หลังจบงาน We Talk To You 2022-2023 ของ BNK48 และ CGM48 ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา THE STANDARD POP มีโอกาสชวน น้ำหนึ่ง-มิลิน ดอกเทียน สมาชิกวง BNK48 รุ่นที่ 1 พูดคุยถึงชีวิตหลังเรียนจบและเพิ่งผ่านการรับปริญญาไปไม่นาน พร้อมทบทวนพาร์ตการทำงานในฐานะนักแสดง และเพลงใหม่อย่าง หมกกบ ที่กลับมาทวงบัลลังก์ความม่วนซื่นอีกครั้ง หลังประสบความสำเร็จในเพลง โดดดิด่ง ไปก่อนหน้านี้
เราเริ่มต้นให้น้ำหนึ่งพูดถึงวิธีการฝ่าฟันอุปสรรค บริหารเวลาเรียนควบคู่ไปกับการทำงานในวง BNK48 นั้นทำอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ประเด็นการเข้ามาทำหน้าที่เป็น BNK48 มีผลกระทบต่อเรื่องการเรียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเคยทำให้เธอเสียน้ำตา ขณะเดินสายโปรโมตเพลง Jabaja รายการ THE STANDARD Daily เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 ที่ตอนนั้นมีผลทำให้เธอจบช้ากว่าเพื่อนร่วมชั้น 1 เทอม
“ที่ผ่านมาก็ต้องขอบคุณพี่ๆ ทีมงานที่ช่วยจัดการตารางงานและตารางเรียนให้ เพราะเราต้องคอยอัปเดตตารางเรียนที่เราขาดไม่ได้จริงๆ ไว้ในตารางงาน ยกตัวอย่างบางวิชาที่ต้องเข้าห้องแล็บ เราก็จะสื่อสารกับพี่ทีมงานว่าเป็นวิชาที่ขาดไม่ได้ ซึ่งพี่ในทีมก็จะช่วยจัดการให้ ส่วนตัวเราอาจจะต้องขยันขึ้นกว่าเดิมหน่อย เพราะด้วยความหอพักกับมหาวิทยาลัยค่อนข้างห่างไกลกัน ทำให้หลายครั้งที่ต้องตื่นเช้ากลับดึก เราก็ต้องบริหารเวลาดีๆ เพื่อที่จะไปให้ทันเข้าเรียนและทันเข้าซ้อมหรือทันมาทำงานกับวง”
ขณะเดียวกัน น้ำหนึ่งยังถือโอกาสนี้ขอบคุณเพื่อนในวง รวมถึงแฟนคลับที่คอยเป็นกำลังใจสำคัญในการช่วยให้เธอฝ่าอุปสรรคจนเรียนจบมาเป็นบัณฑิตใหม่ป้ายแดงให้ทุกคนภูมิใจ และสมกับที่คอยมอบพลังและความรักมาให้เธออยู่เสมอ
“ทุกคนในวงคอยให้กำลังใจและอยู่เคียงข้างเรากันหมดเลย หรือแม้แต่แฟนคลับเองก็จะตามมาให้กำลังใจเรา อย่างงานจับมือก็คอยมาพูดให้กำลังใจ ให้สู้ๆ รวมถึงเพื่อนที่มหาวิทยาลัย เพราะพวกเขาคือส่วนสำคัญที่คอยช่วยฉุดช่วยดึงให้เราเข้าเรียน ช่วยคุยกับอาจารย์แทนเรา
“หนูรู้สึกได้เลยว่าแฟนคลับทำทุกวิถีทางที่จะคอยส่งมอบกำลังใจมาถึงเรา อย่างตู้ปลา (Digital Live Studio) หรืองานจับมือ ก็จะมีรอยปั๊มที่ข้อมือเป็นสัญลักษณ์แห่งการมาเพื่อชาร์จพลังและกำลังใจให้น้ำหนึ่ง หรือในช่วงที่ไม่มีกิจกรรมให้มาเจอหน้ากันก็จะส่งผ่านตัวอักษรตามแฮชแท็กบนสื่อโซเชียลอย่างทวิตเตอร์ ทุกคนก็จะติดแท็กส่งกำลังใจผ่านข้อความให้เราอ่านอยู่เสมอ และพอเราอ่านก็รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น รู้สึกได้ว่ามีคนคอยเป็นกำลังใจให้เราอยู่ข้างๆ”
