ที่มา
เพจเข็นเด็กขึ้นภูเขา
เรื่องหนึ่งที่พ่อแม่วัยรุ่นมาปรึกษาหมอคือ รู้สึกเป็นห่วงที่ลูกเป็น ‘
ติ่งศิลปิน’ โดยเฉพาะเป็นติ่งนักร้องเกาหลี กลัวว่าการที่ลูกชอบนักร้องนั้นจะทำให้เสียการเรียน หรือหมกมุ่นมากเกินไป
ก่อนอื่นหมออยากจะเล่าประสบการณ์จากการที่ได้คุยกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งให้ฟัง
.
เด็กผู้หญิงคนนี้มีปัญหาถูกเพื่อนแกล้งที่โรงเรียน
เวลาที่คุยกับเด็ก เด็กมักร้องไห้เพราะรู้สึกทุกข์ใจกับเรื่องที่ต้องเผชิญ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เด็กมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะขึ้นมาได้ ก็คือ เรื่องของวงดนตรี ‘
BTS’
สำหรับคนที่ไม่รู้จักวง BTS ขอเล่าให้ฟังก่อนว่า BTS เป็นวงดนตรีเกาหลีที่มีชื่อเสียงระดับโลก ในวงประกอบด้วยสมาชิก 7 คน
เด็กคนนี้ชอบฟังเพลงของ BTS มาก งานอดิเรกอย่างหนึ่งของเธอ คือ การแกะและแปลเนื้อเพลงของ BTS
เธอเล่าว่าเพลงของ BTS ช่วยปลอบประโลมใจเธอ ในวันที่ผู้ใหญ่บางคนมองว่าเรื่องที่เธอถูกเพื่อนแกล้งเป็นเรื่องเล็ก รู้สึกว่าคนอื่นไม่เข้าใจ เพลงของ BTS ทำให้เธอรู้สึกว่ามีใครสักคนมองเห็นเธอ และบอกให้เธอมองเห็นอะไรดีๆในตัวเองมากขึ้น ทำให้รู้สึกมีกำลังใจ ทำให้เธอผ่านเวลาแย่ๆที่เพื่อนแกล้งมาได้ และยังเรียนได้ดีมากอีกด้วย
โชคดีที่หมอก็ได้ฟังเพลง BTS อยู่เหมือนกัน เหตุผลก็คล้ายๆกับเด็กคนนี้ หมอรู้สีกว่าเพลงหลายเพลงมีความหมายที่ดี โดยเฉพาะเรื่องของความรักและการมองเห็นคุณค่าในตัวเอง
ยกตัวอย่างเพลง
Answer: Love myself
เนื้อเพลงบอกเราว่า
บางทีมันยากที่เราจะรักตัวเอง เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีเท่าคนอื่น บางทีเราก็คิดเปรียบเทียบตัวเองกับคนรอบข้าง ยิ่งคนที่เจอประสบการณ์แย่ๆ ความผิดพลาดในชีวิต
ในเพลงมีตอนหนึ่งที่บอกว่า
ความเจ็บปวดและบาดแผลในชีวิตคนก็เหมือน ‘วงปีของต้นไม้’ ที่อย่างไรก็ไม่มีทางลบเลือนไป สิ่งที่ทำได้คือการทำความเข้าใจและยอมรับ สำคัญที่สุด คือเราต้องรักและมองเห็นคุณค่าของตัวเอง อดีตที่ผ่านมาแม้จะเจ็บปวด แต่มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่ทำให้มาเป็นตัวเราในวันนี้
เพลงจบลงด้วยประโยคว่า
‘ฤดูหนาวที่จบลงและตามมาด้วยฤดูใบไม้ผลิ’ หมายความว่าแม้เรื่องที่เผชิญหน้าอยู่จะเลวร้ายแค่ไหน อย่างไรก็ตามมันก็จะผ่านไปในที่สุดเหมือนทุกเรื่องในชีวิตนั่นแหละ
จริงๆ การเป็นติ่งไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป การเป็นติ่งอย่างสร้างสรรค์ แบ่งเวลาให้เหมาะสมก็มีประโยชน์ วัยรุ่นหลายคนอ่านหนังสือดีๆ มากขึ้นตามศิลปินที่ชื่นชอบ ศิลปินหลายคนมีความพยายามและอดทนในการที่จะฝ่าฟันอุปสรรคเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ชีวิต
หมอเข้าใจดีถึงความรักและความเป็นห่วงของพ่อแม่ แต่อยากให้ผู้ใหญ่ลองคิดในมุมของเด็กๆ เพราะเราเองก็เคยเป็นเด็กมาก่อนเช่นกัน
