พูดคุยหลังดู Trailer Pilot GAP THE SERIES ทฤษฎีสีชมพู

กระทู้คำถาม
พูดคุยหลังดู Trailer Pilot GAP THE SERIES ทฤษฎีสีชมพู 

ตั้งแต่ปล่อย pilot ตัวเต็มมา แฟนๆ เหมือนจะเงียบๆ กันไปเลย หรือเป็นเพราะเราคิดไปเองก็ไม่รู้นะ แต่จากที่เห็นจากโซเชียลหลายช่องทาง แอบมีหลายคนผิดหวังกับบทอยู่เหมือนกัน และเราเป็นหนึ่งในนั้น เพราะตัวเราเองก็ถือว่าเป็นแฟนนิยายคนหนึ่ง(ชอบงานเขียนของคุณนักเขียนอยู่หลายเรื่อง) และเรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องที่หยิบมาอ่านซ้ำบ่อยๆ เลยคาดหวังกับซีรีส์ยูริเรื่องแรกๆ นี้อย่างรอคอย และคิดว่าน่าจะออกมาดี เนื่องจากตามดูนักแสดงอยู่บ้าง และคิดว่ารูปลักษณ์เป็นไปได้กับนิยายแล้ว แต่ก็ดันมาผิดหวังกับตัวบทคุณสาม(7.54 นาที ในยูทูปกับคำว่า... นี่ ไม่ใช่คุณสาม) และมีซีนอื่นๆ ที่รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน เลยขอแจกแจงทีละข้อเท่าที่นึกออกว่าตัวเองมีความคิดเห็นอะไรยังไงบ้าง 

1. พูดถึงรูปร่างหน้าตาของนักแสดง เราว่าทุกคนเหมาะกับบทที่ได้แล้ว แต่ตัวบทของตัวละครหลายตัวค่อนข้างต่างไปจากนิยายอยู่เยอะ(อยากให้ผู้จัด คนเขียนบท หรือคนที่เกี่ยวข้อง ทำการบ้านเรื่องนี้เยอะๆหน่อย เพราะคาแรคเตอร์ตัวละครสำคัญมาก ถ้ามันต่างไปจากนิยายมากขนาดนั้น แสดงว่านี่ก็ไม่ใช่เรื่อง GAP แล้ว) ยกตัวอย่างเท่าที่นึกออก 
       1.1 คุณสามที่ไล่พนักงานออก กับการปารองเท้าใส่ด้วยความโกรธ ในนิยายคุณสามเป็นคนดุในตอนที่ทำงานก็จริง แต่ไม่ใช่คนที่จะแสดงออกขนาดนั้น ทุกอย่างต้องมืออาชีพและมีความเย็นชา แค่พูดอย่างคนธรรมดาแต่วางมาดและใช้สายตาสื่อสารแทน(พวกคุณทำผิดกฎเพราะฉะนั้นเขียนใบลาออกซะ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะเป็นคนไล่พวกเธอออกเอง (จะลาออกไปเองดีๆ หรืออยากเสียประวัติ ฉันให้เธอเลือก) ฉัมฉัมที่ดุแล้วดูเท่ ไม่จำเป็นต้องโวยวายเสียงดังเลยสักนิด
       1.2 คุณหนึ่งที่ยังไม่เคยโผล่มาให้เห็นเลย แต่จากรูปถ่ายสามพี่น้อง ดูยิ้มมีความสุข แต่จริงๆ คุณหนึ่งไม่ใช่คนที่จะยิ้มนะ ถึงแม้จะอยู่กับครอบครัวที่ตัวเองรักมากก็ตาม(ไม่มีหรอกกอดคอกันหัวเราะเอิ้กอ้าก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่รักกัน แค่ไม่แสดงออกกันเท่านั้น โดยเฉพาะคุณหนึ่งแล้ว ภาพลักษณ์สำคัญมาก) ปล.เพิ่งจะมายิ้มกวนตีนเอาตอนที่ออกจากวังแล้วนั่นแหละ5555 ยิ่งเจอย่ายิ่งกวนตีนบอกเลย
         1.3 ส่วนม่อนม่อนนั้น ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ แต่ก็มีบางจุดที่น้องม่อนดูกล้าเกินไปจากนิยายหน่อย อย่างเช่นตอนสวีทกัน ม่อนไม่มีทางออกปากชวนก่อนแน่ เพราะเป็นพวกขี้เขินอาย มีแต่คุณสามนั่นแหละที่จะล่อลวงน้องไปทำมิดีมิร้าย55 สองคนนี้ตลกและเด๋อด๋ามากเวลาอยู่ด้วยกัน กับกลุ่มเพื่อนๆ คุณสามด้วย (คุณสามตอนที่จริงจังก็ขายสวยขายเท่ไปเลย ถ้าเอาตลกก็ตอนอยู่กับเพื่อนอยู่กับน้องนี่แหละ เด๋อด๋าดี) 