เมื่อเราให้น้ำหนึ่งเปรียบเทียบการทำงานระหว่างเรียนกับหลังเรียนจบนั้นต่างกันอย่างไร น้ำหนึ่งบอกว่า “หลังจากที่เรียนจบหนูได้รู้สึกว่าตัวเองเป็น BNK48 เต็มที่มากยิ่งขึ้น ได้ทำหน้าที่ในฐานะไอดอลของวงได้เต็มที่ เพราะสมัยก่อนต้องแบ่งเวลาเรียนกับเวลางานในวง มันเหมือนกับการจับปลาสองมือ ทำให้งานบางอย่างเราทำออกมาได้แบบไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่หลังจากเรียนจบก็รู้สึกว่าเราพร้อมที่จะลุยงานอย่างเต็มที่ในฐานะน้ำหนึ่ง BNK48
“โดยเฉพาะในพาร์ตของการทำงาน บอกเลยว่าสนุกกว่าแต่ก่อนมาก เรามีเวลาโฟกัสงานเต็มที่ เพราะทุกงานที่เราทำออกมา เราก็อยากให้มันออกมาอย่างเต็มที่และดีที่สุด เราเลยรู้สึกชอบพาร์ตนี้มากกว่า
“เพราะถ้าย้อนกลับไปตอนเรียนควบการทำงาน เส้นเลือดในสมองคือเต้นตุบๆ ตลอดเวลา (หัวเราะ) รันงานเต็มสูบ พักผ่อนก็น้อย”
นอกเหนือจากงานเพลงในวง BNK48 น้ำหนึ่งนับเป็นหนึ่งในสมาชิกวง BNK48 อีกคนที่ได้รับโอกาสในงานแสดงหลายบทบาทมากๆ ตั้งแต่บท ‘ป่าน’ เป็นบทนักแสดงสมทบในภาพยนตร์ Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า, บท ‘น้ำหนึ่ง’ ใน ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้, มาจนถึงเรื่องล่าสุดกับบท ‘สาระปี’ ในภาพยนตร์เรื่อง ผ้าผีบอก ที่เราจะได้เห็นฝีมือการแสดงของเธออีกครั้ง
“หนูรู้สึกเอ็นจอยกับงานแสดงมาก เอาจริงๆ แอบรู้สึกชอบด้วยซ้ำ ถ้าให้เลือกอีกสายที่ไม่ใช่การร้อง-เต้น การแสดงคืออีกงานที่หนูทำและรู้สึกสนุกมาก ทำให้อยากได้รับโอกาสแบบนี้อีกและลุยในสายงานแสดงให้มากกว่านี้ แต่หนูเองก็ยังคงต้องพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นและพร้อมสำหรับโอกาสเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา
“เพราะก่อนเข้าวง หนูเองก็ไม่คิดเลยว่าจะได้รับโอกาสทำผลงานการแสดง ตอนเริ่มวงมาเอาจริงๆ ตอนนั้นเราทุกคนก็ไม่มีใครรู้ว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน แต่เอาจริงๆ ไม่ว่าโอกาสการทำงานในวงการจะเป็นรูปแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นการแสดง การร้อง การเต้น เราก็พร้อมทำให้เต็มที่ที่สุด ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เราก็ได้พยายามอย่างที่สุดแล้ว”
ด้วยคาแร็กเตอร์การเป็นสมาชิกวง BNK48 ผู้มากล้นไปด้วยเอเนอร์จี้ความตลกและเฮฮา ที่มอบเสียงหัวเราะให้แฟนคลับตลอดเวลา ทำให้เมื่อไม่นานมานี้เราได้เห็นเธอไปชิมลางการเป็นนักแสดงรับเชิญในซิตคอ มแนวคอเมดี้อย่างรายการ หกฉากครับจารย์ และ ก็มาดิคร้าบ เราจึงอยากให้เธอได้เล่าประสบการณ์จากการทำหน้าที่นี้ให้เราฟังว่า เมื่อได้ลงมือแสดงจริงๆ มันมีความยาก-ง่ายอย่างไร
“หนูว่างานแสดงตลกซิตคอมจริงๆ เป็นอะไรที่ยากมาก ทั้งที่เหมือนดูจะเป็นทางที่หนูถนัด แต่พอได้รับโอกาสไปเข้าฉากจริงๆ พี่ๆ ที่เป็นนักแสดง โดยเฉพาะที่เป็นตลกมืออาชีพอยู่แล้ว เขาแสดงให้เห็นว่าการจะเล่นตลกเขาต้องหัวไวกันมาก จีเนียสมากในเรื่องการปล่อยมุก ซึ่งมุกตลกที่เราเล่นกันเองในวงหรือตามตู้ปลากลายเป็นเด็กน้อยไปเลย (หัวเราะ) รู้สึกเหมือนเราเป็นตลกฝึกหัดที่รอวันฟูมฟักมากกว่านี้
