาทอลิกที่หย่าร้าง หรือคริสตชนคาทอลิกที่ไม่อาจปฏิบัติตามคำสอนพระศาสนจักรที่เคร่งครัด ซึ่งพวกเขาไม่ถูกประณามเฉกเช่นคนข้ามเพศ
พระสันตะปาปาฟรังซิสซิสได้พูดถึงเลสเบี้ยน และเกย์ว่า พวกเขาไม่มีทางเลือกในเรื่องนี้ว่า “พวกเขาเป็นตัวของตัวเองได้” ฉันภาวนาให้สักวันหนึ่งพระสันตะปาปาฟรานซิสจะเข้าใจ และสามารถพูดในสิ่งเดียวกับบุคคลข้ามเพศพูดได้
เราไม่ใช่อุดมการณ์ เราไม่ใช่ภัยคุกคาม เราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ทรงสร้างมนุษย์ตามภาพลักษณ์ของพระองค์ ปละพระองค์ที่ไม่ใช่ทั้งชาย และหญิง
Christine Zuba
สัตบุรุษ,ผู้ช่วยส่งศีลมหาสนิท Saints Peter & Paul Parish
ผู้นำกิจการสตรีข้ามเพศแห่ง Fortunate Families ประเทศสหรัฐอเมริกา
มากิส ประเทศไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งสนับสนุนสร้างสังคมเสมอภาคทางเพศ ไม่ว่าเพศใด เราสามารถภาคภูมิใจได้ในอัตลักษณ์ทางเพศของตน และทุกคนคือลูกที่รักของพระเจ้า
ที่มา :
https://outreach.faith/.../i-am-a-transgender-catholic.../
*Fortunate Families คือ กิจการเพื่อสนับสนุนชุมชนคริสตชน LGBTQIAN+ โดยดำเนินกิจการให้คำปรึกษา แลกเปลี่ยนพูดคุย โดยเครือข่ายพี่น้องคริสตชน นักบวช บาทหลวง ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา
#PrideMonth2022
CR. :
https://www.facebook.com/MagisThailand/photos/a.1219196054799525/5536435799742174
🏳️⚧️🏳️🌈🇻🇦 "ฉันคือคริสตชนคาทอลิก และสตรีข้ามเพศ" 🇻🇦🏳️🌈🏳️⚧️
"ฉันคือคริสตชนคาทอลิก และสตรีข้ามเพศ"
ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อน ฉันไปเยี่ยมแม่ของเพื่อนที่คบกันมาตลอดชีวิต ขณะอยู่ที่นั่น ฉันได้พูดคุยกับสมาชิกในครอบครัวของเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งทำงานบริการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม เธอบอกฉันว่า เด็กบางคนที่เธอทำงานด้วยเป็นคนข้ามเพศ สิ่งนี้นำไปสู่การถามคำถามเกี่ยวกับชีวิต และอัตลักษณ์ทางเพศของฉัน เป็นการสนทนาที่ฉันหวังว่าจะช่วยให้เธอเข้าใจมากขึ้นในเส้นทางของแต่ละบุคคล และเส้นทางที่ไม่เหมือนใครที่เราทุกคนเดินโดยไม่คำนึงถึงเพศกำเนิด หรือเพศสภาพ
ประมาณแปดปีที่แล้ว หลังจาก 29 ปีของการแต่งงาน และการเติบโตที่งดงามของลูกทั้งสอง ฉันใช้ความกล้าหาญในการสารภาพบาป และพูดคุยในเรื่องนี้
ตราบเท่าที่ฉันจำได้ ตั้งแต่อายุประมาณสาม หรือสี่ขวบ ฉันก็รู้ว่าตัวเองแตกต่าง ตอนเป็นเด็ก เป็นเวลาหลายปีที่ฉันจะเข้านอน ฉันอธิษฐานว่า ขอให้ข้าพเจ้าตื่นขึ้นเป็นเด็กผู้หญิง นี่เป็นเรื่องราวที่สะท้อนโดยคนข้ามเพศหลายคน
ฉันเป็นคริสตชนคาทอลิกมาตลอดชีวิต ในการเปลี่ยนแปลงของฉัน ในที่สุดก็ถึงเวลาต้องพูดคุยกับบาทหลวง ระหว่างการเข้ารับศีลอภัยบาป ฉันทราบถึสิ่งที่พระศาสนจักรของเราสอนเกี่ยวกับให้เคารพการเป็นเกย์ อย่างไรก็ตาม ณ จุดนั้น พระศาสนจักรยังคงนิ่งเงียบเกี่ยวกับบุคคลข้ามเพศ
