ตัวเต็มออกทุก 22:00 ของวันอังคาร (เร็วกว่านี้คือปล่อยก่อน)
ใครไม่สะดวกอ่าน สามารถกดปิดกระทู้ได้เลยนะคะ ขอบคุณค่ะ
• Tokyo Revengers : 255 'Holy Cow' •
[CR. ShuOuma]
- ทาเคมิจจิ Recap เล็กน้อย ทาเคมิจจิบอกคาคุโจให้ถอยไป เพราะถ้าไม่รีบเพื่อนเจาทุกคนจะตาย
- คาคุโจ ไม่เข้าใจสิ่งที่ทาเคมิจจิพูด แต่สิ่งที่ทาเคมิจจิบอกนั้น เกิดขึ้นจริง ๆ คาคุโจแทบไม่อยากจะเชื้อว่า เห็นซันสุขึ้นไปบนรถไฟเพื่อทำให้มันเคลื่อนไหว
- ขณะเดียวกัน ซันสุก็ไม่อยากจะเชื่อว่าทาเคมิจจิ และคาคุโจ มายืนดักทาง แล้วสองคนนี้รู้ได้ไงว่าเขาอยู่ที่นี่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- ซันสุ ถามคาคุโจ ว่าทำไมคาคุโจ กับทาเคมิจจิ ถึงรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน คาคุโจบอกว่าจริง ๆ เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
- คาคุโจเลยพูดประมาณว่า
"นายเป็นผู้หยั่งรู้อะไรประมาณนั้นหรอ ? "
- ทาเคมิจจิไม่ได้พูดอะไร
- ซันสุบอกว่าเขามาที่นี่บ่อยแล้ว มาหลายครั้งเพื่อมาสังเกตการณ์สถานที่ แล้วตั้งใจจะฆ่าทุกคนให้ตายด้วยรถไฟ
- คาคุโจ ถามซันสุว่าทำไมถึงต้องทำขนาดนี้ เพราะไม่ใช่แค่จะฆ่าศัตรู แต่นี้จะฆ่าเพื่อนตัวเองด้วย
ซันสุ : ฉันไม่สนใจหรอกว่า ใครคือเพื่อน ใครคือศัตรู
ยกเว้นไมกี้ พวกมันทั้งหมดก็น่ารำคานเหมือนกันนั่นแหละ
ฉันไม่ยอมให้พวกแก มาขวางทางฉันหรอกน่า
- และในที่สุด ซันสุก็หยิบดาบคานาตะออกมา แล้วเริ่มจะโจมตีใส่ทาเคมิจจิ คาคุโจเข้ามาปกป้องทัน
- ทาเคมิจจิรู้สึกเสียใจอีกครั้งเพราะแขนของคาคุโจโดนฟัน ทาเคมิจจิไม่ได้คาดคิดว่าซันซุจะใช้ดาบ
- ซันสุบอกว่าเขาตั้งใจจะฆ่าทาเคมิจจิ คาคุโจที่เข้ามาป้องกันทาเคมิจจิทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมาก (เกินคาดมาก)
- คาคุโจถามว่า ดาบที่ใช้อยู่เนี่ย คือดาบเล่มเดียวกับที่ฆ่า มูโจ หรอ
- ซันสุไม่ได้ตอบอะไร ในขณะที่ทาเคมิจจิก็ไม่รู้ว่าคาคุโจพูดถึงเรื่องอะไร
- คาคุโจบอกว่า เขาไม่เคยชอบขี้หน้าซันสุเลยตั้งแต่เข้าร่วมเทนจิกุ และซันสุก็บอกว่าเขาก็ไม่ชอบคาคุโจเหมือนกัน
- แล้วทั้งสองก็เริ่มปะทะกัน คาคุโจใช้เสื้อ jecket ของตัวเองเพื่อปัดดาบของซันสุ ตั้งใจจะต่อยหน้าซันสุ แต่มันก็ยากเกินไป
- แฟลชแบค อดีตวัยเด็กของคาคุโจ ค่อนข้างน่าเศร้า เขาสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่อยู่ ป.3
- ครอบครัวของเขา มีแค่คาคุโจคนเดียวที่รอดจากอุบัติเหตุรถยนต์
- คาคุโจ ตัดสินใจไม่ใช้นามสกุล เพราะอยากใช้ชีวิตอยู่คนเดียว แต่พอได้เจอ อิซานะ
และตอนนี้เขาก็ได้เจอกับทาเคมิจจิอีกครั้ง ก็เลยคิดว่า ชีวิตที่ผ่านมามันก็ดีแล้ว
และดาบของซันสุก็ฟันมาทีคาคุโจ........
