สหรัฐฯ พยายามซื้อน้ำมันราคาถูกบางส่วนของรัสเซีย หลังมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของอียูผลักราคาเชื้อเพลิงสูงลิ่ว
รายงานโดยอ้างคำพูดของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งอเมริกาเมื่อวันพุธ(1มิ.ย.)
ระบุว่าประธานาธิบดีไบเดน หยิบยกความคิดนี้ขึ้นมาระหว่างพูดคุยกับสื่อมวลชน เกี่ยวกับแผนของรัฐบาลสหรัฐฯในการจัดการกับปัญหาขาดแคลนนมผงดัดแปลงสำหรับทารก ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พื้นฐานที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ในนั้นรวมถึงอาหารและเชื้อเพลิง
ไบเดน อ้างความดีความชอบสำหรับการฉุดรั้งไม่ให้ราคาก๊าซและน้ำมันในสหรัฐฯพุ่งสูงไปมากกว่านี้ จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปัจจุบัน
เขากล่าวโทษรัสเซียและปฏิบัติการทางทหารของมอสโกในยูเครน ต่อราคาอาหารและพลังงานที่พุ่งสูง และเผยว่ารัฐบาลของเขากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อจัดการปัญหาเหล่านี้
"ประเด็นที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็คือ ยุโรปตัดสินใจว่าพวกเขาจะจำกัดการซื้อน้ำมันรัสเซียเพิ่มอีก" ไบเดนกล่าว
อ้างถึงมาตรการคว่ำบาตร รอบ 6 ของอียูที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย
รัฐสมาชิกอียูบรรลุข้อตกลงหลายวันก่อน ในการแบนนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียบางส่วน
พวกเขาต้องการลดซื้อน้ำมันรัสเซียลง 100% ในช่วงปลายปี
แต่ ไบเดน พูดเป็นนัยว่าการสูญเสียตลาดยุโรปของรัสเซีย อาจเป็นโอกาสดีสำหรับสหรัฐฯ ตามรายงาน
"สหรัฐอเมริกา กำลังมีการพิจารณาต่างๆนานา เกี่ยวกับสิ่งที่สามารถทำได้ เช่นการซื้อน้ำมัน ในราคาถูก จากรัสเซีย
เนื่องจากพวกเขาจำเป็นต้องขาย" อ้างคำกล่าวของไบเดน
"รัสเซียมีความปรารถนาอย่างเหลือล้นที่จะขายมัน และพวกเขาจะขายในราคาต่ำมาก ต่ำกว่าราคาตลาดในตอนนี้"
อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีรายนี้เตือนว่าจะไม่สามารถฉุดราคาเบนซินให้ลดต่ำลงในระยะเวลาอันใกล้ และสถานการณ์ด้านราคาอาหารก็คงไม่ต่างกัน
แต่ มอสโกไม่ให้ความสำคัญคำพูดของไบเดน โดยบอกว่า "แน่นอนว่า รัสเซียจะไม่ขายอะไรโดยไม่ได้กำไร อุปสงค์อาจลดลงในที่หนึ่งๆและที่อื่นๆอาจเพิ่มขึ้น ห่วงโซ่อุปทานกำลังปรับทิศทาง ในขณะที่ฝ่ายต่างๆกำลังหาเงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับทำการค้า" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของเครมลินกล่าวในวันพฤหัสบดี(2มิ.ย.)
ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อคือความกังวลใหญ่หลวงที่สุดของประชาชนชาวสหรัฐฯผู้มีสิทธิ์ออกเสียง พวกผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองคาดการณ์ว่าพรรคเดโมแครตของไบเดน อาจสูญเสียคะแนนเสียงไปอย่างมหาศาลในศึกเลือกตั้งกลางเทอมเดือนพฤศจิกายนนี้ จนกว่ารัฐบาลของเขาจะสามารถควบคุมราคาไม่ให้พุ่งสูงขึ้นในเร็ววัน
ทำเนียบขาวกล่าวโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปที่รัสเซีย และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ต่อปัญหาต่างๆที่กำลังเกิดขึ้น
แม้กระทั่งใช้คำนิยามว่า "การขึ้นราคาของปูติน" ในการอธิบายครอบครัวคนทำงานชาวสหรัฐฯ ว่าทำไมพวกเขาถึงเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นในแต่ละเดือน
อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงคือราคาอาหารและพลังงานเริ่มเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ก่อนรัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนในเดือนกุมภาพันธ์แล้ว
โดยมีประเด็นความวุ่นวายเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานอันสืบเนื่องจากโรคระบาดใหญ่โควิด-19 เป็นปัจจัยหลัก
และมอสโกระบุว่าวอชิงตันเล่นเกมส์ กล่าวโทษเพื่อให้ประชาชนเพิกเฉยต่อต้นของปัญหาต่างๆ ในนั้นบางส่วนเป็นผลจากมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเล่นงานรัสเซีย ที่นำโดยสหรัฐฯ
อนึ่งก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม สหรัฐฯประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันทั้งหมดจากรัสเซีย รวมถึงก๊าซธรรมชาติเหลวและถ่านหินด้วย
อเมริกา เข้าซื้อน้ำมันรัสเซีย เพื่อขายต่อให้ยุโรป หลังห้ามยุโรปซื้อราคาถูกของรัสเซีย
รายงานโดยอ้างคำพูดของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งอเมริกาเมื่อวันพุธ(1มิ.ย.)
