ทาร์ซานน้อย ขอแสดงความยินดีกับผู้ว่าราชการกรุงเทพฯคนใหม่ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ บุรุษผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี

กระทู้คำถาม
วันนี้(22พ.ค.65) สรุปผลคะแนนการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (อย่างไม่เป็นทางการ) ครบ 100% จากการนับคะแนนครบทุกหน่วยเลือกตั้ง 6,817 หน่วย มีประชาชนมาใช้สิทธิ 2,673,696 คน จากผู้มีสิทธิทั้งหมด 4,402,948คน คิดเป็นร้อยละ 60.73 โดยมีผลเลือกตั้งดังนี้ 

1. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครอิสระ ได้รับคะแนนไปทั้งหมด 1,386,769 คะแนน
2. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ 254,723 คะแนน
3. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร ผู้ว่าราชการ กทม. พรรคก้าวไกล 253,938 คะแนน
4. นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครอิสระ 230,534 คะแนน
5. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครอิสระ 214,805 คะแนน
6. รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครในนามอิสระ 79,009 คะแนน
7. นาวาอากาศตรีศิธา ทิวารี ผู้สมัครพรรคไทยสร้างไทย 73,826 คะแนน

ส่วนของผลการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร หรือ ส.ก. (อย่างไม่เป็นทางการ) เมื่อเวลา 02.10 น.

พรรคเพื่อไทย ได้ 19 ที่นั่ง
พรรคก้าวไกล ได้ 14 ที่นั่ง
พรรคประชาธิปปัตย์ ได้ 9 ที่นั่ง 
 
กลุ่มรักษ์กรุงเทพ ได้ 2 ที่นั่ง
พรรคพลังประชารัฐ ได้ 2 ที่นั่ง
พรรคไทยสร้างไทย ได้ 2 ที่นั่ง
กลุ่มอิสระได้ 2 ที่นั่ง
 

เปิดประวัติ รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ที่ได้รับฉายาว่า "รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี" ในฐานะผู้สมัครลงแข่งเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในสมัยของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ที่ได้ฉายาว่า "รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี" ด้วยภาพ Meme ถือถุงแกง หรือบ้างก็เทียบเป็นหนึ่งในทีม Avengers อย่าง the Hulk

เราจะพาไปทำความรู้จักกับชายที่มีชื่อว่า "ชัชชาติ" กันมากขึ้น

รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มีชื่อเล่นว่า ทริป เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2509 (ปัจจุบันอายุ 55 ปี) เป็นลูกคนสุดท้องของ พล.ต.อ.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กับ จิตต์จรุง สิทธิพันธุ์ (นามสกุลเดิม: กุลละวณิชย์) มีพี่สองคน ได้แก่

ดร.ปรีชญา สิทธิพันธุ์ อาจารย์ประจำภาควิชาสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ กรรมการแพทยสภาวาระ พ.ศ. 2562-2564 คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ซึ่งเป็นพี่ชายฝาแฝดของชัชชาติ มีชื่อเล่นว่า ทัวร์

ชัชชาติ จบระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และไปต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ก่อนที่จะไปเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้เกียรตินิยมอันดับ 1

จากนั้นชัชชาติได้ไปต่อ ป.โท ที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ในวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมโครงสร้าง และจบระดับปริญญาเอก ด้วยการใช้ทุนของมูลนิธิอานันทมหิดล ไปเรียนวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์

หลังจากที่ชัชชาติทำงานอยู่บริษัทเอกชนเป็นระยะเวลาหนึ่ง ได้ไปรับราชการเป็นอาจารย์สอนประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำให้ได้ตำแหน่งทางวิชาการเป็นรองศาสตราจารย์ และเคยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายจัดการทรัพย์สิน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548-2555

ระหว่างนั้นชัชชาติยังเคยเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง เช่น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด รวมไปถึงเป็นกรรมการอิสระ ให้กับบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จํากัด (มหาชน)

ชัชชาติ เคยเป็นที่ปรึกษานอกตำแหน่ง ให้กับกระทรวงคมนาคมในสมัยรัฐบาลทักษิณ ตลอดจนถึงรัฐบาลสมัคร จากนั้นได้ถูกทาบทามให้เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก่อนที่ภายหลังจะขึ้นเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555 จนถึงวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 โดยให้เหตุผลที่ว่าอยากเข้ามาสายการเมืองเป็นเพราะว่า อยากให้ลูกชายมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เนื่องจากลูกชายเพียงคนเดียว แสนปิติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้พิการทางการได้ยินตั้งแต่กำเนิด

ผลงานระหว่างที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของชัชชาติ ได้แก่ การแก้แบบสถานีกลางบางซื่อให้รองรับรถไฟความเร็วสูง , การแก้แบบสายสีแดงเข้มจาก 3 ทางเป็น 4 ทาง , การจัดซื้อจัดขบวนรถด่วนพิเศษ CNR จำนวน 8 ขบวน , การเปลี่ยนรางรถไฟในภาคเหนือตอนบนทั้งหมด , ให้ข้าราชการระดับ 9 ขึ้นไปนั่งรถเมล์มาทำงานแล้วรายงานปัญหา

ซึ่งจากแผนงานสุดท้ายที่ให้ราชการนั่งรถเมล์ เจ้าตัวไม่ใช่เพียงแค่สั่งการเท่านั้น แต่ตัวชัชชาติเองได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานด้วย นั่นคือการนั่งรถเมล์ไปทำงาน ได้สอบถามจากปากประชาชนเองโดยตรง เพื่อสะท้อนว่าประเทศไทยจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร
 
แต่ชัชชาติ ในฐานะหนึ่งใน ครม. เป็นที่รู้จักของประชาชนมากขึ้น จากภาพ Meme ถือถุงแกงไปวัด ซึ่งเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า วันนั้นตนไปประชุม ครม. ที่ จ.สุรินทร์ ซึ่งหลังจากที่วิ่งตอนเช้าเสร็จแล้วก่อนที่จะไปประชุม ตนได้แวะทำบุญที่วัดบูรพาราม เป็นวัดของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล จากนั้นคงมีชาวบ้านแถวนั้นถ่ายรูปเก็บไว้แล้วนำไปโพสต์บนช่องทางโซเชียลมีเดีย จึงเป็นที่มาของฉายา "รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี"

แต่จากจุดเล็ก ๆ ตรงนี้ทำให้รู้ว่านี่คือหนึ่งในช่องทางที่ดีในการเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทำให้ชัชชาติเลือกที่จะทำป้ายหาเสียงจำนวนน้อยกว่าผู้สมัครเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. คนอื่น ๆ และจากการที่ได้เห็นป้ายหาเสียงของต่างประเทศมีขนาดเล็กเพียงไซส์กระดาษ A3 ไม่บดบังทัศนวิสัย จึงเป็นจุดกำเนิดของป้ายหาเสียงที่มีขนาดเปลี่ยนไป ไม่บังทัศนวิสัย ไม่กีดขวางทางเดินเท้า

โดยชัชชาติ ได้ชูนโยบาย "9ดี" มาในการแข่งขันเลือกตั้งครั้งนี้ ประกอบไปด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9650000048641 , https://www.springnews.co.th/infographic/822885
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่