10
วีโอล่ากดออดหน้าประตูไม้ที่มีซากเถาวัลย์พันเลื้อยเป็นทางยาว ห้อยลงมาจากหลังคา จากนั้นจึงหันมามองผม
ผมพยายามจัดแต่งตัวเองให้ดูดีที่สุด และเฝ้าบอกตัวเองว่าเส้นผมไม่ได้ยุ่งเกินไป เสื้อผ้าไม่ได้ดูไร้รสนิยมเกินไป หรือสีหน้าไม่ได้ดูตื่นเต้นมากเกินไป
จากนั้นผมก็พยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองดูกังวล หรือตื่นเต้นมากเกินไปที่จะได้เจอพ่อแม่ของวีโอล่า
ทว่าวีโอล่ามองเห็นอาการทั้งหมดนั่นผ่านมือที่สั่น และท่าทีที่ดูประหม่าอย่างชัดเจนของผม
วีโอล่าจับมือของผมอย่างให้กำลังใจ
“พวกท่านอาจจะมีเสียงดังบ้าง แต่พวกท่านขึ้นเสียงใส่กันเองเท่านั้นแหละ” เธอกระซิบ “พวกท่านรักคุณแน่ และอาจจะทำให้คุณเบื่อกับการชวนคุยเรื่องศิลปะและท่องเที่ยวอีกสักหน่อย ไม่มีอะไรที่คุณต้องกังวลหรอก”
อย่างนั้นหรือ -- ผมนึก หากแต่พยักหน้ารับกลับไป
เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากทางด้านหลังประตู จากนั้นหญิงร่างเล็กก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับกลิ่นกุหลาบอ่อนๆที่ฟุ้งมาแตะปลายจมูก
เธอส่งยิ้มมาให้วีโอล่าในทันที
“วีวี่” หญิงร่างเล็กกอดวีโอล่าแน่น จากนั้นจึงหันมาทางผม “เธอคงเป็นลอว์เรนซ์”
ผมสะดุ้งเมื่อถูกเธอกอด
“เรียกฉันว่าด็อตตี้” เธอบอก
ผมไม่คิดว่าแม่วีโอล่าจะเป็นกันเองกับผมได้เร็วขนาดนั้น
“ผมมีเค้กมาฝาก” ผมยื่นกล่องกระดาษที่บรรจุเค้กผลไม้ให้ “วีโอล่าบอกว่าคุณชอบเค้กผลไม้”
“ลอว์เรนซ์อบเค้กเองค่ะ” วีโอล่าเสริม “เขาลงทุนซื้ออุปกรณ์และวัตถุดิบมาเพื่ออบเค้กนี้เลยนะคะ”
ผมนึกถึงครัวที่แทบจะว่างเปล่าของเรา ที่เพิ่งจะมีอุปกรณ์ทำขนมเพิ่มเข้ามา -- ด็อตตี้คงไม่ชอบใจนัก ถ้ารู้ว่าที่อยู่ของเราเป็นแบบนั้น
ด็อตตี้ขยิบตาให้ผมอย่างถูกอกถูกใจ ก่อนที่จะเดินนำวีโอล่ากับผมเข้ามาในบ้าน พลันเสียงนุ่มนวลก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวอย่างรวดเร็ว
“นอร์ตัน!!!”
ผมสะดุ้งอย่างลืมตัว
“นอร์ตัน!!!” ด็อตตี้ตะเบ็งเสียงดังขึ้นกว่าเดิม
“อะไร!!!” เสียงทุ้มคำรามกลับมาจากทางหลังบ้าน
“พวกเขามาถึงแล้ว!!!”
“ใคร!!”
“พวกเขา!!”
“พวกเขาไหน!!”
ด็อตตี้ท้าวสะเอว
“วีวี่กับลอรี่!”
“ใครคือลอรี่!”
