Top Gun : Maverick
ใครจะไปคิดว่า Top Gun จะมีภาคต่อหลังเวลาผ่านไป 36 ปี (จริงๆถ้านับกำหนดฉายครั้งแรก 2019 ก็ 33 ปี นานอยู่ดี) พอเลื่อนมาก็เจอโควิด ทีนี้ละยาวเลย และในขณะที่หนังเรื่องอื่นๆถอดใจลงสตรีมมิ่ง แต่ TG:M โดย ป๋าทอม ก็ยังยืนหยัดอย่างแน่วแน่ว่าหนังเรื่องนี้ต้องได้ฉายในโรงภาพยนตร์ นั่นทำให้หนังเลื่อนยาวไปจากกำหนดการเกิมถึง 3 ปี แต่มันคือ 3 ปีที่คุ้มค่า ปละผลตอบรับของหนังก็กระหึ่มไปด้วยเสียงชื่นชม และพอได้รับชม มันก็เป็นไปตามนั้น
หนังยังคงเล่าถึงพีท มิตเชล ฉายา ‘มาเวอริค’ (Tom Cruise) นักบินกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ในปัจจุบันยังคงตำแหน่งนักบิน และจากวีรกรรมล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่า ถึงพี่แกจะแก่ขนาดไหน แต่นิสัยท้าทายขีดจำกัดของตัวเองก็พาตัวเองไปล่อตีนนายพลอีกแล้ว แต่ก่อนจะโดนปลด เขาได้รับภารกิจถูกเรียกตัวกลับไปยัง TOP GUN เพื่อฝึกสอนเหล่า “ที่สุดในรุ่น” เพื่อปฏิบัติภารกิจที่ไม่เคยมีนักบินคนใดเคยเจอแม้แต่ตัวเขาเอง ภารกิจยิ่งเพิ่มความกดดันให้กับเขามากขึ้นเมื่อ 1 ในนักบินที่มาเวอริค ต้องสอนคือ แบรดลีย์ แบรดชอว์ ฉายา ‘รูสเตอร์’ (Miles Teller) ลูกชายของ กู๊ส คู่หูที่เสียชีวิตไปเพราะความยโสของเขา ภารกิจที่อาจเป็นการรับใช้ชาติครั้งสุดท้ายของมาเวอริค จึงต้องขนานไปกับการปรับความเข้าใจกับรูสเตอร์พร้อมๆกัน
สิ่งแรกที่ต้องยอมรับคือการที่หนังเลือกจะเคารพต้นฉบับ(เคารพยันฟ้อนต์อ่ะครับ)
และยกระดับจากหนังโชว์ความ ใ จ เ ก เ ร ของภาคแรกสู่ภาคต่อที่มีหัวใจ เราจะเห็นว่าถึงมาเวอริคจะอายุมากขึ้นแค่ไหน จะดูอวดเก่ง มั่นใจมากแค่ไหน แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอดีตของเขาเอง เขาก็อ่อนแอได้เหมือนกัน ซึ่งถ้าเป็นตัวละครตัวอื่นที่อายุขนาดนี้ อย่างน้อยก็ต้องนิ่งขึ้นสุขุมขึ้น แต่ไม่ใช่กับมาเวอริค เขายังมุ่งมั่นที่จะยกระดับตัวเองเสมอ การตัดสินใจของเขา ยังอาศัยสัญชาตญาณ และเราก็จะได้เห็นว่ามันส่งผลขนาดไหน
ในส่วนของตัวละครรุ่นใหม่ เหล่านักบินที่ถูกฝึกในครั้งนี้ นอกจาก รูสเตอร์ ที่เป็นตัวละครที่คอยขับดันปมในใจของมาเวอริค จากเหตุการณ์ในอดีตเราจะเห็นว่ามันส่งผลต่อตัวตนของรูสเตอร์มากแค่ไหน ในขณะที่มาเวอริคใช้สัญชาตญาณ แต่ รูสเตอร์ เป็นพวกใช้หลักการ การสะสางปมของทั้งสองตัวละครคือจุดที่อึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก เราเข้าใจทั้งสองตัวละคร มันกลืนไม่เข้า คายไม่ออก ฝั่งนึงก็ลูกเพื่อนที่ตายเพราะตัวเอง อีกฝั่งคือ เพื่อนพ่อ ครูฝึก สิ่งที่เหมือนกันของสองคนคือเขาไม่เคยเข้าใจ กันและกัน ปมส่วนนี้ส่งผลกับช่วงสุดท้ายของหนังที่ยกระดับให้ตัวหนังว่าก่อนจบพวกเขาจะปรับความเข้าใจกันได้ไหม?
