คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
คำว่า "ยอมรับ" ควรระบุให้ชัดนะครับว่าหมายถึงด้านไหน เรื่องอะไรจะได้คุยกันถูก ผมเองก็เป็นเพศที่ 3 แต่ไม่เข้าใจคำว่ายอมรับที่คุณยกมานั้นหมายถึงประเด็นไหน เพราะมันมีหลายประเด็นที่เป็นปัญหา ซึ่งบางเรื่องผมก็เห็นด้วยและบางเรื่องก็ไม่เห็นด้วย...
สิ่งที่ผมเห็นด้วยโดยไม่มีข้อแม้เลยคือการได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐ โดยที่ต้องไม่ใช้เพศวิถีหรือเพศสภาพเป็นตัวกำหนดสิทธิของบุคคล และไม่ใช่เรื่องที่จะต้องได้รับการยอมรับหรือเห็นชอบจากคนในสังคมด้วยซ้ำครับเพราะไม่ได้กระทบสิทธิฯ ของใคร สิ่งที่เพศที่ 3 เรียกร้องคือสิทธิขั้นพื้นฐานบางเรื่องที่ตัวเองไม่ได้รับเพียงเพราะเพศวิถีหรือเพศสภาพที่แตกต่างจากเพศกำเนิด ซึ่งส่งผลต่อสวัสดิภาพในชีวิตและทรัพย์สิน สิทธิขั้นพื้นฐานมันคนละเรื่องกับการยอมรับจากปัจเจกบุคคล ใครจะชอบหรือไม่ชอบ จะยอมรับหรือไม่ยอมรับมันคือสิทธิส่วนบุคคลซึ่งก็คือสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างหนึ่งที่กระทำได้ มันไม่ควรจะเป็นปัญหาใหญ่อะไรเลยและมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับยอมรับหรือไม่ยอมรับตัวเองเลยด้วยซ้ำครับ...
ยกมาจากประโยคนี้ที่เหมือนว่าคุณพยายามจะสื่อว่าเป็นปัญหา "ผมหมายถึงว่า เราไม่สามารถแยกแยะ LGBT+ เหล่านั้นได้ด้วยตา
เช่น หากฝ่ายหญิงเป็นนอน-ไบนารี แล้วเราเป็นผู้ชายปกติ รู้สึกชอบตั้งแต่แรกเห็น เดินเข้าไปทัก เข้าไปคุย พูดคำว่า หนู เธอ แล้วเธอก็สวนกลับมาว่า เราไม่ใช่ผู้หญิง แบบนี้ครับ" ผมขอถามคุณว่า หลังจากที่คุณรู้แล้ว คุณจะปฏิบัติกับเขายังไง? ประเด็นน่าจะอยู่ต่อจากนี้ต่างหากครับ ในมุมมองของผมสิ่งที่เป็นปัญหาของคุณมันไม่ได้ต่างจากเวลาที่ผมทักคนผิด ขึ้นรถเมล์ผิดสาย หรือไปสารภาพรักแล้วโดนปฏิเสธเลยครับ ทำไมมันถึงกลายเป็นประเด็นปัญหาได้...
ขอฝากคลิปนี้ทิ้งท้ายด้วยครับ ทุกวันนี้คนมัวแต่ไปโฟกัสที่เรื่องหยุมหยิมแทนที่จะเป็นแก่นของปัญหา ทำไมต้องใช้เพศเป็นเงื่อนไขในร้องขอ/ให้การเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกันด้วย มองข้ามเรื่องเพศ (และชนชั้น) ให้ได้ถึงจะมองคนให้เป็นคนเท่ากันได้ครับ...
ตั้งแต่นาทีที่ 2:23 - 4:32
สิ่งที่ผมเห็นด้วยโดยไม่มีข้อแม้เลยคือการได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐ โดยที่ต้องไม่ใช้เพศวิถีหรือเพศสภาพเป็นตัวกำหนดสิทธิของบุคคล และไม่ใช่เรื่องที่จะต้องได้รับการยอมรับหรือเห็นชอบจากคนในสังคมด้วยซ้ำครับเพราะไม่ได้กระทบสิทธิฯ ของใคร สิ่งที่เพศที่ 3 เรียกร้องคือสิทธิขั้นพื้นฐานบางเรื่องที่ตัวเองไม่ได้รับเพียงเพราะเพศวิถีหรือเพศสภาพที่แตกต่างจากเพศกำเนิด ซึ่งส่งผลต่อสวัสดิภาพในชีวิตและทรัพย์สิน สิทธิขั้นพื้นฐานมันคนละเรื่องกับการยอมรับจากปัจเจกบุคคล ใครจะชอบหรือไม่ชอบ จะยอมรับหรือไม่ยอมรับมันคือสิทธิส่วนบุคคลซึ่งก็คือสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างหนึ่งที่กระทำได้ มันไม่ควรจะเป็นปัญหาใหญ่อะไรเลยและมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับยอมรับหรือไม่ยอมรับตัวเองเลยด้วยซ้ำครับ...