ศรัทธาของฉันแข็งแกร่งเสมอ ฉันจะไม่อ้างว่าเป็น "คาทอลิกที่สมบูรณ์แบบ" ฉันทำผิดพลาด บางครั้ง (แต่ไม่บ่อย) ฉันพลาดพิธีมิสซาในวันอาทิตย์ และรู้ดีว่าฉันเคยพูดคำหยาบเป็นระยะๆ (โดยเฉพาะระหว่างเกมฟุตบอลในฟิลาเดลเฟียอีเกิลส์) ฉันพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อเป็นคนดี พยายามใช้ชีวิตในแต่ละวันให้เป็นเหมือนวันสุดท้ายของฉัน
ฉันยังคงมั่นใจมากในความสัมพันธ์ของฉัน กับพระเจ้า ฉันรู้ว่าฉันจะเป็นคน ๆ เดียวกับที่เดินออกมาจากกตู้สารภาพบาป และฉันกำลังเดินเข้าไป ไม่ว่าใครจะพูดหรืออ้างอะไรเกี่ยวกับฉันก็ตาม ขณะที่ “ภายนอก” ของฉันกำลังเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งทุกอย่าง หัวใจ ความคิด จิตวิญญาณ และศรัทธาของฉันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อฉันบอกผู้ช่วยพ่อเจ้าวัดว่า ฉันเป็นคนข้ามเพศ การสนทนาก็เปลี่ยนกลับไปเป็นเรื่องเพศสัมพันธ์ทันที ฉันพูดว่า “ขอโทษนะพ่อ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์เลย สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับตัวฉันเอง คุณสามารถโยนฉันออกไปถ้าคุณต้องการ แต่ถ้าคุณทำ ฉันจะกลับมาทันที นี่คือพระศาสนจักรของฉันด้วย” พ่อบอกว่า “ไม่ ไม่ เราจะไม่ทำอย่างนั้น” หลังจากสนทนากันอีกเล็กน้อย คุณพ่อพูดว่า “มาสวดอ้อนวอนถึงพระมารดาของเราเพื่อช่วยนำทางท่านในการเดินทางด้วยกัน” ฉันกำลังร้องไห้ขณะออกจากตู้สารภาพบาป
ประมาณหนึ่งเดือนต่อมา ฉันกลับมาสารภาพบาปอีกครั้ง คราวนี้ สิ่งที่มงซินญอร์พูดคำแรกคือ “พระเจ้ารักทุกคน” ฉันร้องไห้อีกครั้ง มงซินญอร์กล่าวว่าแม้เขาจะเข้าใจว่าเป็นเกย์ “เรื่องเพศค่อนข้างใหม่ ฉันต้องการให้คุณช่วยฉันเรียนรู้”
ฉันได้รับพระพร ขณะที่ฉันได้รับการปฎิบัติที่ดีจากบาทหลวงหลายๆ ท่าน ฉันรู้จักท่านอื่นๆ ที่เคยปฏิบัติสิ่งที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง : พวกเขาบอกว่าพวกเขาเป็นคนบาป เป็นปีศาจ หรือว่าพวกเขาไม่ใช่คาทอลิก เพื่อนสนิทคนหนึ่งของฉันถูกหามออกจากวัดด้วยซ้ำ หลังจากถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วม
ก่อนที่ไวรัสโควิด-19 จะหยุดทุกสิ่ง ฉันได้รับประทานอาหารกลางวันกับบาทหลวงท้องถิ่นท่ซึ่งทำพิธีศีลล้างบาปให้หลานชายของฉัน เขาต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม หนึ่งในคำถามแรกที่เขาถามคือ เมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันเคยถูกทารุณกรรมทางร่างกาย หรือทางเพศหรือไม่ เพราะเขาเข้าใจว่าผู้คนกลายเป็นคนข้ามเพศอันเป็นผลมาจากการล่วงละเมิดทางเพศ แต่ฉันไม่เคยถูกทำร้าย
ประมาณหนึ่งปีหลังจากการเปลี่ยนแปลงของฉัน มงซินญอร์ของเราถามว่า "เธอสนใจที่จะผู้ช่วยส่งศีลมหาสนิทหรือไม่" หลังจากนั้นไม่นาน เราก็ได้เริ่มทำกิจการเพื่อ LGBTQIAN+ ในเขตวัดของเราด้วย
โดยผ่านกิจการนี้ ข้าพเจ้าได้ทราบถึงกิจการอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันทั่วนิวเจอร์ซีย์ เพนซิลเวเนีย และนิวยอร์ก ไวรัสโควิด-19 ทำให้โลกรู้จัก Zoom และเทคโนโลยีนี้ทำให้ผู้คนมากมายทั่วประเทศ และทั่วโลกได้รู้จัก และแบ่งปันเรื่องราว ฉันได้พบกับพี่น้องคาทอลิกที่น่ารัก ใจดี และยอดเยี่ยมมากมายที่มี "ความผิด" เพียงอย่างเดียวคือพวกเขาเป็น LGBTQIAN+
