JJNY : ติดเชื้อ7,779 เสียชีวิต56│รถร่วม-บขส.ขอปรับขึ้นราคา│ลต.ผู้ว่าฯกทม. คาดใช้สิทธิ์70%│ฮุน เซนถูกปารองเท้าเฉียดหน้า

โควิดวันนี้ ติดเชื้อลดลง 7,779 ราย เสียชีวิต 56 ราย อัตราครองเตียง 17.1%
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3341229
 
 
โควิดวันนี้ ติดเชื้อลดลง 7,779 ราย เสียชีวิต 56 ราย อัตราครองเตียง 17.1%
 
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานยอดผู้ติดเชื้อ ประจำวันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 รวม 7,779 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 7,777 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 2 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,137,581 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
 
หายป่วยกลับบ้าน 9,286 ราย หายป่วยสะสม 2,087,291 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 75,864 ราย เสียชีวิต 56 ราย
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,277 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 17 ราย อัตราครองเตียง ร้อยละ 17.1



ดีเซลพ่นพิษ! รถร่วม - บขส. ขอปรับขึ้นราคา ค่าโดยสาร 5 สตางค์
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7046707

รถร่วม บขส. ขอปรับขึ้นราคา ค่าโดยสาร 5 สตางค์ หลังแบกรับภาระ น้ำมันดีเซลไม่ไหว ด้าน ขบ. เล็งนำข้อเสนอให้คกก.ขนส่งฯ เคาะ มิ.ย. นี้
 
เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2565​ ที่กรมขนส่งทางบก นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย พร้อมด้วยผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง เข้าพบนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดี กรมขนส่งทางบก เพื่อยื่นข้อเสนอให้กรมพิจารณาทบทวน การนำประกาศกรม ตามมติคณะกรรมการกรมการขนส่งทางบกกลาง เมื่อปี 2555
 
ที่ประกาศใช้โครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันดีเซล เพื่อใช้พิจารณาปรับขึ้นหรือลดอัตราค่าโดยสาร โดยกำหนดว่าหากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นถึง 1.12 บาทต่อลิตร จะมีการปรับค่าโดยสารขึ้น 1 สตางค์ต่อกิโลเมตร
 
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า สำหรับอัตราค่าโดยสารที่กรมการขนส่งทางบกประกาศใช้อยู่ในปัจจุบัน ประกาศตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 62 คือ 53 สตางค์ต่อกิโลเมตร ต่อคน ซึ่งราคาน้ำมันดีเซล ณ วันที่ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ลิตรละ 27.79 บาท
 
ขณะที่ปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 31.94 บาท และมีแนวโน้มว่าจะปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 40 บาทต่อลิตร ในไม่ช้านี้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการขนส่งรถโดยสารประจำทาง แบกรับภาระต้นทุนที่สูงเกินจริงมาอย่างต่อเนื่อง จึงขอเพียงให้ใช้ประกาศโครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลดังกล่าวก่อนผู้ประกอบการจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
 
ด้านนางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์โดยสาร เจ้าของอู่รถเชิดชัยและบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ จำกัด กล่าวว่า สมาคมฯ ได้เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอปรับอัตราค่าโดยสารอิงตามราคาน้ำมันปัจจุบัน ณ วันที่ 11 พฤษภาคม​ 65 ราคาอยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร หลังจากรัฐบาลประกาศยกเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซล
 
ด้วยเหตุนี้สมาคมฯ จึงขอปรับอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นกิโลเมตรละ 1 สตางค์ต่อน้ำมันขึ้น 1 บาทต่อ 1 ลิตร ดังนั้นจากฐานราคา 27.79 บาท เทียบกับราคาปัจจุบันต่างกันราว 5 บาท ส่งผลให้อัตราค่าโดยสารควรจะได้ปรับเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5 สตางค์
 
นางสุจินดา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังต้องการให้ภาครัฐพิจารณาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการในด้านอื่น ๆ เช่น ลดค่าธรรมเนียมเที่ยววิ่ง และค่าธรรมเนียมประเภทอื่นที่ต้องจ่ายให้ บขส. เนื่องจากขณะนี้ ผู้ประกอบการแบกต้นทุนน้ำมันที่สูงคิดเป็น 60% ของค่าโดยสารแล้ว อีกทั้งยังมีปริมาณผู้โดยสารเดินทางลดลง ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องปิดกิจการ
 