2.ส่วนของบท อันนี้ไม่รู้เลยว่าจะปรับเพิ่มเปลี่ยนอะไรไปมากแค่ไหน  และไม่ได้ต่อต้านที่จะเพิ่มหรือเปลี่ยน เพราะมันต้องปรับในเข้ากับงานแต่ละแบบอยู่แล้ว อันไหนใช้ได้หรือไม่ได้ อันนี้เข้าใจ แต่ก็ไม่อยากให้เปลี่ยนไปจนจำไม่ได้ว่านี่มาจากเรื่องอะไรกันแน่ ขอพูดเป็นฉากๆ เท่าที่นึกออก...เหมือนเดิม
          2.1 ฉากม่อนจับหน้าอกคุณสามในลิฟท์ที่เป็นประเด็น หรือไม่เป็นประเด็นก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่ถ้าเป็นสถานการณ์จริงควรต้องชักมือออกเพราะตกใจ แต่ส่วนตัวคิดว่าโอเคนะที่จะมีฉากนี้ จังหวะไม่ตั้งตัว แถมม่อนปลื้มคุณสามอยู่แล้ว มันเป็นเพราะความสตั้น 1 2 3 ... กี่วินาทีก็แล้วแต่ (ที่คิดว่าสถานการณ์ไม่ปกติ เพราะเราเองต่างหากที่ไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนั้น ปล.ยิ่งเป็นสองคนนี้อะไรที่เป็นไปไม่ได้มันจะเป็นไปได้ หนังภาพยนต์ดังๆ ที่มีฉากตลกๆ ที่ไม่น่าเป็นไปได้ เขาก็สร้างมาให้คนหัวเราะกันนะ)
          2.2 ฉากคุณสามชวนม่อนกลับบ้าน อันนี้ที่ดูมาคุณสามใช้สายตาชักชูงน้องในทางนั้นอยู่นะ แต่ส่วนตัวเรา คุณสามต้องมีความเลิ่กลักปากไม่ตรงกับใจ กึ่งๆ บังคับอยู่ในที อยากชวนเขาไปบ้านแต่เก๊กเอาเรื่องงานมาบังหน้า อะไรแบบนั้นมากกว่า  ถึงแม้จะเป็นแฟนกันแล้วก็ตาม ส่วนฉากที่จะได้จูบน้อง คุณสามต้องมีความดีใจ(กระดี๊กระด๊าอยู่ในใจ)เหมือนหมาได้กระดูก ฉัมฉัม เอิ่ม... นั่นแหละ5555 ความเร้าร้อนมันถึงจะได้หลังจากนี้ จูบกันแล้วเว้าติดลมอะไรแบบนั้น
             2.3 แล้วก็ตอนริมสระ มีคู่เแกนหลงกับเอิงเอยด้วย เราค่อนข้างขัดใจเรื่องเล็บค่ะ555 (หัวเราะกลบเกลื่อนไว้ก่อน) ถึงจะเป็นฉากที่แค่ผ่านไป แต่น่าจะมีหลายคนมองเห็นตรงนี้อยู่นะ (เล็บควรสั้นนะ อ๊ากกกก...) แล้วคนที่พูดว่า "เราทำแบบคู่นั้นกันบ้างได้มั้ย" คนที่พูดน่าจะเป็นคุณสามมากกว่าค่ะ แล้วม่อนก็จะเขินๆ แต่ยอมนะ55
             2.4 ฉากคุณสอง อันนี้คงอยากพูดในเรื่องกฎหมายที่มันไม่คุ้มครองความรักแบบนี้ สมรสเท่าเทียมผ่านสักทีเถอะค่ะ เราเอาด้วย แต่พอมาดูในเรื่องของบทที่เขา น่าจะเปลี่ยนการตายของคุณสอง มันก็แอบทำให้ส่วนอื่นไม่สมเหตุสมผลไปด้วย อย่างเช่น คุณหนึ่งที่ไม่ชอบย่าเพราะตัวเองถูกบังคับใช้เป็นหุ่นเชิด แต่ที่คุณหนึ่งเกลียดย่าสาเหตุมาจากการตายของคุณสองที่เป็นเพราะถูกย่ากดดัน จากที่นักเขียนให้ข้อคิดเรื่องพ่อแม่บังคับลูกจนลูกแตกสลาย และทุกวันนี้ก็มีข่าวเรื่องลูกฆ่าตัวตายเพราะพ่อแม่กดดันเต็มหน้าโซเชียลไปหมด มันเลยเปลี่ยนไป เราชอบต้นฉบับนะ แต่ถ้าบทละครจะใส่เรื่องการคุ้มครองกฎหมายเข้ามา เป็นเราเราจะเลือกให้แฟนของคุณสองตายแล้วพูดถึงเรื่องกฎหมาย ขอให้ย่าช่วยซึ่งย่าไม่ช่วยอยู่แล้ว หลังผ่านการตายของแฟนคุณสองไปย่าก็จะยิ่งเข้มงวดแล้วก็จะมาถึงความอดทนครั้งสุดท้ายด้วยการตัดสินใจจากไปด้วยเองของคุณสอง อันนี้เลยได้สองประเด็น ทั้งเรื่องกฎหมาย และความกดดันจากครอบครัว(ย่า) เราว่าส่วนนี้คือส่วนที่เอามาเล่นความดราม่าได้เยอะเลย
             2.5 ฉาก "กากี" เห็นมาผ่านๆ มีประเด็นว่าเขาไม่ใช้คำนี้กันแล้ว ส่วนตัวเราเราว่าได้ มันไม่ได้โบราณขนาดที่กลายเป็นคำที่ตายไปแล้ว แถมมีมุกที่ง้อด้วยเพลงด้วย แต่จากที่ดูนักแสดงเล่นฉากนี้ มันให้ความรู้สึกผิดหวังเสียใจในคนรัก ซึ่งอารมณ์ที่เราได้จากนิยายมันคืออารมณ์โกรธมากกว่า ยิ่งมีคนมาบอกรักแฟนเราจะๆ ต่อหน้าแบบนี้ สามจะไม่ทน...
             2.6 ฉากนั่งบนโต๊ะ ผมคันติดปากในตำนาน(ที่เป็นตำนานเพราะอยู่ในนิยาย) เป็นฉากที่น่าจะมีคนดราม่ามากที่สุดแล้ว(มีแต่คนกุมขมับ) ส่วนตัวคิดว่ามีได้ แต่ไม่น่าจะประเจิดประเจ้อขนาดนั้น กำลังจะกุ๊กกิ๊กกันงี้ เราว่าไม่เสียหายเลย แต่อย่าให้ถึงขั้นต้องลำบากใจทั้งนักแสดงและคนดูเลยค่ะ มีฉากน่ารัก กินลิป ขบปาก เราว่าขายความน่ารักแบบนี้ คนดูก็เขินตัวบิดเป็นเกลียวแล้ว 