“และที่สำคัญ พี่ๆ ทุกคนก็ช่วยเรามากเลยตอนไปเข้าฉากแสดง จะมีสะกิดให้เล่นมุกแทรก คอยบอกจังหวะให้เราโยนมุกไป คือช่วยเรามากๆ หนูยกให้เป็นอาจารย์คนหนึ่งเลยที่คอยสั่งสอนวิชาตลก คอยบอกและแนะนำเราว่าจังหวะไหนแทรกได้ เสริมได้ พี่ๆ ก็จะช่วยเราตลอด ซึ่งหนูเองก็ทำการบ้านด้วยการไล่ดูเทปก่อนๆ เป็นแนวทาง แต่จริงๆ เราก็ติดตามรายการของพี่เขาอยู่แล้ว”
เมื่อพูดคุยกันในพาร์ตของความสนุกสนานที่เธอได้สร้างขึ้น จนเป็นเอกลักษณ์ของตัวเธอไปแล้ว เราจึงถือโอกาสนี้ถามเธอว่า คาแร็กเตอร์เหล่านี้นับเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ยอดผู้ชมในไลฟ์บนแอปพลิเคชัน iAM ของเธอมียอดคนดูสูงหลัก 1-2 พันคนต่อครั้งหรือไม่นั้น
น้ำหนึ่งบอกว่า “จริงๆ อาจเป็นเพราะว่าหนูสวย (หัวเราะ)
มีต่อ.......อ่านต่อได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://thestandard.co/milin-bnk48-talk-about-after-graduation-life/
ส่งท้าย โปรเจคภาคต่อของชราไลน์
นอกจากนี้น้ำหนึ่งยังกระซิบบอกอีกว่า เธอมีแพลนอยากเรียนต่อในระดับปริญญาโท แต่ยังไม่ใช่ในปีนี้ เพราะยังอยากทำโปรเจ็กต์ที่ค้างอยู่ให้เสร็จ โดยโปรเจ็กต์ดังกล่าวนั้นรวมถึง ‘ชราไลน์’ ที่ ครูปิ๋ม-เสาวณีย์ กาญจนโอฬารศิริ (ผู้จัดการวง) พูดไปบนเวที We Talk To You 2022-2023 ที่เธอบอกได้เพียงแค่ต้องรอติดตามต่อไป…
(แสดงว่า ปีหน้ามีโปรเจคชราไลน์แน่ๆแล้ว แต่เป็นอะไรต้องไปลุ้น)
[The Standard Pop] น้ำหนึ่ง BNK48 คุยชีวิตหลังรับปริญญา และโปรเจคภาคต่อของชราไลน์
เราเริ่มต้นให้น้ำหนึ่งพูดถึงวิธีการฝ่าฟันอุปสรรค บริหารเวลาเรียนควบคู่ไปกับการทำงานในวง BNK48 นั้นทำอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ประเด็นการเข้ามาทำหน้าที่เป็น BNK48 มีผลกระทบต่อเรื่องการเรียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเคยทำให้เธอเสียน้ำตา ขณะเดินสายโปรโมตเพลง Jabaja รายการ THE STANDARD Daily เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 ที่ตอนนั้นมีผลทำให้เธอจบช้ากว่าเพื่อนร่วมชั้น 1 เทอม
“ที่ผ่านมาก็ต้องขอบคุณพี่ๆ ทีมงานที่ช่วยจัดการตารางงานและตารางเรียนให้ เพราะเราต้องคอยอัปเดตตารางเรียนที่เราขาดไม่ได้จริงๆ ไว้ในตารางงาน ยกตัวอย่างบางวิชาที่ต้องเข้าห้องแล็บ เราก็จะสื่อสารกับพี่ทีมงานว่าเป็นวิชาที่ขาดไม่ได้ ซึ่งพี่ในทีมก็จะช่วยจัดการให้ ส่วนตัวเราอาจจะต้องขยันขึ้นกว่าเดิมหน่อย เพราะด้วยความหอพักกับมหาวิทยาลัยค่อนข้างห่างไกลกัน ทำให้หลายครั้งที่ต้องตื่นเช้ากลับดึก เราก็ต้องบริหารเวลาดีๆ เพื่อที่จะไปให้ทันเข้าเรียนและทันเข้าซ้อมหรือทันมาทำงานกับวง”