“ตอนนี้น้ำมันเป็นต้นทุนหลัก 60% ของค่าโดยสาร รถโดยสารวิ่งให้บริการ 1 คัน ถ้าจะให้ได้ต้นทุนต้องมีผู้โดยสาร 16 ที่นั่ง และถ้าเกินนั้นถึงจะมีรายได้บ้าง แต่หากภาครัฐไม่ช่วยเหลือในส่วนนี้ ทางออกตอนนี้ของเจ๊เกียวก็คือขายกิจการ ส่วนสมาชิกตอนนี้ก็สู้น้ำมันไม่ไหว ล้มหายตายจากไปเยอะ แต่จะหยุดวิ่งไหมมันก็มีกฎระเบียบข้อบังคับอยู่ คงก็ต้องปฏิบัติตาม” นางสุจินดา กล่าว
 
ด้านนายจิรุตม์ กล่าวว่า หลังจากรับฟังข้อเสนอแล้วเบื้องต้นได้มีการเสนอขอปรับค่าโดยสารขึ้น กก.ละ 1 สตางค์ต่อน้ำมันขึ้น 1 บาทต่อ 1 ลิตร ซึ่งในส่วนของประเด็นนี้ ทาง ขบ.จะนำไปเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง อีกครั้งภายในเดือนมิถุนายน นี้เพื่อให้คณะกรรมการฯ เป็นผู้พิจารณาปรับอัตราค่าโดยสารต่อไป
 
“นอกจากนี้ กรมจะช่วยลดมาตรการด้านค่าใช้จ่าย เช่น การใช้บัตรคูปองส่วนลดค่าน้ำมันดีเซล 2 บาทต่อลิตร หรือ 60 ลิตรต่อวัน เป็นเวลา 3 เดือน ใช้งบประมาณ 3,300 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 1,100 ล้านบาทต่อเดือน โดยมาตรการนี้จะครอบคลุมรถทั้ง 3 ประเภท
 
ประกอบด้วย รถโดยสารประจำทางและไม่ประจำประทาง (รถ30) รวมทั้งรถบรรทุกไม่ประจำทาง ซึ่งกรมอยู่ระหว่างเตรียมเสนอต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณาเพื่อประสานงานกับกระทรวงคลังและกระพลังงานพิจารณาเรื่องดังกล่าวต่อไป” นายจิรุตม์ กล่าว
 
นายจิรุตม์ กล่าวอีกว่า ส่วนในเรื่องของการช่วยเหลือเบื้องต้น บขส. จะพิจารณาปรับรถค่าธรรมเนียมเที่ยววิ่ง (ค่าขา) เพื่อลดต้นทุนในการเดินรถในช่วงที่ราคาน้ำมันแพง รวมทั้งจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการที่ต้องการประสงค์ให้แจ้งหยุดใช้รถชั่วคราว โดยจะระงับการดำเนินการชำระภาษีรถประจำปี เพื่อนำป้ายทะเบียนรถออกชั่วคราว
 
หากกลับมาให้บริการจะดำเนินการกลับมาให้บริการตามเดิม ทั้งนี้กรมฯได้เตรียมประสานสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ในการลดค่าประกะนภัย โดยปรับจากค่าประกันภัย 1 คันต่อ 1 ปี เป็นค่าประกันแบบรายหัวแทน
 

 
กกต.เผยความพร้อมจัดเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. คาดจะมีคนกรุงออกมาใช้สิทธิ์ถึง 70%
https://ch3plus.com/news/political/3mitinews/290911

การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ในวันอาทิตย์ ที่ 22 พฤษภาคมนี้ กกต.คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนมาใช้สิทธิ์มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะตื่นตัวจากการเลือกตั้งในรอบ 9 ปี และเป็นการเลือกตั้งที่มีบัตร 2 ใบ ในการเลือกผู้ว่าฯกทม.และ ส.ก.จึงต้องแจ้งเตือนประชาชนให้ใช้สิทธิ์อย่างถูกต้องป้องกันบัตรเสีย และเสียสิทธิ์เลือกตั้ง โดยเฉพาะผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านในเขตใหม่ไม่ถึง 1 ปี จะไม่ได้เลือก ส.ก.หากไม่ได้เพิ่มถอนชื่อกลับไปยังเขตเดิมตามกำหนด ก็ไม่สามารถเลือก ส.ก.ได้ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 4 หมื่นคน จึงต้องเตรียมแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งด้วย
 
