เรื่องมีอยู่ว่า หนูกับแฟน รู้จักกันมาก่อนที่จะคบกันมาตั้งแต่เรียนมาประมาณนึงค่ะ ความสัมพันธ์ของหนูกับครอบครัวของแฟนก่อนที่จะคบกัน
คือค่อนข้างโอเคค่ะ พอเรียนจบ ทำงานแล้วกลับมาเจอกันอีกครั้ง เลยทักคุยกัน แล้วคบกันค่ะ แรกๆกับครอบครัวของแฟน พวกเค้าต้อนรับ
และก็เป็นบ้านหลังที่2 เป็นความสบายใจ ให้หนูค่อนข้างดีมากๆเลยค่ะ แต่จะมีกับพี่สาวของแฟนค่ะ ที่จะไม่ค่อยสนิทไม่ค่อยได้รู้จัก พูดคุยด้วย
อาจจะเพราะ หนูเป็นคนพูดน้อย เป็นคนเงียบๆค่ะ เลยไม่ค่อยได้พูดคุยอะไรกับเค้าเท่าไหร่ แต่ทุกอย่างก็ปกติค่ะ ไม่มีปัญหา จนคบมาเรื่อยๆค่ะ
ด้วยพื้นฐานของบ้านแฟนมีปัญาหาเรื่องหนี้สินรายวันเข้ามาค่อยข้างเยอะค่ะ ทำให้บางทีแฟนต้องกลับมาที่บ้าน คือ แฟนย้ายมาอยู่ที่บ้านหนูค่ะ
อยู่กัน2คน แฟนเลิกงานกลับมาบ้านต้องหน้าเครียด คอยรับสายที่บ้านตลอดเวลา จนบางทีต้องหาทางออกสมัครบัตรเครดิตเพื่อมาโปะหนี้ให้ทางบ้าน
4-5ใบ รถที่เค้าเก็บเงินซื้อมาตอนเรียนก็ต้องเอาไปขายเพื่อใช้หนี้ให้ทางบ้านค่ะ เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะคะ ก็คอยให้กำลังใจ ช่วยนิดๆหน่อยๆ
ซัพพอร์ตค่ากิน ค่าน้ำมันรถไปทำงานเค้าเสมอๆค่ะ ส่วนตัวแฟนคือเป็นคนดีมากๆค่ะ ช่วยเหลือ ดูแลเราดีทุกอย่าง เป็นคนประหยัดค่ะ เราเลยรับสิ่งที่
เค้าเป็นได้ทุกอย่าง จนปัญหาดีขึ้นเรื่อยๆ จนเรื่องหนี้สินของทางบ้านเค้าหมดไปค่ะ แต่สิ่งที่ตามมาคือ แฟนหนูต้องจมอยู่กับหนี้สินของตัวเอง เงินเก็บ
ไม่มีเลยค่ะ แล้วบวกกับหนูคบกับแฟนมาสักระยะ เวลาแฟนพาไปที่บ้านเค้า เวลาอยู่กับแม่ของแฟนแล้วเค้าจะชอบพูด เรื่องนานาจิตตังให้ฟัง โดยปัญหา
ที่เกิดเสมอๆเลยก็คือ ชอบเอาเรื่องแฟนเก่าของแฟนมาพูด มาชมเค้าให้เราฟัง แม้กระทั่งพูดว่าทางบ้านเค้ามาคุยเรื่องสินสอด งานหมั้นงานแต่ง อย่าง
ภูมิใจให้เราฟังค่ะ เราก็คิดแค่ว่าอดีตคืออดีตค่ะ จนบ่อยครั้งเราเริ่มน้อยใจมากๆค่ะ แฟนเลยไปบอกกับแม่ให้เลิกพูดเรื่องนี้ แม่แฟนก็เลิกพูดค่ะ แต่
หลังจากนั้นท่าทีเริ่มไม่โอเคกับเราค่ะ เหมือนเริ่มตีตัวออกห่างค่ะ จนที่ผ่านมาเมื่ออาทิตย์ก่อน พี่สาวแฟนเค้าเลิกกับแฟนค่ะ ตัวว่างเปล่ากลับมาบ้านพร้อมหนี้สินก้อนนึงค่ะ เราก็คิดว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไปอีกค่ะ จนเค้าบอกว่าจะยกรถให้แฟนหนู แล้วไปผ่อนเองค่ะ ด้วยภาระเดิมยังหมดไม่ถึงครึ่งค่ะ แล้วต้องมารับภาระ