3.พูดถึงประเด็นอื่นบ้าง ดราม่าจากต้นฉบับที่คนไม่ชอบหรือไม่อยากให้ใส่มาในซีรีส์ เรานึกออกอยู่เรื่องหนึ่ง อาจจะมีเยอะกว่านี้แต่จำไม่ได้แล้วเพราะนานมาก ตั้งแต่มีการประกาศแรกๆ ว่า GAP จะทำเป็นซีรีส์ 
             3.1 ฉากคุณเกริกที่จะขืนใจคุณสามบนรถ เพราะคุณสามแสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้ชอบ และหนักแน่นว่ารักอีกคน แถมใส่บราสีชมพูที่เป็นสีที่ตัวเองไม่ชอบมา แต่เพราะคนรักชอบสีนี้เลยใส่ไว้เหมือนคนรักยังคอยอยู่ข้างๆ อยู่รอบๆ ตัวเองตลอดเวลา พอคุณเกริกเห็นก็เหมือนถูกหยามหน้านั่นเลยเป็นต้นเหตุ ซึ่งดราม่าเกิดจากตรงนี้แหละ เพราะมีคนพูดว่าสมัยนี้ไม่มีใครทำแบบนี้แล้ว เรื่องขืนใจไม่น่าเอามาพูดได้แล้วในปีนี้ แต่เราเห็นต่าง ยังอยากให้มีฉากนี้ เหมือนที่เคยพูดไว้ เหตุการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นกับเรา ใช่ว่ามันไม่มี และเพราะคนใกล้ตัวก็เพิ่งมีเรื่องแบบนี้ไปหมาดๆ เราเลยคิดว่าเอามาเล่นได้ใช้สอนใช้เป็นข้อคิดให้คนคิดตามได้ สถานการณ์นั้นคือ(สมมติว่าเป็นพี่สาว) พี่สาวเรามีแฟน แล้วแฟนก็ข่มขืนเพราะพี่สาวไม่ยอม มันคือการถูกบังคับ ไม่ต่างอะไรกับเหตุการ์ในนิยายเลย แต่ผลต่างกัน ในนิยาย ย่าคุณสามทำถูกแล้วที่สั่งสอนเกริกที่เกือบจะย้ำยีศักดิ์ศรีคุณสาม แต่ในโลกความเป็นจริง คนที่ถูกกระทำกลับต้องยอม แถมถูกบังคับให้แต่งงานกันอีก เพราะผู้ใหญ่เห็นว่าได้เสียกันแล้ว แทนที่จะแจ้งความ? เพราะเป็นคนใกล้ตัวแบบนี้ยิ่งต้องพูดนะ อย่าปล่อยให้เป็นเรื่องปกติธรรมดา  