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เปิดเผยว่า ขณะนี้มีความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคมนี้แล้ว โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ที่จะเป็นการเลือกตั้งในรอบ 9 ปี ของผู้ว่าฯกทม และเลือกตั้งพร้อมกับ ส.ก.ทั้ง 50 เขต ซึ่ง กกต.กรุงเทพมหานคร ได้แจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไปยังทุกบ้านแล้ว จึงขอให้ตรวจสอบรายชื่อว่ามีสิทธิ์เลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งใด
 
โดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะมีอายุไม่ตำกว่า 18 ปีในวันเลือกตั้ง มีสัญชาติไทย ถ้าแปลงสัญชาติต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีและต้องมีชื่อในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือหากย้ายเขต ไม่ถึง 1 ปี ก็ต้องทำการเพิ่มถอนชื่อกลับไปเขตเดิมก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10 วัน ซึ่งขณะนี่ไม่สามารถทำได้แล้ว ทำให้ไม่สิทธิ์ในการเลือก ส.ก.เมื่อถึงวันเลือกตั้งต้องแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส.ก.ด้วย เพื่อจะได้ไปเสียสิทธิ์ทางการเมือง

แต่หากย้ายเข้ามาในทะเบียนบ้านกรุงเทพเกิน 1 ปี สามารถเลือกผู้ว่าฯกทม.ได้ ซึ่งกลุ่มนี้จะมีอยู่ประมาณ 40,000 คน ที่ทางกกต.ได้เตรียมทำความเข้าใจในวันเลือกตั้งด้วย และเตรียมการกรณีที่ทำให้การนับคะแนน จำนวนบัตรไม่ตรงกัน จนอาจกลายเป็นปัญหาบัตรเขย่ง
 
การเตรียมตัวของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจึงสำคัญ ที่ทางกรุงเทพมหานครได้เปิดให้บริการทำบัตรประชาชนในวันหยุดราชการ เปิดให้บริการวันเสาร์ ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน และเปิดในวันเลือกตั้ง 22 พฤษภาคมด้วย แต่ในวันเลือกตั้งสามารถใช้บัตรที่ออกโดยราชการ ที่อาจจะหมดอายุก็ได้ ในการแสดงตัว และได้เตรียมมาตรการป้องกันโรคโควิด ที่จะมีช่องทางพิเศษให้ผู้ป่วยโควิดด้วย โดยแนะนำให้นำปากกาสีน้ำเงินมาเองได้
 
กกต.คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม.และ ส.ก.ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เห็นจากการตื่นตัวมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และต้องทำความเข้าใจให้ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้งให้พร้อม
 
โดยสามารถดาวน์โหลด แอพลิเคชั่น สมาร์ทโหวต ตรวจสอบได้ รวมถึงหมายเลขผู้สมัคร ที่ต้องใช้บัตรเลือกตั้ง2 ใบ บัตรสีน้ำตาลสำหรับเลือกผู้ว่าฯ กทม.และ บัตรสีชมพู สำหรับผู้สมัคร ส.ก.ซึ่งมีหมายเลขไม่ตรงกัน เมื่อกากบาท ทั้ง 2 ใบในคูหาเลือกตั้งแล้ว ต้องนำไปหย่อนในหีบบัตร ที่มี 2 ใบ แยกกันด้วย และต้องระวังไม่ทำผิดกฏหมายเลือกตั้ง เช่น การถ่ายภาพเซลฟี่กับบัตรเลือกตั้ง และการฉีกบัตร
 
สำหรับการทุจริตเลือกตั้ง หากพบเบาะแสสามารถโทรแจ้งสายด่วน 1444 โดยจะมีรางวัลแจ้งข่าว 5,000 บาท แจ้งเบาะแสะทุจริต 1 ล้านบาท เพื่อการเลือกตั้งที่โปร่งใส
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่