เงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 13 ปี แต่รายจ่ายผมกลับต่ำสุดในรอบ 13 ปี

กระทู้สนทนา
ผมรู้สึกได้ว่า....

ข้อดีของการเสพติดอบายมุข

คือ พอเราเลิกมันได้ก็ไม่มีอะไรในโลกทำให้เรามีความสุขได้เหมือนเดิมอีก

เพราะรู้ตัวว่าเสียเงินกับอย่างอื่นก็ไม่มีความสุขเท่าอบายมุข...

ก็เลยเลือกที่จะไม่เสียเงินดีกว่า.

อยู่กับตัวเอง สบายๆ เบื่อๆ ก็นั่งดูมือถือบ้างฟังเพลงบ้าง ฟรี 

สมัยก่อนอยากกินอะไรกด Grab มื้อละสามร้อยกว่าบาท

เดี๋ยวนี้เดินไป Foodcourt เทอร์มินอล 21

กับข้าว 2 อย่าง 34 บาท ซื้อกับข้าว 2 อย่างฝากที่บ้านอีก 60 บาท 

บางทีเดินในกทม.ก็มีความสุขดี

ได้เห็นคนจากทั่วโลกมาที่ยวบ้านเราแต่เราได้เดินเที่ยวฟรีๆ ไม่ต้องเสียค่าตั๋วเครื่องบิน

เรื่องบินไปเที่ยวต่างประเทศก็ตัดออกไป

ไปร้านนวดบ้าง เพราะมีเด็กเป็นเพื่อนคุย คุยกันสารทุกข์สุขดิบ เสียแค่ค่าห้องค่าตัวไม่ต้องเสีย แก้เหงาวันธรรมดา

เพื่อน มีไว้เจอกินข้าวนอกบ้านสัปดาห์ละมื้อสองมื้อ ไม่ดื่มไม่สังสรรค์

หุ้น มีเอาไว้กินปันผล บางตัวเป็นหุ้นท่องเที่ยวก็รอฟื้นแล้วก็กินปันผล

คริปโต มีไว้เล่นเวลาอยากเข้าบ่อนซักแสนสองแสน ได้เสียหลักพัน พอแก้กระสัย

บอล แทงบ้างเฉพาะคู่ที่ดูได้ คู่ละสามสี่พัน โอกาสได้เสียมีเท่ากัน จึงเป็นกิจกรรมที่ไม่เปลืองตังค์อะไรมาก ( ยังมีกล่องทรูไว้ดูบาสกับอเมริกันฟุตบอล เพราะแข่งเวลาเช้าว่างๆ )

รถ ไม่ได้ขับอะไรบ่อยๆ ใช้ไฟฟ้าชาร์ตเสริม น้ำมันแพงไม่ค่อยกระทบ ส่วนใหญ่เดินเอาได้ออกกำลังกาย

ความสุขที่สุดของชีวิต คือ การมีความสัมพันธิ์ที่ดีกับคนรอบข้าง เพื่อน และครอบครัว

มัน คือ ความสุขที่แม้จะไม่สนุกมาก แต่ยั่งยืน

เพราะมันจะอยู่ในความทรงจำเราตลอดไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่