โควิดวันนี้ ติดเชื้อลดลง 7,779 ราย เสียชีวิต 56 ราย อัตราครองเตียง 17.1%
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3341229
โควิดวันนี้ ติดเชื้อลดลง 7,779 ราย เสียชีวิต 56 ราย อัตราครองเตียง 17.1%
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานยอดผู้ติดเชื้อ ประจำวันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 รวม 7,779 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 7,777 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 2 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,137,581 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 9,286 ราย หายป่วยสะสม 2,087,291 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 75,864 ราย เสียชีวิต 56 ราย
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,277 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 17 ราย อัตราครองเตียง ร้อยละ 17.1
ดีเซลพ่นพิษ! รถร่วม - บขส. ขอปรับขึ้นราคา ค่าโดยสาร 5 สตางค์
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7046707
รถร่วม บขส. ขอปรับขึ้นราคา ค่าโดยสาร 5 สตางค์ หลังแบกรับภาระ น้ำมันดีเซลไม่ไหว ด้าน ขบ. เล็งนำข้อเสนอให้คกก.ขนส่งฯ เคาะ มิ.ย. นี้
เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2565 ที่กรมขนส่งทางบก นาย
พิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย พร้อมด้วยผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง เข้าพบนาย
จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดี กรมขนส่งทางบก เพื่อยื่นข้อเสนอให้กรมพิจารณาทบทวน การนำประกาศกรม ตามมติคณะกรรมการกรมการขนส่งทางบกกลาง เมื่อปี 2555
ที่ประกาศใช้โครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันดีเซล เพื่อใช้พิจารณาปรับขึ้นหรือลดอัตราค่าโดยสาร โดยกำหนดว่าหากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นถึง 1.12 บาทต่อลิตร จะมีการปรับค่าโดยสารขึ้น 1 สตางค์ต่อกิโลเมตร
นาย
พิเชษฐ์ กล่าวว่า สำหรับอัตราค่าโดยสารที่กรมการขนส่งทางบกประกาศใช้อยู่ในปัจจุบัน ประกาศตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 62 คือ 53 สตางค์ต่อกิโลเมตร ต่อคน ซึ่งราคาน้ำมันดีเซล ณ วันที่ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ลิตรละ 27.79 บาท
ขณะที่ปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 31.94 บาท และมีแนวโน้มว่าจะปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 40 บาทต่อลิตร ในไม่ช้านี้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการขนส่งรถโดยสารประจำทาง แบกรับภาระต้นทุนที่สูงเกินจริงมาอย่างต่อเนื่อง จึงขอเพียงให้ใช้ประกาศโครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลดังกล่าวก่อนผู้ประกอบการจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ด้านนาง
สุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์โดยสาร เจ้าของอู่รถเชิดชัยและบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ จำกัด กล่าวว่า สมาคมฯ ได้เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอปรับอัตราค่าโดยสารอิงตามราคาน้ำมันปัจจุบัน ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 65 ราคาอยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร หลังจากรัฐบาลประกาศยกเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซล
