นักเตะมุ่งมั่นเต็มที่มาก แต่โค้ชไม่มีแนวการเล่นที่เป็นระบบเลย เหมือนเน้นใช้ความสามารถนักเตะเป็นหลัก
สไตร์สบอลยุค90 สมัยโค้ชโย่งแกเล่น ทีมชาติไทยสมัยก่อนก็เล่นแบบนี้แหละ มีวิ่งมั่วตำแหน่งกันมั่วไปหมด เน้นความสามารถนักเตะ
แก้เกม ไม่ได้แก้ที่ระบบนะ แก้ด้วยการเปลี่ยนนักเตะ ด้านซ้ายหรอ ก็เปลี่ยนนักเตะแนวรุกซ้ายไปแก้
ไม่ได้มีปรับระบบการเล่น จุดไหน จุดนั้น รุกด้านไหน ด้านนั้น ทั้งเกมส์
ดีนะที่นักเตะU23 มีแต่นักเตะที่มุ่งมั่นสูง ไม่มีเดินเล่น เหมือนU23ตอนรอบคัดเลือก ทำให้เราลุ้นได้เต็มที่ถึงนาทีสุดท้าย จนตีเสมอได้
ที่มาของคำว่า นักเตะแบกโค้ช
เหมือนโย่งพาU23ไปเตะรอบคัดเลือกครั้งก่อน ที่ตกรอบคัดเลือก สุดท้ายได้เข้ารอบเพราะเป็นเจ้าภาพ 555
เหมือนเอเซี่ยนเกมส์ คราวที่แล้วที่โค้ชโย่งคุมทีมชาติไทยU23 ชนะใครไม่ได้ เสมอทุกนัด ตกรอบแรก
ให้โอกาสมาเยอะแล้วแกไม่คิดจะวางแนวทางอะไรบ้างเลย เห็นเพื่อนโค้ชที่เขาทำยูทูปยังวิจารณ์โย่งว่า กลัวโน้นกลัวนี่ จนปัจจุบันโย่งยัง ไม่เคยใช้ระบบเพรสซิ่งมาใช้กับนักเตะได้เลย ผิดกับมาโน่ ที่พยายามสอนนักเตะเล่นเพรสซิ่ง แม้ว่าจะเพรสสูง จนมีความเสี่ยงบ้าง
นักเตะมุ่งมั่นเต็มที่มาก แต่โค้ชไม่มีแนวการเล่นที่เป็นระบบเลย เหมือนเน้นใช้ความสามารถนักเตะเป็นหลัก
สไตร์สบอลยุค90 สมัยโค้ชโย่งแกเล่น ทีมชาติไทยสมัยก่อนก็เล่นแบบนี้แหละ มีวิ่งมั่วตำแหน่งกันมั่วไปหมด เน้นความสามารถนักเตะ
แก้เกม ไม่ได้แก้ที่ระบบนะ แก้ด้วยการเปลี่ยนนักเตะ ด้านซ้ายหรอ ก็เปลี่ยนนักเตะแนวรุกซ้ายไปแก้
ไม่ได้มีปรับระบบการเล่น จุดไหน จุดนั้น รุกด้านไหน ด้านนั้น ทั้งเกมส์
ดีนะที่นักเตะU23 มีแต่นักเตะที่มุ่งมั่นสูง ไม่มีเดินเล่น เหมือนU23ตอนรอบคัดเลือก ทำให้เราลุ้นได้เต็มที่ถึงนาทีสุดท้าย จนตีเสมอได้
ที่มาของคำว่า นักเตะแบกโค้ช
เหมือนโย่งพาU23ไปเตะรอบคัดเลือกครั้งก่อน ที่ตกรอบคัดเลือก สุดท้ายได้เข้ารอบเพราะเป็นเจ้าภาพ 555
เหมือนเอเซี่ยนเกมส์ คราวที่แล้วที่โค้ชโย่งคุมทีมชาติไทยU23 ชนะใครไม่ได้ เสมอทุกนัด ตกรอบแรก
ให้โอกาสมาเยอะแล้วแกไม่คิดจะวางแนวทางอะไรบ้างเลย เห็นเพื่อนโค้ชที่เขาทำยูทูปยังวิจารณ์โย่งว่า กลัวโน้นกลัวนี่ จนปัจจุบันโย่งยัง ไม่เคยใช้ระบบเพรสซิ่งมาใช้กับนักเตะได้เลย ผิดกับมาโน่ ที่พยายามสอนนักเตะเล่นเพรสซิ่ง แม้ว่าจะเพรสสูง จนมีความเสี่ยงบ้าง