ผมเป็นคนหนึ่งที่อยากมีงานทำ ตั้งแต่เรียนจบและเคยทำงานประจำอยู่หลายปี ซึ่งก็มีความรู้สึกเบื่องาน งานที่ทำต่างมีภาระหน้าที่รับผิดชอบในงานมากขึ้นเพื่อตอบสนองความก้าวของกิจการนั้นซึ่งนั่นทำให้คนที่ทำงานอย่างผมทนรับภาระงานไม่ไหว ผมเลือกเรียนต่อในหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล NA ในสถาบันบริบาลแห่งหนึ่ง ปัจจุบันบันบอกได้ว่าสถาบันการเปิดสอนการบริบาลมีอยู่มากเพื่อผลิตบุคลากรทางการแพทย์ภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ แต่ด้วยสื่อโฆษณามังบอกว่า"จบมาแล้วมีงานทำ" จึงเป็นที่น่าสนใจต่อหลายๆคนที่อยากมีงานทำ ผมก็เช่นกันที่เกิดความสนใจในการทำงานสายนี้แต่ด้วยที่ว่าจบมาแล้วเรากลับหางานทำไม่ได้ ทั้งนี้สถานโรงพยาบาลหลายที่มักจะคัดกรองผู้สมัครด้วยหลักเกณฑ์ต่างๆนาๆ ที่เห็นได้ชัดมากในการสมัครงาน ทั้งเรื่อง
1เพศ
2 อายุ
3 ประสบการณ์
มักเป็นเป็นหาต่อการหางาน ผมก็เข้าใจนะงานการบริบาล ผู้ช่วยพยาบาลตามโรงพยาบาล หรือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุนิยมรับผู้หญิงข้าทำงานมากกว่าอีกทั้งจำกัดอายุ และ ต้องมีประสบการณ์ จึงอดคิดไม่ได้ว่าเพื่อตามสถานพยาบาลส่วนมากนิยมรับเพศหญิง แล้วจะให้มีให้ผู้ชายไปเรียนทำไมเมื่อในสถาบันการศึกษาไม่ได้จำกัดเพศแต่เมื่อต้องหางานสมัครงานคัดเอาแต่ผู้หญิง การที่มีการเปิดสอนให้ทั้ง ช/ญ เข้ามาศึกษาแสดงว่าควรเห็นควาเท่าเทียมในศักยภาพของการที่จะเรียนรู้รวมถึงทำงาน ทางด้านอายุคนเราไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่หากมีศักยภาพพอก็เรียนรู้และทำงานได้ ที่สำคัญคือประสบการณ์ โรงพยาบาลหลายที่เมื่อเปิดรับสมัครงานมักกำจัดว่า อายุงานกี่ปีๆขึ้นไป หรือการสมัครงานที่ไหนก็ตาม ตรงนี้พอทราบครับว่าทางหน่วยงานองค์กรต้องการคนที่มีคุณภาพทำงานแต่สำหรับคนที่จบใหม่ ไม่มีประสบการณ์ในสายงานแต่สนใจทำงานก็คงหมดโอกาสไปอย่างไร้ความหวัง จำกัดวุฒิด้วยก็มี ปางคนจบระดับปริญญาแต่ตำแหน่งนี้รับแค่ ปวช ปวส ม.6 การจำกัดต่างๆเหล่านี้เป็นไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ขององค์กรแต่ไม่สามารถตอบโจทย์ของผู้ต้องการหางานในแต่ละกรณี และยังเป็นการเพิ่มปัญหาการว่างงานมากขึ้น เมื่อสถาบันศึกษาทางวิชาชีพ ปวช ปวส มีการผลิตนักเรียน นักศึกษา เพิ่มทุกๆช่วงปี แต่ก็ยังมีปัญหาการว่างงาน ตกงาน หาที่บรรจุงานไม่ได้ แม้จะเรียนจบแต่การหางานยังเป็นไปได้ยาก