ด้วยเหตุนี้สมาคมฯ จึงขอปรับอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นกิโลเมตรละ 1 สตางค์ต่อน้ำมันขึ้น 1 บาทต่อ 1 ลิตร ดังนั้นจากฐานราคา 27.79 บาท เทียบกับราคาปัจจุบันต่างกันราว 5 บาท ส่งผลให้อัตราค่าโดยสารควรจะได้ปรับเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5 สตางค์
นาง
สุจินดา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังต้องการให้ภาครัฐพิจารณาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการในด้านอื่น ๆ เช่น ลดค่าธรรมเนียมเที่ยววิ่ง และค่าธรรมเนียมประเภทอื่นที่ต้องจ่ายให้ บขส. เนื่องจากขณะนี้ ผู้ประกอบการแบกต้นทุนน้ำมันที่สูงคิดเป็น 60% ของค่าโดยสารแล้ว อีกทั้งยังมีปริมาณผู้โดยสารเดินทางลดลง ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องปิดกิจการ
“ตอนนี้น้ำมันเป็นต้นทุนหลัก 60% ของค่าโดยสาร รถโดยสารวิ่งให้บริการ 1 คัน ถ้าจะให้ได้ต้นทุนต้องมีผู้โดยสาร 16 ที่นั่ง และถ้าเกินนั้นถึงจะมีรายได้บ้าง แต่หากภาครัฐไม่ช่วยเหลือในส่วนนี้ ทางออกตอนนี้ของเจ๊เกียวก็คือขายกิจการ ส่วนสมาชิกตอนนี้ก็สู้น้ำมันไม่ไหว ล้มหายตายจากไปเยอะ แต่จะหยุดวิ่งไหมมันก็มีกฎระเบียบข้อบังคับอยู่ คงก็ต้องปฏิบัติตาม” นางสุจินดา กล่าว
ด้านนาย
จิรุตม์ กล่าวว่า หลังจากรับฟังข้อเสนอแล้วเบื้องต้นได้มีการเสนอขอปรับค่าโดยสารขึ้น กก.ละ 1 สตางค์ต่อน้ำมันขึ้น 1 บาทต่อ 1 ลิตร ซึ่งในส่วนของประเด็นนี้ ทาง ขบ.จะนำไปเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง อีกครั้งภายในเดือนมิถุนายน นี้เพื่อให้คณะกรรมการฯ เป็นผู้พิจารณาปรับอัตราค่าโดยสารต่อไป
“นอกจากนี้ กรมจะช่วยลดมาตรการด้านค่าใช้จ่าย เช่น การใช้บัตรคูปองส่วนลดค่าน้ำมันดีเซล 2 บาทต่อลิตร หรือ 60 ลิตรต่อวัน เป็นเวลา 3 เดือน ใช้งบประมาณ 3,300 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 1,100 ล้านบาทต่อเดือน โดยมาตรการนี้จะครอบคลุมรถทั้ง 3 ประเภท
ประกอบด้วย รถโดยสารประจำทางและไม่ประจำประทาง (รถ30) รวมทั้งรถบรรทุกไม่ประจำทาง ซึ่งกรมอยู่ระหว่างเตรียมเสนอต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณาเพื่อประสานงานกับกระทรวงคลังและกระพลังงานพิจารณาเรื่องดังกล่าวต่อไป” นายจิรุตม์ กล่าว
นาย
จิรุตม์ กล่าวอีกว่า ส่วนในเรื่องของการช่วยเหลือเบื้องต้น บขส. จะพิจารณาปรับรถค่าธรรมเนียมเที่ยววิ่ง (ค่าขา) เพื่อลดต้นทุนในการเดินรถในช่วงที่ราคาน้ำมันแพง รวมทั้งจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการที่ต้องการประสงค์ให้แจ้งหยุดใช้รถชั่วคราว โดยจะระงับการดำเนินการชำระภาษีรถประจำปี เพื่อนำป้ายทะเบียนรถออกชั่วคราว
หากกลับมาให้บริการจะดำเนินการกลับมาให้บริการตามเดิม ทั้งนี้กรมฯได้เตรียมประสานสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ในการลดค่าประกะนภัย โดยปรับจากค่าประกันภัย 1 คันต่อ 1 ปี เป็นค่าประกันแบบรายหัวแทน
กกต.เผยความพร้อมจัดเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. คาดจะมีคนกรุงออกมาใช้สิทธิ์ถึง 70%
https://ch3plus.com/news/political/3mitinews/290911
การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ในวันอาทิตย์ ที่ 22 พฤษภาคมนี้ กกต.คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนมาใช้สิทธิ์มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะตื่นตัวจากการเลือกตั้งในรอบ 9 ปี และเป็นการเลือกตั้งที่มีบัตร 2 ใบ ในการเลือกผู้ว่าฯกทม.และ ส.ก.จึงต้องแจ้งเตือนประชาชนให้ใช้สิทธิ์อย่างถูกต้องป้องกันบัตรเสีย และเสียสิทธิ์เลือกตั้ง โดยเฉพาะผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านในเขตใหม่ไม่ถึง 1 ปี จะไม่ได้เลือก ส.ก.หากไม่ได้เพิ่มถอนชื่อกลับไปยังเขตเดิมตามกำหนด ก็ไม่สามารถเลือก ส.ก.ได้ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 4 หมื่นคน จึงต้องเตรียมแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งด้วย
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เปิดเผยว่า ขณะนี้มีความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคมนี้แล้ว โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ที่จะเป็นการเลือกตั้งในรอบ 9 ปี ของผู้ว่าฯกทม และเลือกตั้งพร้อมกับ ส.ก.ทั้ง 50 เขต ซึ่ง กกต.กรุงเทพมหานคร ได้แจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไปยังทุกบ้านแล้ว จึงขอให้ตรวจสอบรายชื่อว่ามีสิทธิ์เลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งใด
โดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะมีอายุไม่ตำกว่า 18 ปีในวันเลือกตั้ง มีสัญชาติไทย ถ้าแปลงสัญชาติต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีและต้องมีชื่อในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือหากย้ายเขต ไม่ถึง 1 ปี ก็ต้องทำการเพิ่มถอนชื่อกลับไปเขตเดิมก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10 วัน ซึ่งขณะนี่ไม่สามารถทำได้แล้ว ทำให้ไม่สิทธิ์ในการเลือก ส.ก.เมื่อถึงวันเลือกตั้งต้องแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส.ก.ด้วย เพื่อจะได้ไปเสียสิทธิ์ทางการเมือง
แต่หากย้ายเข้ามาในทะเบียนบ้านกรุงเทพเกิน 1 ปี สามารถเลือกผู้ว่าฯกทม.ได้ ซึ่งกลุ่มนี้จะมีอยู่ประมาณ 40,000 คน ที่ทางกกต.ได้เตรียมทำความเข้าใจในวันเลือกตั้งด้วย และเตรียมการกรณีที่ทำให้การนับคะแนน จำนวนบัตรไม่ตรงกัน จนอาจกลายเป็นปัญหาบัตรเขย่ง
การเตรียมตัวของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจึงสำคัญ ที่ทางกรุงเทพมหานครได้เปิดให้บริการทำบัตรประชาชนในวันหยุดราชการ เปิดให้บริการวันเสาร์ ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน และเปิดในวันเลือกตั้ง 22 พฤษภาคมด้วย แต่ในวันเลือกตั้งสามารถใช้บัตรที่ออกโดยราชการ ที่อาจจะหมดอายุก็ได้ ในการแสดงตัว และได้เตรียมมาตรการป้องกันโรคโควิด ที่จะมีช่องทางพิเศษให้ผู้ป่วยโควิดด้วย โดยแนะนำให้นำปากกาสีน้ำเงินมาเองได้
กกต.คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม.และ ส.ก.ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เห็นจากการตื่นตัวมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และต้องทำความเข้าใจให้ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้งให้พร้อม
โดยสามารถดาวน์โหลด แอพลิเคชั่น สมาร์ทโหวต ตรวจสอบได้ รวมถึงหมายเลขผู้สมัคร ที่ต้องใช้บัตรเลือกตั้ง2 ใบ บัตรสีน้ำตาลสำหรับเลือกผู้ว่าฯ กทม.และ บัตรสีชมพู สำหรับผู้สมัคร ส.ก.ซึ่งมีหมายเลขไม่ตรงกัน เมื่อกากบาท ทั้ง 2 ใบในคูหาเลือกตั้งแล้ว ต้องนำไปหย่อนในหีบบัตร ที่มี 2 ใบ แยกกันด้วย และต้องระวังไม่ทำผิดกฏหมายเลือกตั้ง เช่น การถ่ายภาพเซลฟี่กับบัตรเลือกตั้ง และการฉีกบัตร
สำหรับการทุจริตเลือกตั้ง หากพบเบาะแสสามารถโทรแจ้งสายด่วน 1444 โดยจะมีรางวัลแจ้งข่าว 5,000 บาท แจ้งเบาะแสะทุจริต 1 ล้านบาท เพื่อการเลือกตั้งที่โปร่งใส
