1
ผมมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น -- สบตามองอยู่นาน -- จนกระทั่งความรู้สึกบางอย่างแล่นปราดไปทั่วทั้งแผงอก และปลายนิ้ว
วินาทีนั้น ความรู้สึกนั้นทำให้ผมขยับตัวไม่ได้
วินาทีนั้น ดวงตาคู่นั้นราวกับจะตรึงให้ผมหยุดยืนอยู่ ณ ที่นั่นไปชั่วกัลปวสาน
แต่แล้วก็เป็นดวงตาคู่นั้นที่ทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว -- ผมสูดลมหายใจเข้าลึก -- ค่อยๆเดินวนไปอีกทางด้านหนึ่งอย่างช้าๆ -- หากแต่ดวงตาคู่นั้นก็ยังคงมองตามมาอย่างเงียบๆ
เป็นครั้งแรกที่ผมหลบสายตาคู่นั้น
และมันทำให้ผมเผลอมองไปยังริมฝีปากอิ่มนั่นโดยไม่รู้ตัว
ริมฝีปากที่ผมเคยได้แนบชิดและสัมผัสมาก่อน
ผมเบือนสายตาหนีในทันทีที่รู้ตัวว่าสายตาอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากนั้นนานเกินไป
และมันทำให้ผมเผลอมองไปยังทรวงอกของเธอ
ทรวงอกที่ผมเคยได้ยินเสียงหัวใจเต้นออกมาเบาๆ ในตอนที่เธอนอนหลับอยู่ข้างกาย
เธอ --
ผมมองไปยังฝ่ามือของเธอ -- และผมมองไม่เห็นแหวนที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายนั้น
ตอนนั้นเองที่สายตาผมเลื่อนกลับมาสบตามองเธอ คราวนี้ผมจ้องมองเธอนิ่ง ราวกับต้องการคำตอบบางอย่างจากริมฝีปากอิ่มนั่น
หากแต่เธอกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา --
ดวงตาคู่นั้นมองผมนิ่ง ใบหน้าเรียวที่งดงามราวกับรูปปั้นนั้นดูนิ่งสงบขึ้นมาในพริบตา จนแวบหนึ่งเธอทำให้ผมรู้สึกขึ้นมาว่าเธอในตอนนี้ช่างดูราวกับรูปสลักขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่เพียงหญิงสาวร่างบางที่มีเลือดเนื้อเช่นมนุษย์ทั่วไป
เธอทำให้ผมรู้สึกราวกับกำลังมองรูปสลักจากหินอ่อนอันงดงามที่ปราศจากซึ่งความรู้สึกใดๆ
แต่แล้วในตอนนั้นเองที่ผมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้น
มันคือความรู้สึกที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ความเย็นชา และท่าทีอันห่างเหิน -- มันคือความรู้สึกอันคุ้นเคย ที่ครั้งหนึ่งผมเคยได้รับอนุญาตให้ได้รับสัมผัสจากมันมาก่อน
มันคือความรักของผมกับเธอ
ความรักที่ครั้งหนึ่งผมเคยได้รับจุมพิตจากมัน และได้โอบกอดมันมาก่อนแล้ว
ความรู้สึกนั้นทำให้ผมสั่นสะท้านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ราวกับเธอจะสัมผัสได้ถึงตัวตนของผม เพราะในวินาทีนั้นดวงตาของเธอก็รื้นไปด้วยหยาดน้ำตา
ความรู้สึกที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้ความเฉยชานั้น ราวกับจะระเบิดออกมาจากภายในใจของเธอ -- อย่างรวดเร็ว และรุนแรง -- ราวกับพายุที่โหมกระหน่ำในฤดูหนาว
แล้วเมื่อรู้ตัวอีกที ทั้งผมและเธอต่างก็มองหน้ากันผ่านม่านน้ำตาของตัวเอง -- ต่างเหน็บหนาว และว่างเปล่า ราวกับรูปสลักอันเปลือยเปล่าที่ตั้งอยู่ในใจกลางพายุนั่นก็ไม่ปาน