เรื่องรถเพิ่มอีกค่ะ พี่สาวเค้าเลยให้ทางออกคือไปออกรถตู้ทึบอีกคันเพื่อมาวิ่งงานขนส่งค่ะ ตอนแรกเราก็ไม่อะไรค่ะ แต่แฟนมาเล่าให้ฟังว่าออกรถแล้วไม่รู้ว่างานจะมีหรือเปล่าค่ะ บวกกับวางแผนว่า ตอนเช้าจะทำงานประจำที่ทำงานเดิม8โมง ถึง 5โมงเย็นค่ะ แล้วจะออกไปวิ่งรถกลางคืนต่อจนเกือบเช้า แล้วให้พี่สาวมานอนบ้านเราค่ะ เราเลยรู้สึกว่า แฟนต้องแบกรับภาระเดิมอยู่ แล้วต้องมาแบกรับปัญหาที่พี่สาวเอามาให้อีก แล้วต้องมาแบกรับความเหนื่อยของงานบวกกับหนี้สินรถใหม่อีกคันเพิ่มอีก เราเลยคิดว่า ยังไงก็ไปกันไม่รอดค่ะ พี่สาวเค้าก็ยืนยันว่าเค้าทำงานบริษัทไม่ได้เพราะติดกรมบังคับคดีค่ะ วิ่งรถคือทางออกเดียว แล้วคนที่รับภาระมากที่สุดคือแฟนของหนูค่ะ ด้วยที่ก่อนหน้านี้ชีวิตดีขึ้นเยอะค่ะ หนูกับแฟนเลยคุยกันว่าจะช่วยกันใช้หนี้ และ เก็บตังงานผูกข้อมือเล็กๆ แล้วมีลูกเลยค่ะ เพราะชีวิตคือไปได้สวยและตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาร่วมทุกข์ร่วมสุขกันพร้อมจะเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆค่ะ แต่ทุกอย่างกลับมาล่มเพราะปัญหาตอนนี้ที่กำลังเจอค่ะ หนูเริ่มทะเลาะกับแฟนค่ะเรื่องที่เค้ามักจะพูดเสมอว่าเค้าต้องเป็นที่พึ่งให้ครอบครัวของเค้าให้ได้ แต่มีปัญหามาหนูคือคนที่จะช่วยเค้าเสมอ ซัพพอร์ตเค้ามาเสมอค่ะ ด้วยเค้าเป็นคนกลาง ถ้าเลือกได้เค้าจะเลือกครอบครัวเค้า เราเลยผิดหวังมากๆค่ะ แล้วเราก็เลยยื่นคำขาดเพราะกลัวเค้าจะไม่ไหวค่ะ โดยบอกว่าให้เอารถไปคืนเต้นท์ค่ะ แล้วพี่สาวเค้าไปหางานใช้หนี้ในส่วนของเค้า แฟนก็ใช้หนี้ส่วนของแฟนให้โอเคขึ้นจากเดิมก่อนค่ะ แล้วค่อยออกรถมาขับขนส่งค่ะ ถ้าไม่ทำแบบนั้นแฟนกับหนูคงไปต่อกันยากค่ะ เพราะ ต้องรับภาระแบบนี้ไปอีกนานค่ะ แล้วหนูกับแฟนก็อายุเข้าเลข3แล้วค่ะ ต้องรับภาระไปอีกต่ำๆก็6-7ปี เราจะต้องรอให้ชีวิตเค้าดีขึ้น กว่าหนี้สินจะหมดอีกค่ะ หนูเลยตัดสินใจไม่ได้ค่ะ ว่าจะไปต่อ แล้วรอเผื่อจะดีขึ้นสักหน่อย หรือ ออกมาใช้ชีวิตคนเดียวก่อน เพื่อที่วันนึงเราอาจจะเจอคนที่ใช่มากกว่าเค้า แต่ก็มีอีกมุมสงสารแฟนค่ะ เค้าอยากจะสร้างกับเราจริงๆ แล้วเราก็ดีต่อกันมากๆไม่เคยมีเรื่องทุกข์ใจเพราะเค้าเลยค่ะ ด้วยเค้าเป็นคนกลางไม่สามารถทำอะไรได้ หนูควรจะตัดสินใจยังไงต่อไปดีค่ะ ตอนนี้หนูรู้สึกเดินต่อก็ไม่ได้ ถอยก็ไม่ได้เลยค่ะ อยากให้ช่วยให้คำปรึกษา ช่วยให้หนูหาทางออกด้วยค่ะ🥺
ปล. อาจจะพิมพ์ยาว อ่านยาก หรือ ติดปัญหาตรงไหน หนูขออภัยด้วยนะคะ🙏
ครอบครัวของแฟนมีปัญหา ทำให้ความสัมพันธ์ของหนูกับแฟนมีปัญหาตามไปด้วยแบบนี้ควรทำยังไงดีคะ?