JJNY : ติดเชื้อ7,779 เสียชีวิต56│รถร่วม-บขส.ขอปรับขึ้นราคา│ลต.ผู้ว่าฯกทม. คาดใช้สิทธิ์70%│ฮุน เซนถูกปารองเท้าเฉียดหน้า
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3341229
โควิดวันนี้ ติดเชื้อลดลง 7,779 ราย เสียชีวิต 56 ราย อัตราครองเตียง 17.1%
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานยอดผู้ติดเชื้อ ประจำวันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 รวม 7,779 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 7,777 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 2 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,137,581 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 9,286 ราย หายป่วยสะสม 2,087,291 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 75,864 ราย เสียชีวิต 56 ราย
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,277 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 17 ราย อัตราครองเตียง ร้อยละ 17.1
ดีเซลพ่นพิษ! รถร่วม - บขส. ขอปรับขึ้นราคา ค่าโดยสาร 5 สตางค์
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7046707
รถร่วม บขส. ขอปรับขึ้นราคา ค่าโดยสาร 5 สตางค์ หลังแบกรับภาระ น้ำมันดีเซลไม่ไหว ด้าน ขบ. เล็งนำข้อเสนอให้คกก.ขนส่งฯ เคาะ มิ.ย. นี้
เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2565 ที่กรมขนส่งทางบก นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย พร้อมด้วยผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง เข้าพบนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดี กรมขนส่งทางบก เพื่อยื่นข้อเสนอให้กรมพิจารณาทบทวน การนำประกาศกรม ตามมติคณะกรรมการกรมการขนส่งทางบกกลาง เมื่อปี 2555
ที่ประกาศใช้โครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันดีเซล เพื่อใช้พิจารณาปรับขึ้นหรือลดอัตราค่าโดยสาร โดยกำหนดว่าหากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นถึง 1.12 บาทต่อลิตร จะมีการปรับค่าโดยสารขึ้น 1 สตางค์ต่อกิโลเมตร
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า สำหรับอัตราค่าโดยสารที่กรมการขนส่งทางบกประกาศใช้อยู่ในปัจจุบัน ประกาศตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 62 คือ 53 สตางค์ต่อกิโลเมตร ต่อคน ซึ่งราคาน้ำมันดีเซล ณ วันที่ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ลิตรละ 27.79 บาท
ขณะที่ปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 31.94 บาท และมีแนวโน้มว่าจะปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 40 บาทต่อลิตร ในไม่ช้านี้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการขนส่งรถโดยสารประจำทาง แบกรับภาระต้นทุนที่สูงเกินจริงมาอย่างต่อเนื่อง จึงขอเพียงให้ใช้ประกาศโครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลดังกล่าวก่อนผู้ประกอบการจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ด้านนางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์โดยสาร เจ้าของอู่รถเชิดชัยและบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ จำกัด กล่าวว่า สมาคมฯ ได้เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอปรับอัตราค่าโดยสารอิงตามราคาน้ำมันปัจจุบัน ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 65 ราคาอยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร หลังจากรัฐบาลประกาศยกเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซล
ด้วยเหตุนี้สมาคมฯ จึงขอปรับอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นกิโลเมตรละ 1 สตางค์ต่อน้ำมันขึ้น 1 บาทต่อ 1 ลิตร ดังนั้นจากฐานราคา 27.79 บาท เทียบกับราคาปัจจุบันต่างกันราว 5 บาท ส่งผลให้อัตราค่าโดยสารควรจะได้ปรับเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5 สตางค์
นางสุจินดา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังต้องการให้ภาครัฐพิจารณาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการในด้านอื่น ๆ เช่น ลดค่าธรรมเนียมเที่ยววิ่ง และค่าธรรมเนียมประเภทอื่นที่ต้องจ่ายให้ บขส. เนื่องจากขณะนี้ ผู้ประกอบการแบกต้นทุนน้ำมันที่สูงคิดเป็น 60% ของค่าโดยสารแล้ว อีกทั้งยังมีปริมาณผู้โดยสารเดินทางลดลง ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องปิดกิจการ
“ตอนนี้น้ำมันเป็นต้นทุนหลัก 60% ของค่าโดยสาร รถโดยสารวิ่งให้บริการ 1 คัน ถ้าจะให้ได้ต้นทุนต้องมีผู้โดยสาร 16 ที่นั่ง และถ้าเกินนั้นถึงจะมีรายได้บ้าง แต่หากภาครัฐไม่ช่วยเหลือในส่วนนี้ ทางออกตอนนี้ของเจ๊เกียวก็คือขายกิจการ ส่วนสมาชิกตอนนี้ก็สู้น้ำมันไม่ไหว ล้มหายตายจากไปเยอะ แต่จะหยุดวิ่งไหมมันก็มีกฎระเบียบข้อบังคับอยู่ คงก็ต้องปฏิบัติตาม” นางสุจินดา กล่าว
ด้านนายจิรุตม์ กล่าวว่า หลังจากรับฟังข้อเสนอแล้วเบื้องต้นได้มีการเสนอขอปรับค่าโดยสารขึ้น กก.ละ 1 สตางค์ต่อน้ำมันขึ้น 1 บาทต่อ 1 ลิตร ซึ่งในส่วนของประเด็นนี้ ทาง ขบ.จะนำไปเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง อีกครั้งภายในเดือนมิถุนายน นี้เพื่อให้คณะกรรมการฯ เป็นผู้พิจารณาปรับอัตราค่าโดยสารต่อไป
“นอกจากนี้ กรมจะช่วยลดมาตรการด้านค่าใช้จ่าย เช่น การใช้บัตรคูปองส่วนลดค่าน้ำมันดีเซล 2 บาทต่อลิตร หรือ 60 ลิตรต่อวัน เป็นเวลา 3 เดือน ใช้งบประมาณ 3,300 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 1,100 ล้านบาทต่อเดือน โดยมาตรการนี้จะครอบคลุมรถทั้ง 3 ประเภท
ประกอบด้วย รถโดยสารประจำทางและไม่ประจำประทาง (รถ30) รวมทั้งรถบรรทุกไม่ประจำทาง ซึ่งกรมอยู่ระหว่างเตรียมเสนอต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณาเพื่อประสานงานกับกระทรวงคลังและกระพลังงานพิจารณาเรื่องดังกล่าวต่อไป” นายจิรุตม์ กล่าว
นายจิรุตม์ กล่าวอีกว่า ส่วนในเรื่องของการช่วยเหลือเบื้องต้น บขส. จะพิจารณาปรับรถค่าธรรมเนียมเที่ยววิ่ง (ค่าขา) เพื่อลดต้นทุนในการเดินรถในช่วงที่ราคาน้ำมันแพง รวมทั้งจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการที่ต้องการประสงค์ให้แจ้งหยุดใช้รถชั่วคราว โดยจะระงับการดำเนินการชำระภาษีรถประจำปี เพื่อนำป้ายทะเบียนรถออกชั่วคราว
หากกลับมาให้บริการจะดำเนินการกลับมาให้บริการตามเดิม ทั้งนี้กรมฯได้เตรียมประสานสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ในการลดค่าประกะนภัย โดยปรับจากค่าประกันภัย 1 คันต่อ 1 ปี เป็นค่าประกันแบบรายหัวแทน
กกต.เผยความพร้อมจัดเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. คาดจะมีคนกรุงออกมาใช้สิทธิ์ถึง 70%
https://ch3plus.com/news/political/3mitinews/290911
การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ในวันอาทิตย์ ที่ 22 พฤษภาคมนี้ กกต.คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนมาใช้สิทธิ์มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะตื่นตัวจากการเลือกตั้งในรอบ 9 ปี และเป็นการเลือกตั้งที่มีบัตร 2 ใบ ในการเลือกผู้ว่าฯกทม.และ ส.ก.จึงต้องแจ้งเตือนประชาชนให้ใช้สิทธิ์อย่างถูกต้องป้องกันบัตรเสีย และเสียสิทธิ์เลือกตั้ง โดยเฉพาะผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านในเขตใหม่ไม่ถึง 1 ปี จะไม่ได้เลือก ส.ก.หากไม่ได้เพิ่มถอนชื่อกลับไปยังเขตเดิมตามกำหนด ก็ไม่สามารถเลือก ส.ก.ได้ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 4 หมื่นคน จึงต้องเตรียมแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งด้วย
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เปิดเผยว่า ขณะนี้มีความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคมนี้แล้ว โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ที่จะเป็นการเลือกตั้งในรอบ 9 ปี ของผู้ว่าฯกทม และเลือกตั้งพร้อมกับ ส.ก.ทั้ง 50 เขต ซึ่ง กกต.กรุงเทพมหานคร ได้แจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไปยังทุกบ้านแล้ว จึงขอให้ตรวจสอบรายชื่อว่ามีสิทธิ์เลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งใด
โดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะมีอายุไม่ตำกว่า 18 ปีในวันเลือกตั้ง มีสัญชาติไทย ถ้าแปลงสัญชาติต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีและต้องมีชื่อในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือหากย้ายเขต ไม่ถึง 1 ปี ก็ต้องทำการเพิ่มถอนชื่อกลับไปเขตเดิมก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10 วัน ซึ่งขณะนี่ไม่สามารถทำได้แล้ว ทำให้ไม่สิทธิ์ในการเลือก ส.ก.เมื่อถึงวันเลือกตั้งต้องแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส.ก.ด้วย เพื่อจะได้ไปเสียสิทธิ์ทางการเมือง
แต่หากย้ายเข้ามาในทะเบียนบ้านกรุงเทพเกิน 1 ปี สามารถเลือกผู้ว่าฯกทม.ได้ ซึ่งกลุ่มนี้จะมีอยู่ประมาณ 40,000 คน ที่ทางกกต.ได้เตรียมทำความเข้าใจในวันเลือกตั้งด้วย และเตรียมการกรณีที่ทำให้การนับคะแนน จำนวนบัตรไม่ตรงกัน จนอาจกลายเป็นปัญหาบัตรเขย่ง
การเตรียมตัวของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจึงสำคัญ ที่ทางกรุงเทพมหานครได้เปิดให้บริการทำบัตรประชาชนในวันหยุดราชการ เปิดให้บริการวันเสาร์ ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน และเปิดในวันเลือกตั้ง 22 พฤษภาคมด้วย แต่ในวันเลือกตั้งสามารถใช้บัตรที่ออกโดยราชการ ที่อาจจะหมดอายุก็ได้ ในการแสดงตัว และได้เตรียมมาตรการป้องกันโรคโควิด ที่จะมีช่องทางพิเศษให้ผู้ป่วยโควิดด้วย โดยแนะนำให้นำปากกาสีน้ำเงินมาเองได้
กกต.คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม.และ ส.ก.ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เห็นจากการตื่นตัวมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และต้องทำความเข้าใจให้ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้งให้พร้อม
โดยสามารถดาวน์โหลด แอพลิเคชั่น สมาร์ทโหวต ตรวจสอบได้ รวมถึงหมายเลขผู้สมัคร ที่ต้องใช้บัตรเลือกตั้ง2 ใบ บัตรสีน้ำตาลสำหรับเลือกผู้ว่าฯ กทม.และ บัตรสีชมพู สำหรับผู้สมัคร ส.ก.ซึ่งมีหมายเลขไม่ตรงกัน เมื่อกากบาท ทั้ง 2 ใบในคูหาเลือกตั้งแล้ว ต้องนำไปหย่อนในหีบบัตร ที่มี 2 ใบ แยกกันด้วย และต้องระวังไม่ทำผิดกฏหมายเลือกตั้ง เช่น การถ่ายภาพเซลฟี่กับบัตรเลือกตั้ง และการฉีกบัตร
สำหรับการทุจริตเลือกตั้ง หากพบเบาะแสสามารถโทรแจ้งสายด่วน 1444 โดยจะมีรางวัลแจ้งข่าว 5,000 บาท แจ้งเบาะแสะทุจริต 1 ล้านบาท เพื่อการเลือกตั้งที่โปร่งใส