ระบุว่าประธานาธิบดีไบเดน หยิบยกความคิดนี้ขึ้นมาระหว่างพูดคุยกับสื่อมวลชน เกี่ยวกับแผนของรัฐบาลสหรัฐฯในการจัดการกับปัญหาขาดแคลนนมผงดัดแปลงสำหรับทารก ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พื้นฐานที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ในนั้นรวมถึงอาหารและเชื้อเพลิง
ไบเดน อ้างความดีความชอบสำหรับการฉุดรั้งไม่ให้ราคาก๊าซและน้ำมันในสหรัฐฯพุ่งสูงไปมากกว่านี้ จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปัจจุบัน
เขากล่าวโทษรัสเซียและปฏิบัติการทางทหารของมอสโกในยูเครน ต่อราคาอาหารและพลังงานที่พุ่งสูง และเผยว่ารัฐบาลของเขากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อจัดการปัญหาเหล่านี้
"ประเด็นที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็คือ ยุโรปตัดสินใจว่าพวกเขาจะจำกัดการซื้อน้ำมันรัสเซียเพิ่มอีก" ไบเดนกล่าว
อ้างถึงมาตรการคว่ำบาตร รอบ 6 ของอียูที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย
รัฐสมาชิกอียูบรรลุข้อตกลงหลายวันก่อน ในการแบนนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียบางส่วน
พวกเขาต้องการลดซื้อน้ำมันรัสเซียลง 100% ในช่วงปลายปี
แต่ ไบเดน พูดเป็นนัยว่าการสูญเสียตลาดยุโรปของรัสเซีย อาจเป็นโอกาสดีสำหรับสหรัฐฯ ตามรายงาน
"สหรัฐอเมริกา กำลังมีการพิจารณาต่างๆนานา เกี่ยวกับสิ่งที่สามารถทำได้ เช่นการซื้อน้ำมัน ในราคาถูก จากรัสเซีย
เนื่องจากพวกเขาจำเป็นต้องขาย" อ้างคำกล่าวของไบเดน
"รัสเซียมีความปรารถนาอย่างเหลือล้นที่จะขายมัน และพวกเขาจะขายในราคาต่ำมาก ต่ำกว่าราคาตลาดในตอนนี้"
อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีรายนี้เตือนว่าจะไม่สามารถฉุดราคาเบนซินให้ลดต่ำลงในระยะเวลาอันใกล้ และสถานการณ์ด้านราคาอาหารก็คงไม่ต่างกัน
แต่ มอสโกไม่ให้ความสำคัญคำพูดของไบเดน โดยบอกว่า "แน่นอนว่า รัสเซียจะไม่ขายอะไรโดยไม่ได้กำไร อุปสงค์อาจลดลงในที่หนึ่งๆและที่อื่นๆอาจเพิ่มขึ้น ห่วงโซ่อุปทานกำลังปรับทิศทาง ในขณะที่ฝ่ายต่างๆกำลังหาเงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับทำการค้า" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของเครมลินกล่าวในวันพฤหัสบดี(2มิ.ย.)
ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อคือความกังวลใหญ่หลวงที่สุดของประชาชนชาวสหรัฐฯผู้มีสิทธิ์ออกเสียง พวกผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองคาดการณ์ว่าพรรคเดโมแครตของไบเดน อาจสูญเสียคะแนนเสียงไปอย่างมหาศาลในศึกเลือกตั้งกลางเทอมเดือนพฤศจิกายนนี้ จนกว่ารัฐบาลของเขาจะสามารถควบคุมราคาไม่ให้พุ่งสูงขึ้นในเร็ววัน
ทำเนียบขาวกล่าวโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปที่รัสเซีย และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ต่อปัญหาต่างๆที่กำลังเกิดขึ้น
แม้กระทั่งใช้คำนิยามว่า "การขึ้นราคาของปูติน" ในการอธิบายครอบครัวคนทำงานชาวสหรัฐฯ ว่าทำไมพวกเขาถึงเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นในแต่ละเดือน
อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงคือราคาอาหารและพลังงานเริ่มเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ก่อนรัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนในเดือนกุมภาพันธ์แล้ว
โดยมีประเด็นความวุ่นวายเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานอันสืบเนื่องจากโรคระบาดใหญ่โควิด-19 เป็นปัจจัยหลัก
และมอสโกระบุว่าวอชิงตันเล่นเกมส์ กล่าวโทษเพื่อให้ประชาชนเพิกเฉยต่อต้นของปัญหาต่างๆ ในนั้นบางส่วนเป็นผลจากมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเล่นงานรัสเซีย ที่นำโดยสหรัฐฯ
อนึ่งก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม สหรัฐฯประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันทั้งหมดจากรัสเซีย รวมถึงก๊าซธรรมชาติเหลวและถ่านหินด้วย