คือค่อนข้างโอเคค่ะ พอเรียนจบ ทำงานแล้วกลับมาเจอกันอีกครั้ง เลยทักคุยกัน แล้วคบกันค่ะ แรกๆกับครอบครัวของแฟน พวกเค้าต้อนรับ
และก็เป็นบ้านหลังที่2 เป็นความสบายใจ ให้หนูค่อนข้างดีมากๆเลยค่ะ แต่จะมีกับพี่สาวของแฟนค่ะ ที่จะไม่ค่อยสนิทไม่ค่อยได้รู้จัก พูดคุยด้วย
อาจจะเพราะ หนูเป็นคนพูดน้อย เป็นคนเงียบๆค่ะ เลยไม่ค่อยได้พูดคุยอะไรกับเค้าเท่าไหร่ แต่ทุกอย่างก็ปกติค่ะ ไม่มีปัญหา จนคบมาเรื่อยๆค่ะ
ด้วยพื้นฐานของบ้านแฟนมีปัญาหาเรื่องหนี้สินรายวันเข้ามาค่อยข้างเยอะค่ะ ทำให้บางทีแฟนต้องกลับมาที่บ้าน คือ แฟนย้ายมาอยู่ที่บ้านหนูค่ะ
อยู่กัน2คน แฟนเลิกงานกลับมาบ้านต้องหน้าเครียด คอยรับสายที่บ้านตลอดเวลา จนบางทีต้องหาทางออกสมัครบัตรเครดิตเพื่อมาโปะหนี้ให้ทางบ้าน
4-5ใบ รถที่เค้าเก็บเงินซื้อมาตอนเรียนก็ต้องเอาไปขายเพื่อใช้หนี้ให้ทางบ้านค่ะ เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะคะ ก็คอยให้กำลังใจ ช่วยนิดๆหน่อยๆ
ซัพพอร์ตค่ากิน ค่าน้ำมันรถไปทำงานเค้าเสมอๆค่ะ ส่วนตัวแฟนคือเป็นคนดีมากๆค่ะ ช่วยเหลือ ดูแลเราดีทุกอย่าง เป็นคนประหยัดค่ะ เราเลยรับสิ่งที่
เค้าเป็นได้ทุกอย่าง จนปัญหาดีขึ้นเรื่อยๆ จนเรื่องหนี้สินของทางบ้านเค้าหมดไปค่ะ แต่สิ่งที่ตามมาคือ แฟนหนูต้องจมอยู่กับหนี้สินของตัวเอง เงินเก็บ
ไม่มีเลยค่ะ แล้วบวกกับหนูคบกับแฟนมาสักระยะ เวลาแฟนพาไปที่บ้านเค้า เวลาอยู่กับแม่ของแฟนแล้วเค้าจะชอบพูด เรื่องนานาจิตตังให้ฟัง โดยปัญหา
ที่เกิดเสมอๆเลยก็คือ ชอบเอาเรื่องแฟนเก่าของแฟนมาพูด มาชมเค้าให้เราฟัง แม้กระทั่งพูดว่าทางบ้านเค้ามาคุยเรื่องสินสอด งานหมั้นงานแต่ง อย่าง
ภูมิใจให้เราฟังค่ะ เราก็คิดแค่ว่าอดีตคืออดีตค่ะ จนบ่อยครั้งเราเริ่มน้อยใจมากๆค่ะ แฟนเลยไปบอกกับแม่ให้เลิกพูดเรื่องนี้ แม่แฟนก็เลิกพูดค่ะ แต่
หลังจากนั้นท่าทีเริ่มไม่โอเคกับเราค่ะ เหมือนเริ่มตีตัวออกห่างค่ะ จนที่ผ่านมาเมื่ออาทิตย์ก่อน พี่สาวแฟนเค้าเลิกกับแฟนค่ะ ตัวว่างเปล่ากลับมาบ้านพร้อมหนี้สินก้อนนึงค่ะ เราก็คิดว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไปอีกค่ะ จนเค้าบอกว่าจะยกรถให้แฟนหนู แล้วไปผ่อนเองค่ะ ด้วยภาระเดิมยังหมดไม่ถึงครึ่งค่ะ แล้วต้องมารับภาระ
