อะไรก็เกิดขึ้นได้! ตัวอย่างการแซงคว้าแชมป์นัดปิดท้ายในลีกใหญ่

ในที่สุดการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่น 2021-22 ก็ต้องลุ้นกันจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล หลังจากที่ ลิเวอร์พูล บุกไปชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 เมื่อวันอังคารที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จนทำให้ตอนนี้ "หงส์แดง" ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เป็นจ่าฝูงอยู่เพียง 1 คะแนนเท่านั้น



แน่นอนว่าปัจจุบัน แมนฯ ซิตี้ เป็นฝ่ายที่กุมความได้เปรียบในการล่าแชมป์ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าในอดีตจะไม่เคยมีการแซงคว้าแชมป์ในนัดสุดท้ายมาก่อน และมันเคยเกิดเรื่องแบบนั้นในลีกของชาติใหญ่ในทวีปยุโรปหลายครั้งด้วยซ้ำ อย่างเช่นตัวอย่างที่เรากำลังจะกล่าวถึงดังต่อไปนี้
 
- บาร์เซโลน่า : 1991-92
 


ในศึก ลา ลีกา ซีซั่นดังกล่าว เรอัล มาดริด ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนนำเป็นจ่าฝูงลากยาวแบบต่อเนื่องตั้งแต่โปรแกรมนัดที่ 7 ของฤดูกาล ไปจนถึงตอนจบนัดที่ 37 ซึ่งเป็นนัดรองสุดท้าย โดยระหว่างนั้นพวกเขารอดจากการแพ้ให้ทีมระดับ บาร์เซโลน่า และ แอตเลติโก มาดริด ได้ด้วย

นั่นทำให้ มาดริด นำเป็นจ่าฝูงก่อนลงเล่นนัดสุดท้ายของซีซั่น 1991-92 โดยคู่แข่งของพวกเขาคือ เตเนริเฟ่ ซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงทีมในกลุ่มกลางตารางคะแนน จนทำให้ดูเหมือนจะไม่ใช่งานยากสักเท่าไหร่สำหรับ "ราชันชุดขาว"

ทั้งนี้ มาดริด นำไปก่อน 2 ลูกด้วย แต่หลังจากนั้นพวกเขากลับเสียประตูทีเดียว 3 ลูกรวดจนทำให้แพ้ไปแบบสุดช็อก ในทางตรงกันข้าม บาร์เซโลน่า สามารถชนะ แอธเลติก บิลเบา ไปได้ 2-0 ทำให้ บาร์เซโลน่า แซงคว้าแชมป์ไปครองโดยที่มีแต้มมากกว่า มาดริด 1 คะแนน

- ลาซิโอ : 1999-00



หลังจากเคยครองตำแหน่งจ่าฝูงได้อย่างยาวนานในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล ลาซิโอ กลับฟอร์มตกลงนิดหน่อยในช่วงครึ่งหลังของซีซั่นจนทำให้ตกจากบัลลังก์ โดยก่อนลงเล่นนัดสุดท้ายกับ เรจจิน่า พวกเขาเป็นอันดับ 2 ในสภาพที่ตามหลัง ยูเวนตุส อยู่ 2 คะแนน

ถึงกระนั้น ทีมของกุนซือ สเวน-โกรัน อีริคส์สัน ก็ไม่ตัดใจจากการล่าแชมป์ง่ายๆ จนทำให้ในนัดปิดซีซั่นพวกเขาเปิดรัง สตาดิโอ โอลิมปิโก เอาชนะ เรจจิน่า ไปได้ 3-0 ในทางตรงกันข้าม ยูเวนตุส กลับออกไปแพ้ เปรูจา 0-1 แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพียงทีมในกลุ่มครึ่งล่างของตารางคะแนน ทำให้ ลาซิโอ ได้แชมป์ลีกสูงสุดเป็นสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเขาก็ไม่เคยได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนั้นอีกเลย

 - บาเยิร์น : 1999-00



"ห้างขายยา" ชุดนนั้นทำผลงานได้สุดยอดจนทำให้พวกเขากุมความได้เปรียบกับการลุ้นแชมป์ในช่วงโค้งสุดท้ายของศึก บุนเดสลีกา ซีซั่นดังกล่าว โดยในนัดสุดท้ายพวกเขามีคิวไปเยือน อุนเตอร์ฮัคกิ้ง ในสภาพที่มีแต้มมากกว่า บาเยิร์น มิวนิค 3 แต้ม ทางเดียวที่พวกเขาจะชวดแชมป์คือแพ้ในนัดปิดซีซั่น และ บาเยิร์น สามารถเปิดบ้านชนะ แวร์เดอร์ เบรเมน ได้เท่านั้น

เงื่อนไขดังกล่าวดูมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยพอตัวเมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าตอนนั้น อุนเตอร์ฮัคกิ้ง เป็นทีมระดับกลางตารางคะแนนที่ไม่มีอะไรให้ลุ้นแล้ว แต่กลายเป็นว่าวันนั้นแข้ง เลเวอร์คูเซ่น นัดกันฟอร์มตก ไม่เว้นแม้กระทั่ง มิชาเอล บัลลัค จอมทัพคนสำคัญของทีมที่ดวงอาภัพจนถึงขั้นทำเข้าประตูตัวเองอีกต่างหาก

ท้ายที่สุด เลเวอร์คูเซ่น ก็แพ้ไป 0-2 ขณะที่ในนครมิวนิค บาเยิร์น เอาชนะ เบรเมน ไปได้ 3-1 ทำให้ถึงแม้สุดท้ายแล้วทั้ง 2 ทีมจะมี 73 คะแนนเท่ากันจากการลงเล่น 34 นัด แต่ บาเยิร์น ก็ปาดหน้าซิวแชมป์ไปเชยชมด้วยเรื่องของผลต่างประตูได้-เสีย

- อาร์เซน่อล : 1988-89



มันช่างบังเอิญเหลือเกินที่เกมลีกนัดสุดท้ายในฤดูกาลดังกล่าวของทั้งคู่เป็นการเจอกันเองระหว่างพวกเขาที่ แอนฟิลด์ ในวันที่ 26 พฤษภาคม ปี 1989 โดยเดิมทีเกมนี้ต้องเตะกันตั้งแต่ราว 1 เดือนก่อนหน้านั้น แต่มันโดนเลื่อนมาเป็นนัดสุดท้ายหลังจากเกิดโศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร่

สถานการณ์ในตอนนั้นมันยุ่งยากสำหรับ อาร์เซน่อล มากกว่า พวกเขาจำเป็นต้องชนะอย่างน้อย 2 ประตู เพื่อที่จะได้แชมป์ด้วยการที่ทำประตูได้เยอะกว่าอีกฝ่าย ขณะที่ ลิเวอร์พูล ขอแค่ผลเสมอก็เพียงพอแล้ว ซึ่งการที่พวกเขาได้ลงเล่นต่อหน้าแฟนบอลใน แอนฟิลด์ มันก็ทำให้ดูน่าจะเข้าทาง "หงส์แดง" อย่างมาก

อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อล สามารถกลับออกจาก แอนฟิลด์ ด้วยสกอร์ 2-0 ได้พอดิบพอดี โดยประตูที่ 2 จาก ไมเคิ่ล โธมัส มันเกิดขึ้นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บด้วย ส่งผลให้ อาร์เซน่อล ได้แชมป์ลีกสูงสุดไปเชยชมในแบบที่ทำให้แฟนบอลเจ้าถิ่นหลายคนช็อกกันสุดๆ

https://www.siamsport.co.th/football/premierleague/view/283843
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่