"หรือว่าเราควรเลิกกันดีกว่า"
เป็นคำถามที่เชื่อว่าหลายๆ ความสัมพันธ์ที่กำลังมีปัญหาจะผุดขึนมาในหัวของแต่ละคน โดยที่อีกคนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราคิดแบบนี้ไหม แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเราก็กลับยังอยากสู้อยู่ ต่างฝ่ายก็ต่างอยากหาทางไปต่อ ทั้งๆ ที่ลึกๆ ก็เข้าใจว่าเราเข้ากันไม่ได้ขนาดนั้น
ถึงอย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่มันเกิดขึ้นจริงๆ ต่างคนก็คงตามลำบากใจไม่ต่างกัน แน่นอนว่าความสุขของตัวเองนั้นก็สำคัญ แต่ความรู้สึกอีกฝ่ายก็สำคัญเช่นกัน เรามาลองดูดีกว่ามาสัญญาณแบบไหนที่เอาตรงๆ แล้วแยกกันอยู่น่าจะดีกว่า และเราจะจัดการความรู้สึก หรือปรับความคิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง
1. เราทะเลาะกันเรื่องเดิมๆ บ่อยเกินไป
บางครั้งก็คือบริบทใหม่ แต่แก่นของมันก็มาจากเรื่องทำนองเดิม ส่วนนี้มักจะเกิดจากตัวตนของเรามีปัญหา หรือไม่ก็ตัวตนของเรานั้นเข้ากันไม่ได้ ส่วนนี้เลยทำให้แม้จะเข้าใจในเรื่องนึงไปแล้ว แต่ก็ยังเกิดเรื่องใหม่ๆ เข้ามาได้เสมอ วิธีแก้ก็คือ ต่างคนต่างปรึกษาคนนอกถึงเหตุการณ์ตัวอย่างที่เกิดขึ้น ที่เขาพอจะมีประสบการณ์ความรักมาพอสมควร ให้เขาบอกว่าปัญหาคือตัวตนเราไม่ดี หรือตัวตนเรากับเขาเข้ากันไม่ได้กันแน่ (เพจก็รับปรึกษานะ 555)
2. เราหยุดเรียนรู้กันแล้ว และเราไม่เปิดรับฟังกันอีกแล้ว
ข้อนี้ก็คือ เมื่อเกิดอะไรขึ้นแล้ว เราไม่สามรถพูดกันตรงๆ ได้อีกแล้ว หรือพูดแล้วก็จะเกิดการทะเลาะ หรือบางครั้งเรื้อรังก็คือ มันทำให้เขาเข้าใจผิดไปอีกทาง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเคยขี้หึงมากๆ จนแฟนเราไม่โอเคที่เราแบบไม่ไว้ใจ วันนึงคุณแค่ถามว่าดึกแล้วจะออกไปไหนอีก แฟนคุณอาจจะคิดว่าคุณระแวงเขาอีกแล้ว ทั้งๆ ที่จริงๆ คุณแค่ถามเขาดีๆ ถามเขาเฉยๆ นี่คือกระบวนการเอาเหตุการณ์ในอดีตมาทับถมปัจจุบัน
วิธีแก้คือ คุณต้องเข้าใจให้ดีว่าในทุกความผิดพลาด เรามักจะค่อยๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พยายามเรียนรู้ว่าเขาไม่เหมือนเดิมแล้วจริงไหม ถ้าแบบนั้นแล้วเราเองก็พูดตรงๆ กับเขาได้ไหม แล้วก็ขอค่อยๆ ปรับ มันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเร็วๆ นี้แต่ว่ามันจะดีขึ้นแน่นอน แต่ถ้ามันแก้ไม่หายล่ะก็ ภาษารักของพวกคุณมีปัญหาละล่ะ (อารมณ์เหมือนคุยคนละภาษาอ่ะ มันก็แก้ยากนะ)
3. เราเริ่มเปิดใจให้ที่จะเรียนรู้คนอื่นมากขึ้น
ว่าง่ายๆ ก็คือเผื่อใจน่ะล่ะ นี่เป็นสัญญาณของการอยากหาทางออกที่เจ็บน้อยที่สุด ถ้ามาถึงตรงนี้แล้ว ความผิดอาจจะอยู่ที่เราเอง ที่เราสู้ไม่ไหว ไม่อยากสู้ ตรงนี้คงพูดลำบาก ผมเพียงแต่บอกได้แค่ว่าเราต้อง รีวิวตัวเองก่อนจะเดินออกมาว่าปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน คุณควรจะป้องกันความเสียใจในอนาคตด้วยการลองทำความเข้าใจกับความสัมพันธ์ปัจจุบัน ความหมายก็คือให้มันจบที่ ทั้งคู่เห็นว่าเราควรแยกกันจริงๆ ก็คงจะแฟร์กับทุกฝ่าย