ผมสะดุ้ง ผมคือลอรี่ในบ้านนี้ไปแล้วงั้นหรือ
“ฉันสาบานเลยถ้าคุณยังแหกปากตะโกนไม่หยุดแบบนี้ ฉันจะไม่ให้คุณมาเหยียบบ้านนี้อีกต่อไป!”
คำขู่ของด็อตตี้ทำให้เสียงฝีเท้าดังมาจากทางหลังบ้านอย่างรวดเร็ว
“ฉันไม่ได้อยากมาที่นี่นักหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะฉันอยากเจอวีวี่!” เสียงนอร์ตันคำรามมาตามทาง
“ปิดประตูด้วย!” ด็อตตี้ท้าวสะเอวตะโกนสั่ง ก่อนที่จะหันมาทางผม “หลังบ้านเราเป็นผนังกระจกที่ตัดทะลุไปที่กลางสวนน่ะ ถ้าเราลืมปิดประตู เราคงหนาวตาย”
“เรา” วีโอล่าทวน อมยิ้มเล็กน้อย “พ่อมาหาแม่ที่นี่บ่อยกว่าเดิมหรือ”
ด็อตตี้ยืนฟังเสียงนอร์ตันปิดประตูกระจกอย่างว่าง่าย
“พ่อของลูกมาที่นี่บ่อย
เกินไป” ด็อตตี้เบ้ปาก “มาก
เกินไปสำหรับคนที่หย่ากันแล้ว --”
ตอนนั้นเองที่ร่างของนอร์ตันเดินมาจากทางหลังบ้าน ร่างสูงที่สวมชุดเสื้อคลุมสีขาวตัวยาวเดินตรงมาทางเราอย่างรวดเร็ว ใบหน้ายาวดูเปล่งปลั่งจากหนวดสีเงินที่ได้รับการดูแลอย่างประณีต และมันเปล่งประกายมากกว่าเดิมในตอนที่เห็นวีโอล่ายืนอยู่กลางห้อง
“วีวี่” เขาเรียก ตรงปรี่มากอดเธอ จนกลิ่นกุหลาบอ่อนๆฟุ้งไปทั่วบริเวณ
ตอนนั้นเองที่ผมนึกขึ้นได้ว่าทั้งนอร์ตัน และด็อตตี้มีกลิ่นกายแบบเดียวกันกับวีโอล่า -- แวบหนึ่งสามพ่อแม่ลูกนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าพวกเขาช่างดูราวกับถูกสร้างมาจากดอกกุหลาบก็ไม่ปาน
ต่างสวยงาม และหอมหวน --
แล้วโดยไม่ทันตั้งตัว นอร์ตันก็รั้งร่างผมเข้าไปกอดแน่น แบบเดียวกันกับที่ด็อตตี้กอดผม หากแต่สิ่งที่นอร์ตันทำมากว่านั้น ก็คือเขาจุมพิตแก้มผมฟอดใหญ่ -- จากนั้นจึงตามมาด้วยจุมพิตริมฝีปากผมเบาๆ ราวกับว่ามันเป็นการทักทายที่ปกติธรรมดาในบ้านหลังนี้
ท่าทีอันสนิทชิดเชื้อนั้นทำให้ผมเบิกตาโพลง แล้วเผลอมองไปทางวีโอล่าสลับกับด็อตตี้ ที่ยังคงยืนถือกล่องเค้กอยู่ -- และมันทำให้ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่การทักทายที่ปกติธรรมดาในบ้านหลังนี้แน่
“นอร์ตัน!!!” ด็อตตี้แหว
นอร์ตันปล่อยมือจากผม “ขอโทษที” เขาหัวเราะ ราวกับช่วยไม่ได้ “ช่วงนี้ฉันอารมณ์ศิลปินสูงน่ะ ฉันกำลังเขียนงานเพลงชิ้นใหม่”
“โธ่ พ่อ” วีโอล่าถอนหายใจยาวเหยียด
“คุณกำลังทำให้งานของวีโอล่ามีปัญหา” ด็อตตี้เดินมายัดกล่องเค้กใส่มือนอร์ตัน “ลอรี่เขาเป็นคนร่วมงานคนสำคัญกับวีโอล่า ถ้าเขาถอนตัวเพราะถูกคุณ
