คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
มีหลายแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
แนวคิดที่ 1 ราคาสะท้อนทุกสิ่ง
สายกราฟเชื่อแนวคิดนี้ แนวคิดนี้อธิบายว่าอุปสงค์ อุปทาน ข่าว การคาดการณ์ของตลาด และสิ่งต่างๆ ทุกอย่างถูกกำหนดเป็นราคาแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปวิเคราะห์เรื่องพวกนั้นอีก วิเคราะห์ราคาอย่างเดียวตอบคำถามได้ทุกอย่าง
แนวคิดที่ 2 พื้นฐานสำคัญที่สุด
สายพื้นฐานเชื่อแนวคิดนี้ ราคาไม่ได้สะท้อนทุกอย่าง กราฟไม่สามารถทำนายเหตุการณ์ในอนาคตที่ส่งผลต่อราคาได้ เช่น ไม่มีใครรู้ว่าจะมีโควิดเกิดขึ้นในโลก FED ปรับดอกเบี้ยตรงกับที่ตลาดคาดการณ์หรือไม่ไม่มีใครรู้จนกว่าจะประกาศ การติดตามข่าวและพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ
แนวคิดที่ 3 ตลาดคือกล่องลงคะแนน
ตลาดคือการลงคะแนนรูปแบบหนึ่ง ถ้าคนส่วนใหญ่อยากให้ราคาขึ้นราคาก็จะขึ้น (แห่ซื้อ) ถ้าคนส่วนใหญ่อยากให้ราคาลงราคาก็จะลง (เทขาย) ตามแนวคิดนี้ควรซื้อขายไปทางเดียวกับคนส่วนใหญ่ กรณีศึกษาคือหุ้น GameStop ที่ราคาพุ่งสูงขึ้นจากการรวมตัวกันซื้อของรายย่อยโดยไม่มีพื้นฐานและกราฟ
แนวคิดที่ 4 การซื้อขายไม่มีทางเหมือนกัน
สมมติมีคนกลุ่มหนึ่งใช้ระบบเทรดเหมือนกันทุกประการ เช่น อ่านกราฟตรงกัน ใช้บอทเทรดตัวเดียวกัน หรือ copy trade สิ่งที่เกิดขึ้นคือคนกลุ่มนี้แต่ละคนไม่มีทางได้กำไรเท่ากัน ระบบเทรดเหมือนกันและเข้า order พร้อมกันก็จริงแต่ match order ไม่พร้อมกัน (volume ที่ราคาเดียวกันมีไม่พอสำหรับทุกคน) ราคาเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้ match order หลังได้เปรียบหรือเสียเปรียบกว่า แนวคิดนี้สรุปว่ากราฟและพื้นฐานที่ทุกคนรู้เหมือนกัน ไม่มีทางทำให้ทุกคนได้ผลลัพธ์เหมือนกัน
ในเมื่อแนวคิดขัดแย้งกันเองแบบนี้ money management สำคัญกว่าแนวคิด จัดสรรเงินให้ทำกำไรได้มากกว่าขาดทุนโดยใช้สถิติวิเคราะห์ระบบเทรด
แนวคิดที่ 1 ราคาสะท้อนทุกสิ่ง
สายกราฟเชื่อแนวคิดนี้ แนวคิดนี้อธิบายว่าอุปสงค์ อุปทาน ข่าว การคาดการณ์ของตลาด และสิ่งต่างๆ ทุกอย่างถูกกำหนดเป็นราคาแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปวิเคราะห์เรื่องพวกนั้นอีก วิเคราะห์ราคาอย่างเดียวตอบคำถามได้ทุกอย่าง
แนวคิดที่ 2 พื้นฐานสำคัญที่สุด
สายพื้นฐานเชื่อแนวคิดนี้ ราคาไม่ได้สะท้อนทุกอย่าง กราฟไม่สามารถทำนายเหตุการณ์ในอนาคตที่ส่งผลต่อราคาได้ เช่น ไม่มีใครรู้ว่าจะมีโควิดเกิดขึ้นในโลก FED ปรับดอกเบี้ยตรงกับที่ตลาดคาดการณ์หรือไม่ไม่มีใครรู้จนกว่าจะประกาศ การติดตามข่าวและพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ
แนวคิดที่ 3 ตลาดคือกล่องลงคะแนน
ตลาดคือการลงคะแนนรูปแบบหนึ่ง ถ้าคนส่วนใหญ่อยากให้ราคาขึ้นราคาก็จะขึ้น (แห่ซื้อ) ถ้าคนส่วนใหญ่อยากให้ราคาลงราคาก็จะลง (เทขาย) ตามแนวคิดนี้ควรซื้อขายไปทางเดียวกับคนส่วนใหญ่ กรณีศึกษาคือหุ้น GameStop ที่ราคาพุ่งสูงขึ้นจากการรวมตัวกันซื้อของรายย่อยโดยไม่มีพื้นฐานและกราฟ
แนวคิดที่ 4 การซื้อขายไม่มีทางเหมือนกัน
สมมติมีคนกลุ่มหนึ่งใช้ระบบเทรดเหมือนกันทุกประการ เช่น อ่านกราฟตรงกัน ใช้บอทเทรดตัวเดียวกัน หรือ copy trade สิ่งที่เกิดขึ้นคือคนกลุ่มนี้แต่ละคนไม่มีทางได้กำไรเท่ากัน ระบบเทรดเหมือนกันและเข้า order พร้อมกันก็จริงแต่ match order ไม่พร้อมกัน (volume ที่ราคาเดียวกันมีไม่พอสำหรับทุกคน) ราคาเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้ match order หลังได้เปรียบหรือเสียเปรียบกว่า แนวคิดนี้สรุปว่ากราฟและพื้นฐานที่ทุกคนรู้เหมือนกัน ไม่มีทางทำให้ทุกคนได้ผลลัพธ์เหมือนกัน
ในเมื่อแนวคิดขัดแย้งกันเองแบบนี้ money management สำคัญกว่าแนวคิด จัดสรรเงินให้ทำกำไรได้มากกว่าขาดทุนโดยใช้สถิติวิเคราะห์ระบบเทรด
แสดงความคิดเห็น
สงสัยเรื่องกราฟต่างๆในโลกของการลงทุน
เพราะผมคิดว่า ถ้ามันมีแพทเทิร์นตายตัว เราก็ใช้ AI Trade ก็คงไม่มีวันเสียเงินอยู่แล้ว อาจจะมีเสียบ้างแค่บางจังหวะ แต่ก็คงกลับมาด้วย AI รู้อยู่ว่าแพทเทิร์นต่อไปคืออะไร
คำถามต่อมาคือ ถ้าอย่างงี้ เราก็ใช้ AI Trade กันหมด ก็จะมีแต่คนได้ ไม่มีคนเสียตังค์เลยใช่มั้ยครับ แล้วเป็นได้หรือครับ
หรือจริงๆแล้ว กราฟ ก็ไม่ได้บอกได้ทุกอย่าง แบบนี้คนที่บอกว่ากราฟมีแพทเทิร์นบอกได้ทุกอย่างก็คือ ไม่ถูกต้องนักใช่มั้ยครับ
สุดท้ายแล้ว ขอแค่ AI ทายให้ถูกเกินครึ่ง ก็ได้แล้วใช่มั้ยครับ แล้วถ้าแพทเทิร์นกราฟที่ว่า ทายอนาคตได้ถูกไม่เกินครึ่ง จะศึกษาไปทำไมหรือครับ