ปัจจุบันการหางานของคนในสังคมเป็นไปในหนทางที่ดิ่งลงเหว ประเทศไทยเราถือเป็นประเทศที่กำลังพัฒนามาหลายสิบกว่าปี แต่ปัจจุบันก็ยังคงเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา เราเคยสังเกตบ้างมั้ยว่าหากประเทศมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆได้จริงปัญหาการว่างงานของคนคงไม่ก่อเกิดขึ้นและเป็นแบบนี้เรื่อยมา หลายครั้งที่ผมได้เดินไปไหนๆตามข้างทางเรายังเห็นคนขอทาน เห็นคนนอนอยู่กลางสะพานลอย
หากปัญหาตรงนี้ยังไม่หมดไปประเทศคงพัฒนาไม่ได้
ใครว่าเรียนผู้ช่วยการพยาบาล naหางานง่าย
1เพศ
2 อายุ
3 ประสบการณ์
มักเป็นเป็นหาต่อการหางาน ผมก็เข้าใจนะงานการบริบาล ผู้ช่วยพยาบาลตามโรงพยาบาล หรือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุนิยมรับผู้หญิงข้าทำงานมากกว่าอีกทั้งจำกัดอายุ และ ต้องมีประสบการณ์ จึงอดคิดไม่ได้ว่าเพื่อตามสถานพยาบาลส่วนมากนิยมรับเพศหญิง แล้วจะให้มีให้ผู้ชายไปเรียนทำไมเมื่อในสถาบันการศึกษาไม่ได้จำกัดเพศแต่เมื่อต้องหางานสมัครงานคัดเอาแต่ผู้หญิง การที่มีการเปิดสอนให้ทั้ง ช/ญ เข้ามาศึกษาแสดงว่าควรเห็นควาเท่าเทียมในศักยภาพของการที่จะเรียนรู้รวมถึงทำงาน ทางด้านอายุคนเราไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่หากมีศักยภาพพอก็เรียนรู้และทำงานได้ ที่สำคัญคือประสบการณ์ โรงพยาบาลหลายที่เมื่อเปิดรับสมัครงานมักกำจัดว่า อายุงานกี่ปีๆขึ้นไป หรือการสมัครงานที่ไหนก็ตาม ตรงนี้พอทราบครับว่าทางหน่วยงานองค์กรต้องการคนที่มีคุณภาพทำงานแต่สำหรับคนที่จบใหม่ ไม่มีประสบการณ์ในสายงานแต่สนใจทำงานก็คงหมดโอกาสไปอย่างไร้ความหวัง จำกัดวุฒิด้วยก็มี ปางคนจบระดับปริญญาแต่ตำแหน่งนี้รับแค่ ปวช ปวส ม.6 การจำกัดต่างๆเหล่านี้เป็นไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ขององค์กรแต่ไม่สามารถตอบโจทย์ของผู้ต้องการหางานในแต่ละกรณี และยังเป็นการเพิ่มปัญหาการว่างงานมากขึ้น เมื่อสถาบันศึกษาทางวิชาชีพ ปวช ปวส มีการผลิตนักเรียน นักศึกษา เพิ่มทุกๆช่วงปี แต่ก็ยังมีปัญหาการว่างงาน ตกงาน หาที่บรรจุงานไม่ได้ แม้จะเรียนจบแต่การหางานยังเป็นไปได้ยาก
ปัจจุบันการหางานของคนในสังคมเป็นไปในหนทางที่ดิ่งลงเหว ประเทศไทยเราถือเป็นประเทศที่กำลังพัฒนามาหลายสิบกว่าปี แต่ปัจจุบันก็ยังคงเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา เราเคยสังเกตบ้างมั้ยว่าหากประเทศมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆได้จริงปัญหาการว่างงานของคนคงไม่ก่อเกิดขึ้นและเป็นแบบนี้เรื่อยมา หลายครั้งที่ผมได้เดินไปไหนๆตามข้างทางเรายังเห็นคนขอทาน เห็นคนนอนอยู่กลางสะพานลอย
หากปัญหาตรงนี้ยังไม่หมดไปประเทศคงพัฒนาไม่ได้