และคำพูดทิ้งท้ายของคาคุโจคือ "ชีวิตมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
NOTE : ซันสุ มาเพื่อ All-Kill ปกมังงะเล่มหน้าต้องเอาขึ้นแล้วมั้ง ขนาดนี้แล้ว
มีทฤษฎีเดาว่า คาคุโจ อาจจะเป็นพี่น้องกับ ดราเค่น หรือ ไมกี้ ต้องสักคนเนี่ยแหละ เพราะจริง ๆ คาคุโจ หน้าตาคล้ายดราเค่นมาก ทรงหน้าอะไรแบบนี้
จะว่าเป็นครอบครัวซาโนะ มันก็เป็นไปได้เหมือนกัน แต่เราว่าน่าจะไม่เกี่ยวกับฝั่งไมกี้ เพราะหน้าไม่เหมือนเลย
Spoil • Tokyo Revengers : 255 'Holy Cow'
- คาคุโจ ไม่เข้าใจสิ่งที่ทาเคมิจจิพูด แต่สิ่งที่ทาเคมิจจิบอกนั้น เกิดขึ้นจริง ๆ คาคุโจแทบไม่อยากจะเชื้อว่า เห็นซันสุขึ้นไปบนรถไฟเพื่อทำให้มันเคลื่อนไหว
- ขณะเดียวกัน ซันสุก็ไม่อยากจะเชื่อว่าทาเคมิจจิ และคาคุโจ มายืนดักทาง แล้วสองคนนี้รู้ได้ไงว่าเขาอยู่ที่นี่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- ซันสุ ถามคาคุโจ ว่าทำไมคาคุโจ กับทาเคมิจจิ ถึงรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน คาคุโจบอกว่าจริง ๆ เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
- คาคุโจเลยพูดประมาณว่า "นายเป็นผู้หยั่งรู้อะไรประมาณนั้นหรอ ? "
- ทาเคมิจจิไม่ได้พูดอะไร
- ซันสุบอกว่าเขามาที่นี่บ่อยแล้ว มาหลายครั้งเพื่อมาสังเกตการณ์สถานที่ แล้วตั้งใจจะฆ่าทุกคนให้ตายด้วยรถไฟ
- คาคุโจ ถามซันสุว่าทำไมถึงต้องทำขนาดนี้ เพราะไม่ใช่แค่จะฆ่าศัตรู แต่นี้จะฆ่าเพื่อนตัวเองด้วย
- ทาเคมิจจิรู้สึกเสียใจอีกครั้งเพราะแขนของคาคุโจโดนฟัน ทาเคมิจจิไม่ได้คาดคิดว่าซันซุจะใช้ดาบ
- ซันสุบอกว่าเขาตั้งใจจะฆ่าทาเคมิจจิ คาคุโจที่เข้ามาป้องกันทาเคมิจจิทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมาก (เกินคาดมาก)
- คาคุโจถามว่า ดาบที่ใช้อยู่เนี่ย คือดาบเล่มเดียวกับที่ฆ่า มูโจ หรอ
- ซันสุไม่ได้ตอบอะไร ในขณะที่ทาเคมิจจิก็ไม่รู้ว่าคาคุโจพูดถึงเรื่องอะไร
- คาคุโจบอกว่า เขาไม่เคยชอบขี้หน้าซันสุเลยตั้งแต่เข้าร่วมเทนจิกุ และซันสุก็บอกว่าเขาก็ไม่ชอบคาคุโจเหมือนกัน
- แล้วทั้งสองก็เริ่มปะทะกัน คาคุโจใช้เสื้อ jecket ของตัวเองเพื่อปัดดาบของซันสุ ตั้งใจจะต่อยหน้าซันสุ แต่มันก็ยากเกินไป
- แฟลชแบค อดีตวัยเด็กของคาคุโจ ค่อนข้างน่าเศร้า เขาสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่อยู่ ป.3
- ครอบครัวของเขา มีแค่คาคุโจคนเดียวที่รอดจากอุบัติเหตุรถยนต์
- คาคุโจ ตัดสินใจไม่ใช้นามสกุล เพราะอยากใช้ชีวิตอยู่คนเดียว แต่พอได้เจอ อิซานะ
และตอนนี้เขาก็ได้เจอกับทาเคมิจจิอีกครั้ง ก็เลยคิดว่า ชีวิตที่ผ่านมามันก็ดีแล้ว