จูบ แล้วทำให้งานของวีโอล่ามีปัญหา ฉันเอาคุณตายแน่ นอร์ตัน”
“สวัสดี” นอร์ตันเปลี่ยนมาจับมือผม แล้วเขย่าเบาๆอย่างมีมารยาท “ผมนอร์ตัน -- คุณคือลอรี่สินะ”
“ลอว์เรนซ์น่ะครับ” ผมแก้ ยังคงรู้สึกแปลกพิลึกที่ถูกจุมพิตไม่หาย “แต่คุณเรียกผมว่าลอรี่ก็ได้”
“ปล่อยมือจากเขา” ด็อตตี้สั่ง
แต่นอร์ตันยังคงจับมือผมแน่น จนกระทั่งวีโอล่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “พ่อ” เขาจึงยอมปล่อยมือจากผม แล้วตามด็อตตี้เข้าไปในครัว
“มาช่วยฉันจัดโต๊ะ” ด็อตตี้สั่ง จ้องนอร์ตันโดยไม่ละสายตา “ฉันไม่ไว้ใจให้คุณอยู่กับลอรี่ตามลำพังแล้ว”
วีโอล่ารอจนพ่อแม่เดินหายไปในครัว เธอจึงหันมาทางผม แล้วยกมือขึ้นเช็ดริมฝีปากผมเบาๆ “ไหวไหม ลอรี่” เธอกลั้นหัวเราะ
ผมเดินตามวีโอล่าไปทางห้องที่อยู่หลังตัวบ้าน ก่อนจะตื่นตากับห้องนั่งเล่นอันอบอุ่นขนาดใหญ่ที่ล้อมด้วยกำแพงกระจกใส เผยให้เห็นสวนกว้างที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
“มันเป็นสวนที่เต็มไปด้วยพืชไม้นานาพันธุ์ ไปจนถึงแปลงดอกกุหลาบ” วีโอล่าชี้ไปทางสวน “แต่ตอนนี้คุณคงเห็นแค่หิมะ -- พ่อกับแม่ลงทุนสร้างห้องนี้ไปมาก เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะพร้อมสำหรับฤดูหนาว”
ผมมองเก้าอี้บุนวมขนาดใหญ่ รูปปั้นที่ตั้งประดับตามมุมห้อง พรมผืนหนา และเปียโนหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องอย่างตื่นตาตื่นใจ
“พวกคุณเป็นเจ้าของสวนสวรรค์” ผมพูดออกมา “ที่นี่สวยมากเลย วีโอล่า”
“พ่อกับแม่ตั้งใจสร้างบ้านที่ริมทะเลสาบนี่ มันสงบ และไกลจากตัวเมืองที่วุ่นวาย” วีโอล่ามองสวนนอกกระจก “ที่นี่สงบมากจนทำให้พวกท่านยังมาเจอกันที่นี่อยู่บ่อยๆ ต่อให้จะหย่ากันไปแล้วก็ตาม”
ผมไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไรต่อหลังจากนี้
“บ้านนี้เป็นบ้านของเรา ของพ่อ แม่ และฉันอย่างแท้จริง” วีโอล่าพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “พ่อกับแม่ไม่เคยพาคนรักใหม่มาที่นี่ -- แม่มาที่นี่ในตอนที่อยากมีเวลาส่วนตัวจากหนุ่มรุ่นใหญ่คนนั้น และพ่อก็มาที่นี่ในตอนที่อยากปลีกวิเวกจากหนุ่มหน้าใสคนนั้น -- ฉันเองก็มาที่นี่ ในตอนที่อยากหนีจากชีวิตอันวุ่นวาย” เธอหันมามองผม “บางครั้งนักข่าว กับพวกทางค่ายก็ทำให้ฉันเหนื่อยใจน่ะ”
