ผมไม่เคยโดนเรียกเข้าห้องเย็นนะครับ เลยไม่แน่ใจว่า การพูดคุย กับที่เจ้าหน้าที่ที่นั่น : ล่าม : คุณ ขั้นตอนมันเป็นยังไง

คนที่จะกรอก k-eta ได้ ด้วยตัวเอง โดยไม่ถาม ไม่ลอก ไม่มีคนมาช่วยทำ.. ต้องมีภูมิภาษาอังกฤษเบื้องต้นประมาณนึงนะครับ

เพราะฉะนั้น ระหว่างการพูดคุย ทักษะภาษาอังกฤษคุณควรอยู่ระดับไหน.. เค้าประเมินออกแน่นอนครับ

ถ้าคุณทั้งคู่ อ้อแอ้ๆเลย เค้าพูดอะไรมา ก็ตาใสแจ๋ว แต่กลับบอกไปว่า กรอกเอง ไม่ว่าคุณกรอก หรือ แฟนจะกรอกก็เถอะ... มันก็มีพิรุธละครับ

ถ้าคุณกรอก k-eta ด้วยตัวเองจริงๆ กรอกข้อมูลถูกต้องจริง ไม่ได้ไปลอกจาก internet มามั่วๆซั่วๆ หรือ ก๊อปตามโพยที่ส่งต่อๆจนเป็น pattern... คุณต้องสามารถให้สัมภาษณ์ด้วยตัวเองไม่ผ่านล่ามได้ครับ เพราะคำถามเค้าไม่ได้ยิงมายากเย็นอะไรแบบสอบ IELTS หรอก

มากี่วัน
จะไปไหนบ้าง
ใครกรอก form
กลับวันไหน

ผมเดาว่ามันน่าจะวนเวียนอยู่แค่นี้
ถ้าคุณกรอก k-eta ด้วยตัวเองได้ คำถามแค่นี้ สบายอยู่แล้ว

ถ้าภาษาอังกฤษของคุณอยู่ในขั้น กรอก k-eta ได้เองจริงๆ คุณต้องสามารถพูดคุย เบื้องต้น โดยไม่ใช้ล่ามได้.... คุณอาจไม่ถูกปฏิเสธการเข้าประเทศก็ได้ครับ

ทั้งนี้... ผมเชื่อว่า ประเด็นหลักที่คุณถูกปฏิเสธการเข้าประเทศ น่าจะมาจากข้อมูลใน k-eta นั่นแหละครับ ทาง ต.ม คงจับพิรุธอะไรได้ซักอย่าง ดูทรงน่าจะเป็นการไปลอกโพย หรือ ไปติ๊กโน้น นั่น นี่ ตามคำบอกมา ซึ่งมันไม่ตรงกับ profile จริงๆของคุณ  เค้าถึงได้ถามคุณว่ากรอกเองหรือไม่ ล่ามแปลผิด ไม่ใช่ประเด็นหลักหรอกครับ

อีกเรื่องนึง.. จะแต่งงานวันที่ 24  แต่ต้นเดือนมาเที่ยวเกาหลี ทั้งๆที่ passport ขาว... ไม่รู้คนอื่นจะว่าไง แต่สำหรับผม ผมว่ามันไม่ปกติครับ

จบงานแต่งแล้วค่อยไป น่าจะ make sense กว่าไหมครับ ?