ส่วนฉากที่รอคอยเป็นพิเศษคือ คุณหนึ่งvsหม่อมย่า จะทำยังไงให้ตัวละครที่ต่างก็มีเชิง ทะเลาะกันแบบไม่ต้องเอะอะโวยวายเสียงดัง แต่ให้ความถึงรสถึงชาติ ความยิ้มใจเย็นของคุณหนึ่งที่ปนความกวนตีน อยากเห็นมากเลยค่ะ

เรานึกออกเท่านี้ เป็นครั้งแรกที่เขียนอะไรยาวๆ ขนาดนี้ น่าจะมีพูดออกทะเลบ้าง นึกอะไรออกก็พิมพ์ๆ ลงไปเลย คงมีคำที่พิมพ์ผิดบ้าง ขอประทานอภัยมา ณ ที่นี้ด้วย นะคะ 

จริงๆ แล้วอยากจะพูดคุยในทวิตเตอร์เหมือนกัน แต่เล่นไม่เป็น แถมพิมพ์ซะยาวเหยียดอีก เลยเลือกมาพูดคุยในนี้แทนเพราะเคยตั้งกระทู้ถามการบ้านไปครั้งหนึ่ง ไม่มีใครรู้ด้วยว่าคนตั้งกระทู้เป็นใคร กลัวถูกด่า555  

ใครอ่านจบนี่ถึกทนมากนะ ใดๆ คือ ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นครั้งนี้เพราะอยากให้สิ่งที่ตัวเองชอบออกมาดี เราไม่ได้โทษนักแสดง หรือว่าร้ายคนเขียนบทนะ แต่อยากให้ศึกษาทำการบ้านเยอะๆ เกี่ยวกับคาแรคเตอร์ตัวละคร เพราะเข้าใจว่าทุกคนยังใหม่ การมีนักเขียนคอยเป็นที่ปรึกษาให้ก็น่าจะดีนะคะ  

ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์ช่วยแชร์ให้ผู้จัดเห็นด้วยค่ะ อยากให้นิยายที่ชอบออกมาดีในทุกๆ เวอร์ชั่น และสนับสนุนให้ยูริเป็นสากลเหมือนๆ กับแนวอื่น  

เป็นกำลังใจให้ทั้งนักเขียน ผู้จัด คนเขียนบท นักแสดง หน้าที่อื่นๆ สู้ๆ ค่ะ เชียร์อยู่นะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่