ผมปะติดปะต่อเรื่องราวนั้นเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว
พ่อกับแม่ของเธอหย่ากันเมื่อนานมาแล้ว และต่างไปมีชีวิตใหม่ของตัวเอง -- นี่เป็นเรื่องที่วีโอล่าไม่เคยพูดถึงมาก่อน
ด็อตตี้มีคนรักใหม่ เป็นหนุ่มรุ่นใหญ่คนหนึ่ง
และนอร์ตัน --
นอร์ตันรักผู้ชายหรอกหรือ -- ผมเหลือบมองวีโอล่า
วีโอล่าดูปกติกับเรื่องที่ตัวเองพูดถึงอยู่ -- เธอไม่เหมือนหญิงสาวที่มีปัญหาครอบครัว หรือเด็กที่โตมาโดยมีอดีตอันเลวร้ายเกี่ยวกับพ่อแม่ตนเองแม้สักนิด
เธอดู -- ปกติธรรมดาอย่างที่สุด
แล้วความมืดยามพลบค่ำก็มาถึงพร้อมกับมื้อค่ำคริสต์มาส
ด็อตตี้กับนอร์ตันอาจจะเป็นอดีตสามีภรรยาที่มีปากเสียงกันบ่อย และพูดจาเสียงดังใส่กันเกือบทุกประโยคก็จริง แต่พวกเขากลับทำอาหารออกมาได้เยี่ยมยอดมาก ตั้งแต่ไก่งวงอบ มันอบ ไปจนถึงสลัดที่นอร์ตันรับประกันว่าเป็นออร์แกนิคจากสวนของนิกกี้
ใครคือนิกกี้ --
“พ่อหนุ่มหน้าใส หวานใจคนใหม่ของนอร์ตันน่ะ” ด็อตตี้อธิบายเมื่อเห็นสีหน้าของผม “ขอบคุณมากที่เอาเค้กผลไม้มาฝากเรา ลอรี่ที่รัก เพราะนอร์ตันน่ะ อบเค้กไหม้ไปสองรอบแล้ว เขาเป็นคนทำขนมที่แย่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอ”
สลักรัก The Last Masterpiece ตอนที่ 10
ผมพยายามจัดแต่งตัวเองให้ดูดีที่สุด และเฝ้าบอกตัวเองว่าเส้นผมไม่ได้ยุ่งเกินไป เสื้อผ้าไม่ได้ดูไร้รสนิยมเกินไป หรือสีหน้าไม่ได้ดูตื่นเต้นมากเกินไป
จากนั้นผมก็พยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองดูกังวล หรือตื่นเต้นมากเกินไปที่จะได้เจอพ่อแม่ของวีโอล่า
ทว่าวีโอล่ามองเห็นอาการทั้งหมดนั่นผ่านมือที่สั่น และท่าทีที่ดูประหม่าอย่างชัดเจนของผม
วีโอล่าจับมือของผมอย่างให้กำลังใจ
“พวกท่านอาจจะมีเสียงดังบ้าง แต่พวกท่านขึ้นเสียงใส่กันเองเท่านั้นแหละ” เธอกระซิบ “พวกท่านรักคุณแน่ และอาจจะทำให้คุณเบื่อกับการชวนคุยเรื่องศิลปะและท่องเที่ยวอีกสักหน่อย ไม่มีอะไรที่คุณต้องกังวลหรอก”
อย่างนั้นหรือ -- ผมนึก หากแต่พยักหน้ารับกลับไป
เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากทางด้านหลังประตู จากนั้นหญิงร่างเล็กก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับกลิ่นกุหลาบอ่อนๆที่ฟุ้งมาแตะปลายจมูก
เธอส่งยิ้มมาให้วีโอล่าในทันที