4. เรามีความสุขมากขึ้นเวลาที่ห่างกันออกมาบ้าง
อันนี้อาจจะไม่ต้องถึงขั้นเลิกกัน เพียงแต่ว่าหลายคู่ติดกันเกินไป จนไม่เหลือพื้นที่ว่างให้ตัวเอง ความสุขที่ควรจะเป็น ควรจะมาจากทั้งคนนอก และคนในก็คือตัวเราเอง การติดกันมากเกินไปจนไม่เหลือที่ให้ตัวเอง จะทำให้เราสุขแต่ไม่สุด ให้ยกตัวอย่างก็อย่างเช่น บางคนเริ่มห่างจากพ่อแม่ แต่ว่าเรากลับคิดถึง กลับรัก แล้วก็เป็นห่วง เวลากลับไปเจอหน้ากันก็มีแต่พลังบวก มีแต่ความรัก มีแต่เรื่องดีๆ ต่างกับตอนที่อยู่ใกล้กัน ทั้งเสียงบ่น ด่า ทะเลาะ หรือการกระทบกระทั่งในรูปแบบอื่นๆ บางครั้งเราก็ควรห่างกันสักนิดนึง หมายถึงเพิ่มเวลาส่วนตัวให้แต่ละวันดูบ้างก็ดีนะ
และถ้าหากคุณเกิดว่าเลิกไปแล้ว ชีวิตคุณมีความสุขมากขึ้น และเขาก็มีความสุขมากขึ้น ถึงจะแก้อะไรไม่ได้ แต่นั่นก็แปลว่าคุณสองคนเลิกกันน่ะดีแล้ว บางทีมันอาจจะยังไม่ใช่เวลาของกันและกัน และเราอาจจะเข้ามาเพื่อสอนความรักให้อีกฝ่ายก็เท่านั้น ฟังดูเศร้าแฮะ 555 แต่อย่าเสียใจไปเลยคุณที่เติบโตขึ้น จะต้องเจอเรื่องราวความรักครั้งใหม่ที่ดีขึ้นอยู่แล้ว
และถ้าใครชอบก็อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ให้ด้วยน้า
สามารถมาร่วมพูดคุยกับคนในคอมมูเราได้ที่นี่เลย ht
tps://www.facebook.com/icevisuwat
หรือว่าเราควรเลิกกันดีกว่า
เป็นคำถามที่เชื่อว่าหลายๆ ความสัมพันธ์ที่กำลังมีปัญหาจะผุดขึนมาในหัวของแต่ละคน โดยที่อีกคนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราคิดแบบนี้ไหม แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเราก็กลับยังอยากสู้อยู่ ต่างฝ่ายก็ต่างอยากหาทางไปต่อ ทั้งๆ ที่ลึกๆ ก็เข้าใจว่าเราเข้ากันไม่ได้ขนาดนั้น
ถึงอย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่มันเกิดขึ้นจริงๆ ต่างคนก็คงตามลำบากใจไม่ต่างกัน แน่นอนว่าความสุขของตัวเองนั้นก็สำคัญ แต่ความรู้สึกอีกฝ่ายก็สำคัญเช่นกัน เรามาลองดูดีกว่ามาสัญญาณแบบไหนที่เอาตรงๆ แล้วแยกกันอยู่น่าจะดีกว่า และเราจะจัดการความรู้สึก หรือปรับความคิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง
1. เราทะเลาะกันเรื่องเดิมๆ บ่อยเกินไป
บางครั้งก็คือบริบทใหม่ แต่แก่นของมันก็มาจากเรื่องทำนองเดิม ส่วนนี้มักจะเกิดจากตัวตนของเรามีปัญหา หรือไม่ก็ตัวตนของเรานั้นเข้ากันไม่ได้ ส่วนนี้เลยทำให้แม้จะเข้าใจในเรื่องนึงไปแล้ว แต่ก็ยังเกิดเรื่องใหม่ๆ เข้ามาได้เสมอ วิธีแก้ก็คือ ต่างคนต่างปรึกษาคนนอกถึงเหตุการณ์ตัวอย่างที่เกิดขึ้น ที่เขาพอจะมีประสบการณ์ความรักมาพอสมควร ให้เขาบอกว่าปัญหาคือตัวตนเราไม่ดี หรือตัวตนเรากับเขาเข้ากันไม่ได้กันแน่ (เพจก็รับปรึกษานะ 555)
2. เราหยุดเรียนรู้กันแล้ว และเราไม่เปิดรับฟังกันอีกแล้ว