จริงๆ การชื่นชอบดารานักร้องเป็นธรรมดาของวัยรุ่น พ่อแม่ก็คงเคยผ่านอะไรแบบนั้นมาแล้วเป็นส่วนใหญ่
บางทีเมื่อผู้ใหญ่ตั้งแง่กับการเป็นติ่งของเด็ก มองเห็นภาพของเด็กที่ชื่นชอบนักร้องเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่มีประโยชน์ ทำให้ผู้ใหญ่เองพูดและแสดงออกว่าไม่ชอบ ไม่ดี เด็กก็จะรู้สึกว่าผู้ใหญ่ไม่เปิดใจยอมรับ ไม่ฟังเหตุผลของเขา พาลคุยกันไม่รู้เรื่องถึงเรื่องอื่นๆด้วย
แล้วถ้ารู้สึกว่าเขาทำอะไรไม่ค่อยเหมาะในเรื่องนี้ (เช่น ฟังจนไม่สนใจการเรียน หรือ อยากไปดูคอนเสิร์ตที่บัตรแพงมาก ซื้อของตามศิลปินต่างๆ) การที่เราเข้าใจและรับฟังเขาก่อน จะทำให้เราตักเตือนเขาด้วยเหตุผลได้เข้าใจกันมากขึ้น
พ่อแม่ลองเปิดใจ คุยกับเด็กๆว่า เพราะอะไรเขาถึงชอบนักร้องคนนี้ เพลงของเขาเป็นอย่างไหร่ อาจจะลองไปฟังเพลงของนักร้องที่ลูกชอบบ้าง ดีหรือไม่ดีอย่างไร ตรงนี้ถ้าผู้ใหญ่ได้คุยกับเด็ก ก็น่าจะทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น
ในช่วงวัยรุ่นที่เขามักจะติดเพื่อนมากกว่าคุยกับพ่อแม่ การเข้าไปสนใจในสิ่งที่ลูกชอบ ตรงนี้เป็นกุญแจวิเศษอันหนึ่งที่จะใช้สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับวัยรุ่นได้ ซึ่งนำไปสู่การเปิดใจในเรื่องอื่นๆที่พ่อแม่อยากให้เขาเล่าให้ฟังมากขึ้นด้วย
ในวันที่ลูกเป็นติ่งศิลปิน จากเด็กที่โดนบูลลี่ ก็ได้เพลง BTS ช่วยปลอบประโลมใจ
เรื่องหนึ่งที่พ่อแม่วัยรุ่นมาปรึกษาหมอคือ รู้สึกเป็นห่วงที่ลูกเป็น ‘ติ่งศิลปิน’ โดยเฉพาะเป็นติ่งนักร้องเกาหลี กลัวว่าการที่ลูกชอบนักร้องนั้นจะทำให้เสียการเรียน หรือหมกมุ่นมากเกินไป
ก่อนอื่นหมออยากจะเล่าประสบการณ์จากการที่ได้คุยกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งให้ฟัง
.
เด็กผู้หญิงคนนี้มีปัญหาถูกเพื่อนแกล้งที่โรงเรียน
เวลาที่คุยกับเด็ก เด็กมักร้องไห้เพราะรู้สึกทุกข์ใจกับเรื่องที่ต้องเผชิญ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เด็กมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะขึ้นมาได้ ก็คือ เรื่องของวงดนตรี ‘BTS’
สำหรับคนที่ไม่รู้จักวง BTS ขอเล่าให้ฟังก่อนว่า BTS เป็นวงดนตรีเกาหลีที่มีชื่อเสียงระดับโลก ในวงประกอบด้วยสมาชิก 7 คน
เด็กคนนี้ชอบฟังเพลงของ BTS มาก งานอดิเรกอย่างหนึ่งของเธอ คือ การแกะและแปลเนื้อเพลงของ BTS
เธอเล่าว่าเพลงของ BTS ช่วยปลอบประโลมใจเธอ ในวันที่ผู้ใหญ่บางคนมองว่าเรื่องที่เธอถูกเพื่อนแกล้งเป็นเรื่องเล็ก รู้สึกว่าคนอื่นไม่เข้าใจ เพลงของ BTS ทำให้เธอรู้สึกว่ามีใครสักคนมองเห็นเธอ และบอกให้เธอมองเห็นอะไรดีๆในตัวเองมากขึ้น ทำให้รู้สึกมีกำลังใจ ทำให้เธอผ่านเวลาแย่ๆที่เพื่อนแกล้งมาได้ และยังเรียนได้ดีมากอีกด้วย