“วีวี่” หญิงร่างเล็กกอดวีโอล่าแน่น จากนั้นจึงหันมาทางผม “เธอคงเป็นลอว์เรนซ์”
ผมสะดุ้งเมื่อถูกเธอกอด
“เรียกฉันว่าด็อตตี้” เธอบอก
ผมไม่คิดว่าแม่วีโอล่าจะเป็นกันเองกับผมได้เร็วขนาดนั้น
“ผมมีเค้กมาฝาก” ผมยื่นกล่องกระดาษที่บรรจุเค้กผลไม้ให้ “วีโอล่าบอกว่าคุณชอบเค้กผลไม้”
“ลอว์เรนซ์อบเค้กเองค่ะ” วีโอล่าเสริม “เขาลงทุนซื้ออุปกรณ์และวัตถุดิบมาเพื่ออบเค้กนี้เลยนะคะ”
ผมนึกถึงครัวที่แทบจะว่างเปล่าของเรา ที่เพิ่งจะมีอุปกรณ์ทำขนมเพิ่มเข้ามา -- ด็อตตี้คงไม่ชอบใจนัก ถ้ารู้ว่าที่อยู่ของเราเป็นแบบนั้น
ด็อตตี้ขยิบตาให้ผมอย่างถูกอกถูกใจ ก่อนที่จะเดินนำวีโอล่ากับผมเข้ามาในบ้าน พลันเสียงนุ่มนวลก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวอย่างรวดเร็ว “นอร์ตัน!!!”
ผมสะดุ้งอย่างลืมตัว
“นอร์ตัน!!!” ด็อตตี้ตะเบ็งเสียงดังขึ้นกว่าเดิม
“อะไร!!!” เสียงทุ้มคำรามกลับมาจากทางหลังบ้าน
“พวกเขามาถึงแล้ว!!!”
“ใคร!!”
“พวกเขา!!”
“พวกเขาไหน!!”
ด็อตตี้ท้าวสะเอว “วีวี่กับลอรี่!”
“ใครคือลอรี่!”
ผมสะดุ้ง ผมคือลอรี่ในบ้านนี้ไปแล้วงั้นหรือ
“ฉันสาบานเลยถ้าคุณยังแหกปากตะโกนไม่หยุดแบบนี้ ฉันจะไม่ให้คุณมาเหยียบบ้านนี้อีกต่อไป!”
คำขู่ของด็อตตี้ทำให้เสียงฝีเท้าดังมาจากทางหลังบ้านอย่างรวดเร็ว
“ฉันไม่ได้อยากมาที่นี่นักหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะฉันอยากเจอวีวี่!” เสียงนอร์ตันคำรามมาตามทาง
“ปิดประตูด้วย!” ด็อตตี้ท้าวสะเอวตะโกนสั่ง ก่อนที่จะหันมาทางผม “หลังบ้านเราเป็นผนังกระจกที่ตัดทะลุไปที่กลางสวนน่ะ ถ้าเราลืมปิดประตู เราคงหนาวตาย”
“เรา” วีโอล่าทวน อมยิ้มเล็กน้อย “พ่อมาหาแม่ที่นี่บ่อยกว่าเดิมหรือ”
ด็อตตี้ยืนฟังเสียงนอร์ตันปิดประตูกระจกอย่างว่าง่าย
“พ่อของลูกมาที่นี่บ่อยเกินไป” ด็อตตี้เบ้ปาก “มากเกินไปสำหรับคนที่หย่ากันแล้ว --”
ตอนนั้นเองที่ร่างของนอร์ตันเดินมาจากทางหลังบ้าน ร่างสูงที่สวมชุดเสื้อคลุมสีขาวตัวยาวเดินตรงมาทางเราอย่างรวดเร็ว ใบหน้ายาวดูเปล่งปลั่งจากหนวดสีเงินที่ได้รับการดูแลอย่างประณีต และมันเปล่งประกายมากกว่าเดิมในตอนที่เห็นวีโอล่ายืนอยู่กลางห้อง
“วีวี่” เขาเรียก ตรงปรี่มากอดเธอ จนกลิ่นกุหลาบอ่อนๆฟุ้งไปทั่วบริเวณ