สลักรัก The Last Masterpiece ตอนที่ 1
วินาทีนั้น ความรู้สึกนั้นทำให้ผมขยับตัวไม่ได้
วินาทีนั้น ดวงตาคู่นั้นราวกับจะตรึงให้ผมหยุดยืนอยู่ ณ ที่นั่นไปชั่วกัลปวสาน
แต่แล้วก็เป็นดวงตาคู่นั้นที่ทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว -- ผมสูดลมหายใจเข้าลึก -- ค่อยๆเดินวนไปอีกทางด้านหนึ่งอย่างช้าๆ -- หากแต่ดวงตาคู่นั้นก็ยังคงมองตามมาอย่างเงียบๆ
เป็นครั้งแรกที่ผมหลบสายตาคู่นั้น
และมันทำให้ผมเผลอมองไปยังริมฝีปากอิ่มนั่นโดยไม่รู้ตัว
ริมฝีปากที่ผมเคยได้แนบชิดและสัมผัสมาก่อน
ผมเบือนสายตาหนีในทันทีที่รู้ตัวว่าสายตาอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากนั้นนานเกินไป
และมันทำให้ผมเผลอมองไปยังทรวงอกของเธอ
ทรวงอกที่ผมเคยได้ยินเสียงหัวใจเต้นออกมาเบาๆ ในตอนที่เธอนอนหลับอยู่ข้างกาย
เธอ --
ผมมองไปยังฝ่ามือของเธอ -- และผมมองไม่เห็นแหวนที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายนั้น
ตอนนั้นเองที่สายตาผมเลื่อนกลับมาสบตามองเธอ คราวนี้ผมจ้องมองเธอนิ่ง ราวกับต้องการคำตอบบางอย่างจากริมฝีปากอิ่มนั่น
หากแต่เธอกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา --
ดวงตาคู่นั้นมองผมนิ่ง ใบหน้าเรียวที่งดงามราวกับรูปปั้นนั้นดูนิ่งสงบขึ้นมาในพริบตา จนแวบหนึ่งเธอทำให้ผมรู้สึกขึ้นมาว่าเธอในตอนนี้ช่างดูราวกับรูปสลักขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่เพียงหญิงสาวร่างบางที่มีเลือดเนื้อเช่นมนุษย์ทั่วไป
เธอทำให้ผมรู้สึกราวกับกำลังมองรูปสลักจากหินอ่อนอันงดงามที่ปราศจากซึ่งความรู้สึกใดๆ
แต่แล้วในตอนนั้นเองที่ผมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้น
มันคือความรู้สึกที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ความเย็นชา และท่าทีอันห่างเหิน -- มันคือความรู้สึกอันคุ้นเคย ที่ครั้งหนึ่งผมเคยได้รับอนุญาตให้ได้รับสัมผัสจากมันมาก่อน
มันคือความรักของผมกับเธอ
ความรักที่ครั้งหนึ่งผมเคยได้รับจุมพิตจากมัน และได้โอบกอดมันมาก่อนแล้ว
ความรู้สึกนั้นทำให้ผมสั่นสะท้านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ราวกับเธอจะสัมผัสได้ถึงตัวตนของผม เพราะในวินาทีนั้นดวงตาของเธอก็รื้นไปด้วยหยาดน้ำตา
ความรู้สึกที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้ความเฉยชานั้น ราวกับจะระเบิดออกมาจากภายในใจของเธอ -- อย่างรวดเร็ว และรุนแรง -- ราวกับพายุที่โหมกระหน่ำในฤดูหนาว
แล้วเมื่อรู้ตัวอีกที ทั้งผมและเธอต่างก็มองหน้ากันผ่านม่านน้ำตาของตัวเอง -- ต่างเหน็บหนาว และว่างเปล่า ราวกับรูปสลักอันเปลือยเปล่าที่ตั้งอยู่ในใจกลางพายุนั่นก็ไม่ปาน