ประมาณสี่ปีที่แล้ว ฉันได้รับเชิญ (พร้อมกับพี่น้องคริสตชนคาทอลิกที่เป็นเกย์ และเลสเบี้ยน 17 คน พร้อมกับนักบวชที่สนับสนุน และผู้ปกครอง) ไปรับประทานอาหารค่ำกับพระคาร์ดินัลโจเซฟ โทบิน ที่บ้านพักของเขาในนิวอาร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ ช่างเป็นช่วงค่ำที่สวยงาม และน่าทึ่ง ฉันได้รับพระพร
ฉันมักจะสงสัยว่า อะไรที่เกี่ยวกับฉันที่พระศาสนจักรของฉันกลัว และแยกพวกเราออกไป? เหตุใดฉัน และชุมชนคนข้ามเพศถูกกำหนดให้เป็น "ผู้พยายามทำลายครอบครัว และโลก" ตามที่บางคนกำหนด ไม่มีสิ่งไหนเป็นความจริงเลย
ฉันเข้าใจข้อความเชื่อของเราว่า “พระองค์ทรงสร้างให้เป็นชาย และหญิง” (ปฐมกาล 1:27) แต่พระองค์ทรงสร้างมากกว่านั้นอีกมาก และทุกสิ่งในระหว่างนั้น โลกของเรา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี แม้แต่พระศาสนจักรของเรา ก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันยืนยันว่าบางสิ่งบางอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในตั้งครรภ์ ระหว่างร่างกาย และจิตใจ ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนระหว่างสิ่งสองสิ่ง ฉันพูดถึงวิทยาศาสตร์ไม่บ่อย ฉันเพิ่งรู้ว่า "ฉันเป็น" ว่าพระเจ้าทำให้ฉันเป็นแบบนี้ และพระองค์ทำให้ฉันเป็นแบบนี้อย่างมีเหตุผล
ฉันไม่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าโดยคิดว่าจะเป็นคนข้ามเพศ ชีวิตของพวกเราก็ไม่ต่างจากคนอื่นเราอยู่ เราทำงาน เราอธิษฐาน เรามีครอบครัว
เราขอเพียงให้ได้รับการยอมรับ และเป็นส่วนหนึ่งกับพระศาสนจักรของเรา ไม่ได้ดีห รือแย่ไปกว่าคริตชนคาทอลิกที่หย่าร้าง หรือคริสตชนคาทอลิกที่ไม่อาจปฏิบัติตามคำสอนพระศาสนจักรที่เคร่งครัด ซึ่งพวกเขาไม่ถูกประณามเฉกเช่นคนข้ามเพศ
พระสันตะปาปาฟรังซิสซิสได้พูดถึงเลสเบี้ยน และเกย์ว่า พวกเขาไม่มีทางเลือกในเรื่องนี้ว่า “พวกเขาเป็นตัวของตัวเองได้” ฉันภาวนาให้สักวันหนึ่งพระสันตะปาปาฟรานซิสจะเข้าใจ และสามารถพูดในสิ่งเดียวกับบุคคลข้ามเพศพูดได้
เราไม่ใช่อุดมการณ์ เราไม่ใช่ภัยคุกคาม เราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ทรงสร้างมนุษย์ตามภาพลักษณ์ของพระองค์ ปละพระองค์ที่ไม่ใช่ทั้งชาย และหญิง
Christine Zuba
สัตบุรุษ,ผู้ช่วยส่งศีลมหาสนิท Saints Peter & Paul Parish
ผู้นำกิจการสตรีข้ามเพศแห่ง Fortunate Families ประเทศสหรัฐอเมริกา
มากิส ประเทศไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งสนับสนุนสร้างสังคมเสมอภาคทางเพศ ไม่ว่าเพศใด เราสามารถภาคภูมิใจได้ในอัตลักษณ์ทางเพศของตน และทุกคนคือลูกที่รักของพระเจ้า
ที่มา :
https://outreach.faith/.../i-am-a-transgender-catholic.../
*Fortunate Families คือ กิจการเพื่อสนับสนุนชุมชนคริสตชน LGBTQIAN+ โดยดำเนินกิจการให้คำปรึกษา แลกเปลี่ยนพูดคุย โดยเครือข่ายพี่น้องคริสตชน นักบวช บาทหลวง ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา
#PrideMonth2022
CR. : https://www.facebook.com/MagisThailand/photos/a.1219196054799525/5536435799742174