ยกมาจากประโยคนี้ที่เหมือนว่าคุณพยายามจะสื่อว่าเป็นปัญหา "ผมหมายถึงว่า เราไม่สามารถแยกแยะ LGBT+ เหล่านั้นได้ด้วยตา
เช่น หากฝ่ายหญิงเป็นนอน-ไบนารี แล้วเราเป็นผู้ชายปกติ รู้สึกชอบตั้งแต่แรกเห็น เดินเข้าไปทัก เข้าไปคุย พูดคำว่า หนู เธอ แล้วเธอก็สวนกลับมาว่า เราไม่ใช่ผู้หญิง แบบนี้ครับ" ผมขอถามคุณว่า หลังจากที่คุณรู้แล้ว คุณจะปฏิบัติกับเขายังไง? ประเด็นน่าจะอยู่ต่อจากนี้ต่างหากครับ ในมุมมองของผมสิ่งที่เป็นปัญหาของคุณมันไม่ได้ต่างจากเวลาที่ผมทักคนผิด ขึ้นรถเมล์ผิดสาย หรือไปสารภาพรักแล้วโดนปฏิเสธเลยครับ ทำไมมันถึงกลายเป็นประเด็นปัญหาได้...
ขอฝากคลิปนี้ทิ้งท้ายด้วยครับ ทุกวันนี้คนมัวแต่ไปโฟกัสที่เรื่องหยุมหยิมแทนที่จะเป็นแก่นของปัญหา ทำไมต้องใช้เพศเป็นเงื่อนไขในร้องขอ/ให้การเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกันด้วย มองข้ามเรื่องเพศ (และชนชั้น) ให้ได้ถึงจะมองคนให้เป็นคนเท่ากันได้ครับ...
ตั้งแต่นาทีที่ 2:23 - 4:32
แสดงความคิดเห็น
อยากให้คนอื่นยอมรับก็ควรยอมรับตนเองก่อน LGBT+
ผมนั่งคิดกับตัวเองเราจะสามารถมองคนที่เป็น lgbt+ ให้ออกได้ยังไงเนื่องจาก บางเพศนั้นค่อนข้างกว้างและมองออกยาก ไม่เหมือนกระเทย ที่มีจริตและกิริยาที่แสดงออกมาชัดเจนทำให้สามารถมองออกได้อย่างชัดเจน
เพศเริ่มต้น ชาย-หญิง ร่างกายแบ่งตามเพศอวัยวะ นี่เป็นสิ่งที่หลายคนใช้ในการตัดสินใจว่า อีกฝ่ายเป็นหญิงหรือชาย เริ่มจากชาย-หญิง สู่ lgbt+ แตกแยกย่อยออกมา บางเพศดูออกง่ายบางเพศดูไม่ออก ไม่แปลกที่หมอตัดสินว่า lgbt+ เป็นการป่วยทางจิต ที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ 100% และ ไม่มีปัญหากับการดำเนินชีวิตปกติ
ซึ่งผมก็คิดแบบนั้น ต่อให้มองยังไงในสายตาของผมก็จะมีแค่ ชาย-หญิง เนื่องจากผมใช้สายตาในการมองรูปร่าง อวัยวะบนร่างกาย กิริยาท่าทางในการตัดสินว่าบุคคลนั้นเป็นเพศใด
ผมไม่สามารถรู้ได้ว่า บุคคลนั้นเป็น lgbt+ ดังนั้นการที่ lgbt มาบอกว่า ตนเองเป็น lgbt+ ไม่ใช่ผู้ชายทั้งๆที่รูปร่างตนเองเป็นผู้ชาย(ผู้หญิงก็เหมือนกัน) ผมมองว่าสิ่งนี้คือการเหยียดตัวเอง ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็กชาย ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็กหญิง ก่อนเราจะรู้ความ ตอนเราพึ่งเกิด เราไม่รู้ว่าเราเป็น เพศทางเลือกหรือป่าว การจะเป็น lgbt+ และต้องการให้ทุกคนยอมรับ คุณก็ควรที่จะยอมรับว่าตนเอง เป็นหญิงหรือชาย คงไม่มีใครติดป้ายใส่ตัวเองว่าเป็น lgbt+ ตลอดเวลาออกไปข้างนอกหรอกนะ เพราะ lgbt+เป็นที่จิตใจ ไม่ใช่ร่างกาย(ยกเว้นกระเทยนะเทคโนโลยีมันทำได้ส่วนอันอื่นๆที่ค่อนข้างคลุมเคลือก็รอไปก่อน)
อย่าด่าน้า เรื่องนี้มันต้องใช้เวลาและการวิเคราะห์แยกแยะอีกเยอะมันถึงจะชัดเจนขึ้น ถ้าใครเห็นก็เม้นตอบได้มาแสดงควาทคิดเห็นกันได้