ทั้งเหล่านักบินเลือดใหม่ เราได้เห็นว่าพวกเขานิสัยแบบไหน เราได้เห็นพวกเขาฝึก แต่มันยังไม่สะกดใจพวกเราเท่าไหร่ โดดเด่นที่สุดต้องยกให้ แฮงค์แมน (Glen Powell) นี่มันร่างทรงของ ไอซ์แมน ของ Val Kilmer ชัดๆ แค่เป็นฉบับปากเสียมากกว่าในขณะที่ไอซแมน สุขุมกว่า นิ่งกว่า ซึ่งอันนี้ต้องยอมรับว่าด้วยเวลา 2ชั่วโมงกว่าๆ การกระจายบทเกือบ 10 ตัวแทบจะไม่มีทางทำได้ ปุปปับ ก็ต้องออกภาคสนาม ตรงนี้ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่
บทของ เพนนี เบนจามิน อันนี้หลายสำนักบอกว่าไม่ต้องใส่มาก็ได้ อันนี้ขอมองต่าง ตัวละครตัวนี้ไม่ได้ใส่มาแค่โชว์ว่า เอ้ย เราก็มีนางเอกนะ หรือโชว์ความโรแมนติก แต่ใส่มาเพื่อให้เห็นด้านอื่นๆของมาเวอริคว่าเขาก็ไม่ใช่จะไม่สนใจอะไรเลยนอกจากเครื่องบิน นี่เป็นตัวละครที่คอยให้คำแนะนำ ให้กำลังใจแบบที่ตัวละครวัยผู้ใหญ่ทำกัน
รับเชิญอย่าง ทอม คาซินสกี้ ‘ไอซ์แมน’ คือรับเชิญที่เราใจฟูมาก เพราะเราทราบถึงอาการป่วยของ Val Kilmer มาโดยตลอด การกลับมารับเชิญของเขา ทำให้เรารู้สึกถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนแท้หนึ่งเดียวที่มาเวอร์ริกมี
ฝั่งงานสร้างคงไม่ต้องพูดเยอะเพราะโหมโปรโมตมากว่า ถ่ายทำจริง ใช้กล้องติดห้องนักบิน 6 ตัว พานักแสดงบินเครื่องบินรบจริงๆ ผลลัพธ์คือ หนังที่มีฉากบินสมจริงที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีตอนนี้จะทำได้ เราได้เห็นสีหน้าจริงๆของเหล่านักแสดง เห็นถึงการตอบสนองต่อเหตุการณ์ตรงหน้าของพวกเขา และเห็นมุมมองที่ไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนในหนังเรื่องไหนก็ตาม นั่นทำให้เรา
อินและตื่นเต้นกับหนังมากๆ หัวใจคุณรู้สึกได้เมื่อเห็นฉากเหล่านี้
Top Gun : Maverick คือหนังที่หากคุณมีโอกาสควรรับชมในโรงภาพยนตร์ เพราะนี้คือ Cinematic Experience ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของปีนี้ และเข้าใจเลยว่าทำไม ป๋าทอมถึงพยายามเพื่อให้หนังได้ฉายโรงก่อนลงสตรีมมิ่ง เพราะไม่มีทางที่เราจะได้ประสบการณ์แบบนี้แน่นอน
#CatontheCrossroad
#TopGun #TopGunmaverick
#ท็อปกันมาเวอริค #ท็อปกัน #สนุก
#SanookJungrai
[SR] Top Gun Maverick - ภาคต่อที่ยกระดับขึ้นและเปี่ยมล้นด้วย Passion