โชคดีที่หมอก็ได้ฟังเพลง BTS อยู่เหมือนกัน เหตุผลก็คล้ายๆกับเด็กคนนี้ หมอรู้สีกว่าเพลงหลายเพลงมีความหมายที่ดี โดยเฉพาะเรื่องของความรักและการมองเห็นคุณค่าในตัวเอง
ยกตัวอย่างเพลง Answer: Love myself
เนื้อเพลงบอกเราว่า บางทีมันยากที่เราจะรักตัวเอง เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีเท่าคนอื่น บางทีเราก็คิดเปรียบเทียบตัวเองกับคนรอบข้าง ยิ่งคนที่เจอประสบการณ์แย่ๆ ความผิดพลาดในชีวิต
ในเพลงมีตอนหนึ่งที่บอกว่า ความเจ็บปวดและบาดแผลในชีวิตคนก็เหมือน ‘วงปีของต้นไม้’ ที่อย่างไรก็ไม่มีทางลบเลือนไป สิ่งที่ทำได้คือการทำความเข้าใจและยอมรับ สำคัญที่สุด คือเราต้องรักและมองเห็นคุณค่าของตัวเอง อดีตที่ผ่านมาแม้จะเจ็บปวด แต่มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่ทำให้มาเป็นตัวเราในวันนี้
เพลงจบลงด้วยประโยคว่า ‘ฤดูหนาวที่จบลงและตามมาด้วยฤดูใบไม้ผลิ’ หมายความว่าแม้เรื่องที่เผชิญหน้าอยู่จะเลวร้ายแค่ไหน อย่างไรก็ตามมันก็จะผ่านไปในที่สุดเหมือนทุกเรื่องในชีวิตนั่นแหละ
จริงๆ การเป็นติ่งไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป การเป็นติ่งอย่างสร้างสรรค์ แบ่งเวลาให้เหมาะสมก็มีประโยชน์ วัยรุ่นหลายคนอ่านหนังสือดีๆ มากขึ้นตามศิลปินที่ชื่นชอบ ศิลปินหลายคนมีความพยายามและอดทนในการที่จะฝ่าฟันอุปสรรคเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ชีวิต
หมอเข้าใจดีถึงความรักและความเป็นห่วงของพ่อแม่ แต่อยากให้ผู้ใหญ่ลองคิดในมุมของเด็กๆ เพราะเราเองก็เคยเป็นเด็กมาก่อนเช่นกัน
จริงๆ การชื่นชอบดารานักร้องเป็นธรรมดาของวัยรุ่น พ่อแม่ก็คงเคยผ่านอะไรแบบนั้นมาแล้วเป็นส่วนใหญ่
บางทีเมื่อผู้ใหญ่ตั้งแง่กับการเป็นติ่งของเด็ก มองเห็นภาพของเด็กที่ชื่นชอบนักร้องเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่มีประโยชน์ ทำให้ผู้ใหญ่เองพูดและแสดงออกว่าไม่ชอบ ไม่ดี เด็กก็จะรู้สึกว่าผู้ใหญ่ไม่เปิดใจยอมรับ ไม่ฟังเหตุผลของเขา พาลคุยกันไม่รู้เรื่องถึงเรื่องอื่นๆด้วย
แล้วถ้ารู้สึกว่าเขาทำอะไรไม่ค่อยเหมาะในเรื่องนี้ (เช่น ฟังจนไม่สนใจการเรียน หรือ อยากไปดูคอนเสิร์ตที่บัตรแพงมาก ซื้อของตามศิลปินต่างๆ) การที่เราเข้าใจและรับฟังเขาก่อน จะทำให้เราตักเตือนเขาด้วยเหตุผลได้เข้าใจกันมากขึ้น
พ่อแม่ลองเปิดใจ คุยกับเด็กๆว่า เพราะอะไรเขาถึงชอบนักร้องคนนี้ เพลงของเขาเป็นอย่างไหร่ อาจจะลองไปฟังเพลงของนักร้องที่ลูกชอบบ้าง ดีหรือไม่ดีอย่างไร ตรงนี้ถ้าผู้ใหญ่ได้คุยกับเด็ก ก็น่าจะทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น
ในช่วงวัยรุ่นที่เขามักจะติดเพื่อนมากกว่าคุยกับพ่อแม่ การเข้าไปสนใจในสิ่งที่ลูกชอบ ตรงนี้เป็นกุญแจวิเศษอันหนึ่งที่จะใช้สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับวัยรุ่นได้ ซึ่งนำไปสู่การเปิดใจในเรื่องอื่นๆที่พ่อแม่อยากให้เขาเล่าให้ฟังมากขึ้นด้วย