ตอนนั้นเองที่ผมนึกขึ้นได้ว่าทั้งนอร์ตัน และด็อตตี้มีกลิ่นกายแบบเดียวกันกับวีโอล่า -- แวบหนึ่งสามพ่อแม่ลูกนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าพวกเขาช่างดูราวกับถูกสร้างมาจากดอกกุหลาบก็ไม่ปาน
ต่างสวยงาม และหอมหวน --
แล้วโดยไม่ทันตั้งตัว นอร์ตันก็รั้งร่างผมเข้าไปกอดแน่น แบบเดียวกันกับที่ด็อตตี้กอดผม หากแต่สิ่งที่นอร์ตันทำมากว่านั้น ก็คือเขาจุมพิตแก้มผมฟอดใหญ่ -- จากนั้นจึงตามมาด้วยจุมพิตริมฝีปากผมเบาๆ ราวกับว่ามันเป็นการทักทายที่ปกติธรรมดาในบ้านหลังนี้
ท่าทีอันสนิทชิดเชื้อนั้นทำให้ผมเบิกตาโพลง แล้วเผลอมองไปทางวีโอล่าสลับกับด็อตตี้ ที่ยังคงยืนถือกล่องเค้กอยู่ -- และมันทำให้ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่การทักทายที่ปกติธรรมดาในบ้านหลังนี้แน่
“นอร์ตัน!!!” ด็อตตี้แหว
นอร์ตันปล่อยมือจากผม “ขอโทษที” เขาหัวเราะ ราวกับช่วยไม่ได้ “ช่วงนี้ฉันอารมณ์ศิลปินสูงน่ะ ฉันกำลังเขียนงานเพลงชิ้นใหม่”
“โธ่ พ่อ” วีโอล่าถอนหายใจยาวเหยียด
“คุณกำลังทำให้งานของวีโอล่ามีปัญหา” ด็อตตี้เดินมายัดกล่องเค้กใส่มือนอร์ตัน “ลอรี่เขาเป็นคนร่วมงานคนสำคัญกับวีโอล่า ถ้าเขาถอนตัวเพราะถูกคุณ
จูบ แล้วทำให้งานของวีโอล่ามีปัญหา ฉันเอาคุณตายแน่ นอร์ตัน”
“สวัสดี” นอร์ตันเปลี่ยนมาจับมือผม แล้วเขย่าเบาๆอย่างมีมารยาท “ผมนอร์ตัน -- คุณคือลอรี่สินะ”
“ลอว์เรนซ์น่ะครับ” ผมแก้ ยังคงรู้สึกแปลกพิลึกที่ถูกจุมพิตไม่หาย “แต่คุณเรียกผมว่าลอรี่ก็ได้”
“ปล่อยมือจากเขา” ด็อตตี้สั่ง
แต่นอร์ตันยังคงจับมือผมแน่น จนกระทั่งวีโอล่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “พ่อ” เขาจึงยอมปล่อยมือจากผม แล้วตามด็อตตี้เข้าไปในครัว
“มาช่วยฉันจัดโต๊ะ” ด็อตตี้สั่ง จ้องนอร์ตันโดยไม่ละสายตา “ฉันไม่ไว้ใจให้คุณอยู่กับลอรี่ตามลำพังแล้ว”
วีโอล่ารอจนพ่อแม่เดินหายไปในครัว เธอจึงหันมาทางผม แล้วยกมือขึ้นเช็ดริมฝีปากผมเบาๆ “ไหวไหม ลอรี่” เธอกลั้นหัวเราะ
ผมเดินตามวีโอล่าไปทางห้องที่อยู่หลังตัวบ้าน ก่อนจะตื่นตากับห้องนั่งเล่นอันอบอุ่นขนาดใหญ่ที่ล้อมด้วยกำแพงกระจกใส เผยให้เห็นสวนกว้างที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
“มันเป็นสวนที่เต็มไปด้วยพืชไม้นานาพันธุ์ ไปจนถึงแปลงดอกกุหลาบ” วีโอล่าชี้ไปทางสวน “แต่ตอนนี้คุณคงเห็นแค่หิมะ -- พ่อกับแม่ลงทุนสร้างห้องนี้ไปมาก เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะพร้อมสำหรับฤดูหนาว”