เรื่องรถเพิ่มอีกค่ะ พี่สาวเค้าเลยให้ทางออกคือไปออกรถตู้ทึบอีกคันเพื่อมาวิ่งงานขนส่งค่ะ ตอนแรกเราก็ไม่อะไรค่ะ แต่แฟนมาเล่าให้ฟังว่าออกรถแล้วไม่รู้ว่างานจะมีหรือเปล่าค่ะ บวกกับวางแผนว่า ตอนเช้าจะทำงานประจำที่ทำงานเดิม8โมง ถึง 5โมงเย็นค่ะ แล้วจะออกไปวิ่งรถกลางคืนต่อจนเกือบเช้า แล้วให้พี่สาวมานอนบ้านเราค่ะ เราเลยรู้สึกว่า แฟนต้องแบกรับภาระเดิมอยู่ แล้วต้องมาแบกรับปัญหาที่พี่สาวเอามาให้อีก แล้วต้องมาแบกรับความเหนื่อยของงานบวกกับหนี้สินรถใหม่อีกคันเพิ่มอีก เราเลยคิดว่า ยังไงก็ไปกันไม่รอดค่ะ พี่สาวเค้าก็ยืนยันว่าเค้าทำงานบริษัทไม่ได้เพราะติดกรมบังคับคดีค่ะ วิ่งรถคือทางออกเดียว แล้วคนที่รับภาระมากที่สุดคือแฟนของหนูค่ะ ด้วยที่ก่อนหน้านี้ชีวิตดีขึ้นเยอะค่ะ หนูกับแฟนเลยคุยกันว่าจะช่วยกันใช้หนี้ และ เก็บตังงานผูกข้อมือเล็กๆ แล้วมีลูกเลยค่ะ เพราะชีวิตคือไปได้สวยและตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาร่วมทุกข์ร่วมสุขกันพร้อมจะเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆค่ะ แต่ทุกอย่างกลับมาล่มเพราะปัญหาตอนนี้ที่กำลังเจอค่ะ หนูเริ่มทะเลาะกับแฟนค่ะเรื่องที่เค้ามักจะพูดเสมอว่าเค้าต้องเป็นที่พึ่งให้ครอบครัวของเค้าให้ได้ แต่มีปัญหามาหนูคือคนที่จะช่วยเค้าเสมอ ซัพพอร์ตเค้ามาเสมอค่ะ ด้วยเค้าเป็นคนกลาง ถ้าเลือกได้เค้าจะเลือกครอบครัวเค้า เราเลยผิดหวังมากๆค่ะ แล้วเราก็เลยยื่นคำขาดเพราะกลัวเค้าจะไม่ไหวค่ะ โดยบอกว่าให้เอารถไปคืนเต้นท์ค่ะ แล้วพี่สาวเค้าไปหางานใช้หนี้ในส่วนของเค้า แฟนก็ใช้หนี้ส่วนของแฟนให้โอเคขึ้นจากเดิมก่อนค่ะ แล้วค่อยออกรถมาขับขนส่งค่ะ ถ้าไม่ทำแบบนั้นแฟนกับหนูคงไปต่อกันยากค่ะ เพราะ ต้องรับภาระแบบนี้ไปอีกนานค่ะ แล้วหนูกับแฟนก็อายุเข้าเลข3แล้วค่ะ ต้องรับภาระไปอีกต่ำๆก็6-7ปี เราจะต้องรอให้ชีวิตเค้าดีขึ้น กว่าหนี้สินจะหมดอีกค่ะ หนูเลยตัดสินใจไม่ได้ค่ะ ว่าจะไปต่อ แล้วรอเผื่อจะดีขึ้นสักหน่อย หรือ ออกมาใช้ชีวิตคนเดียวก่อน เพื่อที่วันนึงเราอาจจะเจอคนที่ใช่มากกว่าเค้า แต่ก็มีอีกมุมสงสารแฟนค่ะ เค้าอยากจะสร้างกับเราจริงๆ แล้วเราก็ดีต่อกันมากๆไม่เคยมีเรื่องทุกข์ใจเพราะเค้าเลยค่ะ ด้วยเค้าเป็นคนกลางไม่สามารถทำอะไรได้ หนูควรจะตัดสินใจยังไงต่อไปดีค่ะ ตอนนี้หนูรู้สึกเดินต่อก็ไม่ได้ ถอยก็ไม่ได้เลยค่ะ อยากให้ช่วยให้คำปรึกษา ช่วยให้หนูหาทางออกด้วยค่ะ🥺
ปล. อาจจะพิมพ์ยาว อ่านยาก หรือ ติดปัญหาตรงไหน หนูขออภัยด้วยนะคะ🙏