ใครจะไปคิดว่า Top Gun จะมีภาคต่อหลังเวลาผ่านไป 36 ปี (จริงๆถ้านับกำหนดฉายครั้งแรก 2019 ก็ 33 ปี นานอยู่ดี) พอเลื่อนมาก็เจอโควิด ทีนี้ละยาวเลย และในขณะที่หนังเรื่องอื่นๆถอดใจลงสตรีมมิ่ง แต่ TG:M โดย ป๋าทอม ก็ยังยืนหยัดอย่างแน่วแน่ว่าหนังเรื่องนี้ต้องได้ฉายในโรงภาพยนตร์ นั่นทำให้หนังเลื่อนยาวไปจากกำหนดการเกิมถึง 3 ปี แต่มันคือ 3 ปีที่คุ้มค่า ปละผลตอบรับของหนังก็กระหึ่มไปด้วยเสียงชื่นชม และพอได้รับชม มันก็เป็นไปตามนั้น
หนังยังคงเล่าถึงพีท มิตเชล ฉายา ‘มาเวอริค’ (Tom Cruise) นักบินกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ในปัจจุบันยังคงตำแหน่งนักบิน และจากวีรกรรมล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่า ถึงพี่แกจะแก่ขนาดไหน แต่นิสัยท้าทายขีดจำกัดของตัวเองก็พาตัวเองไปล่อตีนนายพลอีกแล้ว แต่ก่อนจะโดนปลด เขาได้รับภารกิจถูกเรียกตัวกลับไปยัง TOP GUN เพื่อฝึกสอนเหล่า “ที่สุดในรุ่น” เพื่อปฏิบัติภารกิจที่ไม่เคยมีนักบินคนใดเคยเจอแม้แต่ตัวเขาเอง ภารกิจยิ่งเพิ่มความกดดันให้กับเขามากขึ้นเมื่อ 1 ในนักบินที่มาเวอริค ต้องสอนคือ แบรดลีย์ แบรดชอว์ ฉายา ‘รูสเตอร์’ (Miles Teller) ลูกชายของ กู๊ส คู่หูที่เสียชีวิตไปเพราะความยโสของเขา ภารกิจที่อาจเป็นการรับใช้ชาติครั้งสุดท้ายของมาเวอริค จึงต้องขนานไปกับการปรับความเข้าใจกับรูสเตอร์พร้อมๆกัน
สิ่งแรกที่ต้องยอมรับคือการที่หนังเลือกจะเคารพต้นฉบับ(เคารพยันฟ้อนต์อ่ะครับ)
และยกระดับจากหนังโชว์ความ ใ จ เ ก เ ร ของภาคแรกสู่ภาคต่อที่มีหัวใจ เราจะเห็นว่าถึงมาเวอริคจะอายุมากขึ้นแค่ไหน จะดูอวดเก่ง มั่นใจมากแค่ไหน แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอดีตของเขาเอง เขาก็อ่อนแอได้เหมือนกัน ซึ่งถ้าเป็นตัวละครตัวอื่นที่อายุขนาดนี้ อย่างน้อยก็ต้องนิ่งขึ้นสุขุมขึ้น แต่ไม่ใช่กับมาเวอริค เขายังมุ่งมั่นที่จะยกระดับตัวเองเสมอ การตัดสินใจของเขา ยังอาศัยสัญชาตญาณ และเราก็จะได้เห็นว่ามันส่งผลขนาดไหน
ในส่วนของตัวละครรุ่นใหม่ เหล่านักบินที่ถูกฝึกในครั้งนี้ นอกจาก รูสเตอร์ ที่เป็นตัวละครที่คอยขับดันปมในใจของมาเวอริค จากเหตุการณ์ในอดีตเราจะเห็นว่ามันส่งผลต่อตัวตนของรูสเตอร์มากแค่ไหน ในขณะที่มาเวอริคใช้สัญชาตญาณ แต่ รูสเตอร์ เป็นพวกใช้หลักการ การสะสางปมของทั้งสองตัวละครคือจุดที่อึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก เราเข้าใจทั้งสองตัวละคร มันกลืนไม่เข้า คายไม่ออก ฝั่งนึงก็ลูกเพื่อนที่ตายเพราะตัวเอง อีกฝั่งคือ เพื่อนพ่อ ครูฝึก สิ่งที่เหมือนกันของสองคนคือเขาไม่เคยเข้าใจ กันและกัน ปมส่วนนี้ส่งผลกับช่วงสุดท้ายของหนังที่ยกระดับให้ตัวหนังว่าก่อนจบพวกเขาจะปรับความเข้าใจกันได้ไหม?