ขณะเดียวกัน น้ำหนึ่งยังถือโอกาสนี้ขอบคุณเพื่อนในวง รวมถึงแฟนคลับที่คอยเป็นกำลังใจสำคัญในการช่วยให้เธอฝ่าอุปสรรคจนเรียนจบมาเป็นบัณฑิตใหม่ป้ายแดงให้ทุกคนภูมิใจ และสมกับที่คอยมอบพลังและความรักมาให้เธออยู่เสมอ
“ทุกคนในวงคอยให้กำลังใจและอยู่เคียงข้างเรากันหมดเลย หรือแม้แต่แฟนคลับเองก็จะตามมาให้กำลังใจเรา อย่างงานจับมือก็คอยมาพูดให้กำลังใจ ให้สู้ๆ รวมถึงเพื่อนที่มหาวิทยาลัย เพราะพวกเขาคือส่วนสำคัญที่คอยช่วยฉุดช่วยดึงให้เราเข้าเรียน ช่วยคุยกับอาจารย์แทนเรา
“หนูรู้สึกได้เลยว่าแฟนคลับทำทุกวิถีทางที่จะคอยส่งมอบกำลังใจมาถึงเรา อย่างตู้ปลา (Digital Live Studio) หรืองานจับมือ ก็จะมีรอยปั๊มที่ข้อมือเป็นสัญลักษณ์แห่งการมาเพื่อชาร์จพลังและกำลังใจให้น้ำหนึ่ง หรือในช่วงที่ไม่มีกิจกรรมให้มาเจอหน้ากันก็จะส่งผ่านตัวอักษรตามแฮชแท็กบนสื่อโซเชียลอย่างทวิตเตอร์ ทุกคนก็จะติดแท็กส่งกำลังใจผ่านข้อความให้เราอ่านอยู่เสมอ และพอเราอ่านก็รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น รู้สึกได้ว่ามีคนคอยเป็นกำลังใจให้เราอยู่ข้างๆ”
เมื่อเราให้น้ำหนึ่งเปรียบเทียบการทำงานระหว่างเรียนกับหลังเรียนจบนั้นต่างกันอย่างไร น้ำหนึ่งบอกว่า “หลังจากที่เรียนจบหนูได้รู้สึกว่าตัวเองเป็น BNK48 เต็มที่มากยิ่งขึ้น ได้ทำหน้าที่ในฐานะไอดอลของวงได้เต็มที่ เพราะสมัยก่อนต้องแบ่งเวลาเรียนกับเวลางานในวง มันเหมือนกับการจับปลาสองมือ ทำให้งานบางอย่างเราทำออกมาได้แบบไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่หลังจากเรียนจบก็รู้สึกว่าเราพร้อมที่จะลุยงานอย่างเต็มที่ในฐานะน้ำหนึ่ง BNK48
“โดยเฉพาะในพาร์ตของการทำงาน บอกเลยว่าสนุกกว่าแต่ก่อนมาก เรามีเวลาโฟกัสงานเต็มที่ เพราะทุกงานที่เราทำออกมา เราก็อยากให้มันออกมาอย่างเต็มที่และดีที่สุด เราเลยรู้สึกชอบพาร์ตนี้มากกว่า
“เพราะถ้าย้อนกลับไปตอนเรียนควบการทำงาน เส้นเลือดในสมองคือเต้นตุบๆ ตลอดเวลา (หัวเราะ) รันงานเต็มสูบ พักผ่อนก็น้อย”
นอกเหนือจากงานเพลงในวง BNK48 น้ำหนึ่งนับเป็นหนึ่งในสมาชิกวง BNK48 อีกคนที่ได้รับโอกาสในงานแสดงหลายบทบาทมากๆ ตั้งแต่บท ‘ป่าน’ เป็นบทนักแสดงสมทบในภาพยนตร์ Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า, บท ‘น้ำหนึ่ง’ ใน ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้, มาจนถึงเรื่องล่าสุดกับบท ‘สาระปี’ ในภาพยนตร์เรื่อง ผ้าผีบอก ที่เราจะได้เห็นฝีมือการแสดงของเธออีกครั้ง
“หนูรู้สึกเอ็นจอยกับงานแสดงมาก เอาจริงๆ แอบรู้สึกชอบด้วยซ้ำ ถ้าให้เลือกอีกสายที่ไม่ใช่การร้อง-เต้น การแสดงคืออีกงานที่หนูทำและรู้สึกสนุกมาก ทำให้อยากได้รับโอกาสแบบนี้อีกและลุยในสายงานแสดงให้มากกว่านี้ แต่หนูเองก็ยังคงต้องพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นและพร้อมสำหรับโอกาสเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา
“เพราะก่อนเข้าวง หนูเองก็ไม่คิดเลยว่าจะได้รับโอกาสทำผลงานการแสดง ตอนเริ่มวงมาเอาจริงๆ ตอนนั้นเราทุกคนก็ไม่มีใครรู้ว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน แต่เอาจริงๆ ไม่ว่าโอกาสการทำงานในวงการจะเป็นรูปแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นการแสดง การร้อง การเต้น เราก็พร้อมทำให้เต็มที่ที่สุด ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เราก็ได้พยายามอย่างที่สุดแล้ว”
ด้วยคาแร็กเตอร์การเป็นสมาชิกวง BNK48 ผู้มากล้นไปด้วยเอเนอร์จี้ความตลกและเฮฮา ที่มอบเสียงหัวเราะให้แฟนคลับตลอดเวลา ทำให้เมื่อไม่นานมานี้เราได้เห็นเธอไปชิมลางการเป็นนักแสดงรับเชิญในซิตคอ มแนวคอเมดี้อย่างรายการ หกฉากครับจารย์ และ ก็มาดิคร้าบ เราจึงอยากให้เธอได้เล่าประสบการณ์จากการทำหน้าที่นี้ให้เราฟังว่า เมื่อได้ลงมือแสดงจริงๆ มันมีความยาก-ง่ายอย่างไร
“หนูว่างานแสดงตลกซิตคอมจริงๆ เป็นอะไรที่ยากมาก ทั้งที่เหมือนดูจะเป็นทางที่หนูถนัด แต่พอได้รับโอกาสไปเข้าฉากจริงๆ พี่ๆ ที่เป็นนักแสดง โดยเฉพาะที่เป็นตลกมืออาชีพอยู่แล้ว เขาแสดงให้เห็นว่าการจะเล่นตลกเขาต้องหัวไวกันมาก จีเนียสมากในเรื่องการปล่อยมุก ซึ่งมุกตลกที่เราเล่นกันเองในวงหรือตามตู้ปลากลายเป็นเด็กน้อยไปเลย (หัวเราะ) รู้สึกเหมือนเราเป็นตลกฝึกหัดที่รอวันฟูมฟักมากกว่านี้
“และที่สำคัญ พี่ๆ ทุกคนก็ช่วยเรามากเลยตอนไปเข้าฉากแสดง จะมีสะกิดให้เล่นมุกแทรก คอยบอกจังหวะให้เราโยนมุกไป คือช่วยเรามากๆ หนูยกให้เป็นอาจารย์คนหนึ่งเลยที่คอยสั่งสอนวิชาตลก คอยบอกและแนะนำเราว่าจังหวะไหนแทรกได้ เสริมได้ พี่ๆ ก็จะช่วยเราตลอด ซึ่งหนูเองก็ทำการบ้านด้วยการไล่ดูเทปก่อนๆ เป็นแนวทาง แต่จริงๆ เราก็ติดตามรายการของพี่เขาอยู่แล้ว”
เมื่อพูดคุยกันในพาร์ตของความสนุกสนานที่เธอได้สร้างขึ้น จนเป็นเอกลักษณ์ของตัวเธอไปแล้ว เราจึงถือโอกาสนี้ถามเธอว่า คาแร็กเตอร์เหล่านี้นับเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ยอดผู้ชมในไลฟ์บนแอปพลิเคชัน iAM ของเธอมียอดคนดูสูงหลัก 1-2 พันคนต่อครั้งหรือไม่นั้น
น้ำหนึ่งบอกว่า “จริงๆ อาจเป็นเพราะว่าหนูสวย (หัวเราะ)
มีต่อ.......อ่านต่อได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่งท้าย โปรเจคภาคต่อของชราไลน์
นอกจากนี้น้ำหนึ่งยังกระซิบบอกอีกว่า เธอมีแพลนอยากเรียนต่อในระดับปริญญาโท แต่ยังไม่ใช่ในปีนี้ เพราะยังอยากทำโปรเจ็กต์ที่ค้างอยู่ให้เสร็จ โดยโปรเจ็กต์ดังกล่าวนั้นรวมถึง ‘ชราไลน์’ ที่ ครูปิ๋ม-เสาวณีย์ กาญจนโอฬารศิริ (ผู้จัดการวง) พูดไปบนเวที We Talk To You 2022-2023 ที่เธอบอกได้เพียงแค่ต้องรอติดตามต่อไป…
(แสดงว่า ปีหน้ามีโปรเจคชราไลน์แน่ๆแล้ว แต่เป็นอะไรต้องไปลุ้น)