ข้อนี้ก็คือ เมื่อเกิดอะไรขึ้นแล้ว เราไม่สามรถพูดกันตรงๆ ได้อีกแล้ว หรือพูดแล้วก็จะเกิดการทะเลาะ หรือบางครั้งเรื้อรังก็คือ มันทำให้เขาเข้าใจผิดไปอีกทาง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเคยขี้หึงมากๆ จนแฟนเราไม่โอเคที่เราแบบไม่ไว้ใจ วันนึงคุณแค่ถามว่าดึกแล้วจะออกไปไหนอีก แฟนคุณอาจจะคิดว่าคุณระแวงเขาอีกแล้ว ทั้งๆ ที่จริงๆ คุณแค่ถามเขาดีๆ ถามเขาเฉยๆ นี่คือกระบวนการเอาเหตุการณ์ในอดีตมาทับถมปัจจุบัน
วิธีแก้คือ คุณต้องเข้าใจให้ดีว่าในทุกความผิดพลาด เรามักจะค่อยๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พยายามเรียนรู้ว่าเขาไม่เหมือนเดิมแล้วจริงไหม ถ้าแบบนั้นแล้วเราเองก็พูดตรงๆ กับเขาได้ไหม แล้วก็ขอค่อยๆ ปรับ มันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเร็วๆ นี้แต่ว่ามันจะดีขึ้นแน่นอน แต่ถ้ามันแก้ไม่หายล่ะก็ ภาษารักของพวกคุณมีปัญหาละล่ะ (อารมณ์เหมือนคุยคนละภาษาอ่ะ มันก็แก้ยากนะ)
3. เราเริ่มเปิดใจให้ที่จะเรียนรู้คนอื่นมากขึ้น
ว่าง่ายๆ ก็คือเผื่อใจน่ะล่ะ นี่เป็นสัญญาณของการอยากหาทางออกที่เจ็บน้อยที่สุด ถ้ามาถึงตรงนี้แล้ว ความผิดอาจจะอยู่ที่เราเอง ที่เราสู้ไม่ไหว ไม่อยากสู้ ตรงนี้คงพูดลำบาก ผมเพียงแต่บอกได้แค่ว่าเราต้อง รีวิวตัวเองก่อนจะเดินออกมาว่าปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน คุณควรจะป้องกันความเสียใจในอนาคตด้วยการลองทำความเข้าใจกับความสัมพันธ์ปัจจุบัน ความหมายก็คือให้มันจบที่ ทั้งคู่เห็นว่าเราควรแยกกันจริงๆ ก็คงจะแฟร์กับทุกฝ่าย
4. เรามีความสุขมากขึ้นเวลาที่ห่างกันออกมาบ้าง
อันนี้อาจจะไม่ต้องถึงขั้นเลิกกัน เพียงแต่ว่าหลายคู่ติดกันเกินไป จนไม่เหลือพื้นที่ว่างให้ตัวเอง ความสุขที่ควรจะเป็น ควรจะมาจากทั้งคนนอก และคนในก็คือตัวเราเอง การติดกันมากเกินไปจนไม่เหลือที่ให้ตัวเอง จะทำให้เราสุขแต่ไม่สุด ให้ยกตัวอย่างก็อย่างเช่น บางคนเริ่มห่างจากพ่อแม่ แต่ว่าเรากลับคิดถึง กลับรัก แล้วก็เป็นห่วง เวลากลับไปเจอหน้ากันก็มีแต่พลังบวก มีแต่ความรัก มีแต่เรื่องดีๆ ต่างกับตอนที่อยู่ใกล้กัน ทั้งเสียงบ่น ด่า ทะเลาะ หรือการกระทบกระทั่งในรูปแบบอื่นๆ บางครั้งเราก็ควรห่างกันสักนิดนึง หมายถึงเพิ่มเวลาส่วนตัวให้แต่ละวันดูบ้างก็ดีนะ
และถ้าหากคุณเกิดว่าเลิกไปแล้ว ชีวิตคุณมีความสุขมากขึ้น และเขาก็มีความสุขมากขึ้น ถึงจะแก้อะไรไม่ได้ แต่นั่นก็แปลว่าคุณสองคนเลิกกันน่ะดีแล้ว บางทีมันอาจจะยังไม่ใช่เวลาของกันและกัน และเราอาจจะเข้ามาเพื่อสอนความรักให้อีกฝ่ายก็เท่านั้น ฟังดูเศร้าแฮะ 555 แต่อย่าเสียใจไปเลยคุณที่เติบโตขึ้น จะต้องเจอเรื่องราวความรักครั้งใหม่ที่ดีขึ้นอยู่แล้ว
และถ้าใครชอบก็อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ให้ด้วยน้า
สามารถมาร่วมพูดคุยกับคนในคอมมูเราได้ที่นี่เลย https://www.facebook.com/icevisuwat