ทั้งเหล่านักบินเลือดใหม่ เราได้เห็นว่าพวกเขานิสัยแบบไหน เราได้เห็นพวกเขาฝึก แต่มันยังไม่สะกดใจพวกเราเท่าไหร่ โดดเด่นที่สุดต้องยกให้ แฮงค์แมน (Glen Powell) นี่มันร่างทรงของ ไอซ์แมน ของ Val Kilmer ชัดๆ แค่เป็นฉบับปากเสียมากกว่าในขณะที่ไอซแมน สุขุมกว่า นิ่งกว่า ซึ่งอันนี้ต้องยอมรับว่าด้วยเวลา 2ชั่วโมงกว่าๆ การกระจายบทเกือบ 10 ตัวแทบจะไม่มีทางทำได้ ปุปปับ ก็ต้องออกภาคสนาม ตรงนี้ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่
บทของ เพนนี เบนจามิน อันนี้หลายสำนักบอกว่าไม่ต้องใส่มาก็ได้ อันนี้ขอมองต่าง ตัวละครตัวนี้ไม่ได้ใส่มาแค่โชว์ว่า เอ้ย เราก็มีนางเอกนะ หรือโชว์ความโรแมนติก แต่ใส่มาเพื่อให้เห็นด้านอื่นๆของมาเวอริคว่าเขาก็ไม่ใช่จะไม่สนใจอะไรเลยนอกจากเครื่องบิน นี่เป็นตัวละครที่คอยให้คำแนะนำ ให้กำลังใจแบบที่ตัวละครวัยผู้ใหญ่ทำกัน
รับเชิญอย่าง ทอม คาซินสกี้ ‘ไอซ์แมน’ คือรับเชิญที่เราใจฟูมาก เพราะเราทราบถึงอาการป่วยของ Val Kilmer มาโดยตลอด การกลับมารับเชิญของเขา ทำให้เรารู้สึกถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนแท้หนึ่งเดียวที่มาเวอร์ริกมี
ฝั่งงานสร้างคงไม่ต้องพูดเยอะเพราะโหมโปรโมตมากว่า ถ่ายทำจริง ใช้กล้องติดห้องนักบิน 6 ตัว พานักแสดงบินเครื่องบินรบจริงๆ ผลลัพธ์คือ หนังที่มีฉากบินสมจริงที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีตอนนี้จะทำได้ เราได้เห็นสีหน้าจริงๆของเหล่านักแสดง เห็นถึงการตอบสนองต่อเหตุการณ์ตรงหน้าของพวกเขา และเห็นมุมมองที่ไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนในหนังเรื่องไหนก็ตาม นั่นทำให้เราอินและตื่นเต้นกับหนังมากๆ หัวใจคุณรู้สึกได้เมื่อเห็นฉากเหล่านี้
Top Gun : Maverick คือหนังที่หากคุณมีโอกาสควรรับชมในโรงภาพยนตร์ เพราะนี้คือ Cinematic Experience ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของปีนี้ และเข้าใจเลยว่าทำไม ป๋าทอมถึงพยายามเพื่อให้หนังได้ฉายโรงก่อนลงสตรีมมิ่ง เพราะไม่มีทางที่เราจะได้ประสบการณ์แบบนี้แน่นอน
#CatontheCrossroad
#TopGun #TopGunmaverick
#ท็อปกันมาเวอริค #ท็อปกัน #สนุก#SanookJungrai
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้