ผมมองเก้าอี้บุนวมขนาดใหญ่ รูปปั้นที่ตั้งประดับตามมุมห้อง พรมผืนหนา และเปียโนหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องอย่างตื่นตาตื่นใจ
“พวกคุณเป็นเจ้าของสวนสวรรค์” ผมพูดออกมา “ที่นี่สวยมากเลย วีโอล่า”
“พ่อกับแม่ตั้งใจสร้างบ้านที่ริมทะเลสาบนี่ มันสงบ และไกลจากตัวเมืองที่วุ่นวาย” วีโอล่ามองสวนนอกกระจก “ที่นี่สงบมากจนทำให้พวกท่านยังมาเจอกันที่นี่อยู่บ่อยๆ ต่อให้จะหย่ากันไปแล้วก็ตาม”
ผมไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไรต่อหลังจากนี้
“บ้านนี้เป็นบ้านของเรา ของพ่อ แม่ และฉันอย่างแท้จริง” วีโอล่าพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “พ่อกับแม่ไม่เคยพาคนรักใหม่มาที่นี่ -- แม่มาที่นี่ในตอนที่อยากมีเวลาส่วนตัวจากหนุ่มรุ่นใหญ่คนนั้น และพ่อก็มาที่นี่ในตอนที่อยากปลีกวิเวกจากหนุ่มหน้าใสคนนั้น -- ฉันเองก็มาที่นี่ ในตอนที่อยากหนีจากชีวิตอันวุ่นวาย” เธอหันมามองผม “บางครั้งนักข่าว กับพวกทางค่ายก็ทำให้ฉันเหนื่อยใจน่ะ”
ผมปะติดปะต่อเรื่องราวนั้นเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว
พ่อกับแม่ของเธอหย่ากันเมื่อนานมาแล้ว และต่างไปมีชีวิตใหม่ของตัวเอง -- นี่เป็นเรื่องที่วีโอล่าไม่เคยพูดถึงมาก่อน
ด็อตตี้มีคนรักใหม่ เป็นหนุ่มรุ่นใหญ่คนหนึ่ง
และนอร์ตัน --
นอร์ตันรักผู้ชายหรอกหรือ -- ผมเหลือบมองวีโอล่า
วีโอล่าดูปกติกับเรื่องที่ตัวเองพูดถึงอยู่ -- เธอไม่เหมือนหญิงสาวที่มีปัญหาครอบครัว หรือเด็กที่โตมาโดยมีอดีตอันเลวร้ายเกี่ยวกับพ่อแม่ตนเองแม้สักนิด
เธอดู -- ปกติธรรมดาอย่างที่สุด
แล้วความมืดยามพลบค่ำก็มาถึงพร้อมกับมื้อค่ำคริสต์มาส
ด็อตตี้กับนอร์ตันอาจจะเป็นอดีตสามีภรรยาที่มีปากเสียงกันบ่อย และพูดจาเสียงดังใส่กันเกือบทุกประโยคก็จริง แต่พวกเขากลับทำอาหารออกมาได้เยี่ยมยอดมาก ตั้งแต่ไก่งวงอบ มันอบ ไปจนถึงสลัดที่นอร์ตันรับประกันว่าเป็นออร์แกนิคจากสวนของนิกกี้
ใครคือนิกกี้ --
“พ่อหนุ่มหน้าใส หวานใจคนใหม่ของนอร์ตันน่ะ” ด็อตตี้อธิบายเมื่อเห็นสีหน้าของผม “ขอบคุณมากที่เอาเค้กผลไม้มาฝากเรา ลอรี่ที่รัก เพราะนอร์ตันน่ะ อบเค้กไหม้ไปสองรอบแล้ว เขาเป็นคนทำขนมที่แย่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอ”