เกิด 11 มิถุนายน 1987 อายุ 35 ปี
เล่นในตำแหน่ง MB
บ้านเกิด Guantanamo Cuba
Robertlandy Simón ตำแหน่งกองหน้าที่ดีที่สุดในทีมชาติในช่วงปี 2005 และ 2010 ทำให้เขาเป็นซุปตาร์ และเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก
ผู้เล่นชาวคิวบา ที่รัฐบาลของเขาไม่ส่งเสริม โชคดีที่มีแฟนวอลเลย์บอลชาวยุโรปที่สามารถเห็นการพัฒนาของเขา และเราได้มีโอกาสสัมภาษณ์ Robertlandy Simón
Q ทำไมคุณไม่ชอบให้สัมภาษณ์?
Simon “ผมไม่เก่งในเรื่องของการสัมภาษณ์ แต่ถ้าผมต้องทำ ผมก็จะทำ บางครั้งพวกเขาบังคับผมโดยทีม(สโมสร) แต่เดี๋ยวก่อน ยังไงสุดท้ายผมก็ต้องให้สัมภาษณ์อยู่ดี”
Q คุณยังคงมี ความกระหายที่จะชนะใช่ไหม?
Simon “ผมคิดว่าเป็นผลจากการเติบโตขึ้นมาในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ชีวิตของผมไม่เคยง่ายเลย และเหนือสิ่งอื่นใด ผมทุ่มเทตลอดเวลาที่ทำได้เพื่อวอลเลย์บอล สิ่งเดียวที่ผมคิดเกี่ยวกับมันคือ การช่วยเหลือครอบครัว”
“การได้เห็นพวกเขาทำงานทำให้ผมมีแรงจูงใจที่จะก้าวไปข้างหน้าและคว้าชัยชนะต่อไป ความหิวมาในบุคลิกของแต่ละคน ดู Yoandy Leal และ Wilfredo León สิ ที่พวกเขาต้องการชัยชนะเสมอ เมื่อคุณปรับตัวเข้ากับชัยชนะ คุณต้องการชนะมากขึ้น และมุ่งมั่นชนะเสมอ”
Q คุณเป็นลูกชายของผู้เล่นบาสเก็ตบอลคิวบา คุณมาเล่นวอลเลย์บอลได้อย่างไร?
Simon “Alberto Zabala ต้องการพาผมไปเล่นบาสเก็ตบอล แต่เมื่อผมปรากฏตัวที่ EIDE เขาไม่อยู่ที่นั่นแล้ว และมีบางคนในวงการวอลเล่ย์บอลให้ผมเข้าร่วมกับพวกเขาและผมก็เริ่มแม้ว่าผมจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกีฬาชนิดนี้เลย”
“จากนั้นผมก็ไม่เปลี่ยนไปเล่นบาสเก็ตบอล ผมอยู่ในกลุ่มวอลเล่ย์บอลนี้แข็งแกร่งขึ้น และผมไม่อยากเปลี่ยน ผมเข้า EIDE เมื่ออายุ 12 ขวบ ในกลุ่มไม่มีใครรู้เรื่องวอลเลย์บอลเลย ในตอนแรกทุกอย่างติดกับกำแพงโดยไม่มีลูกบอลและออกกำลังกาย ต่อมาเราเริ่มปีที่สองด้วยเทคนิค ผมรู้วิธีเล่นบาสเก็ตบอล แต่ไม่ใช่วอลเลย์บอล มันเป็นสิ่งใหม่สำหรับผม”
Q คุณมาติดทีมชาติตั้งแต่ยังเด็ก สำหรับคุณแล้วเป็นอย่างไร?
Simon “เป็นอะไรที่น่าตกใจมาก ผมเข้าไปเกือบคนเดียวในทีมที่ทุกคนเป็นดารา ซุปตาร์ การเปลี่ยนจากเยาวชนเป็นระดับชาติเป็นเรื่องยาก ผมสงสัยว่าผมมาทำอะไรที่นี่? ตอนแรกผมไม่รู้ว่าผมจะไปอยู่ที่นั่นได้จริงหรือไม่เมื่อเห็น Pavel Pimienta, Dominico, Juantorena”
“ผมเริ่มรับเงินแปดเหรียญต่อเดือน หลังจากเหรียญทองแดงในชิงแชมป์โลกปี 2005 ผมได้รับ 50 ดอลลาร์ แต่นั่นยังไม่พอ คุณต้องออกไปเล่นต่างประเทศ มันเป็นเรื่องของการอยู่รอด”
“ในเวลานั้น หลายคนออกไปอย่างถูกกฎหมาย เช่น Oriol Camejo “
“ในสมัยนั้นมีการพูดคุยกันถึงเหตุผลที่ออกจากคิวบา เพราะประเทศคิวบาไม่ได้จ่ายเงินรางวัลให้ ความฝันของนักวอลเลย์บอลทุกคนคือการได้เล่นในอิตาลี “
Q คุณทำอะไรในช่วงสองปีนั้นในคิวบา?
Simon “เล่นบอลข้างถนน. ผมรักษารูปร่างไว้ได้เพราะไม่สามารถเข้าไปในสถานที่เล่นกีฬาได้”
“สิ่งที่ไม่ดีคือคนที่ถามว่าทำไมคุณถึงจากไป พวกเขาแสดงความคิดเห็นกับผมว่า: "มีคนบอกว่าคุณมาพักร้อนเหรอ”
ผมตอบกลับไปว่า “พักร้อนอะไร ผมไปบ้านของผม(ที่คิวบา) และผมยังอาศัยอยู่บนถนนเหมือนกับชาวคิวบาคนอื่นๆ และทำในสิ่งที่ผมเคยทำปกติ”
“แต่เมื่อผมเริ่มก่อร่างสร้างตัว และทุกคนต้องการขายของแพงให้ เพราะคิดว่าผมมีเงิน”
“เมื่อผมออกไปซื้อของในตลาด หรือร้านขายของชำ หากสินค้าตัวนั่น ราคา 10 พวกเขาจะขายให้ผม 20”
“สิ่งที่ผมทำคือส่งคนอื่นๆ ไปซื้อของแทน และพวกเขาซื้อมันใน 10 อะไรทำนองนั้น ปูนซีเมนต์หนึ่งถุงในตอนนั้นคือ 100 ถ้าผมไปซื้อ พวกเขาจะขายให้ผม 200 หรือ 300” นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในคิวบากับผม
“ผมค่อยๆทำทีละเล็กทีละน้อยจนในที่สุด ก็สร้างบ้านให้ครอบครัวเสร็จ”
Q คุณก้าวกระโดดไปสู่วอลเลย์บอลอาชีพได้อย่างไร และคุณทำอะไรกับเงินเดือนแรกของคุณ?
Simon “เงินเดือนแรกของผมนั้นคือ 7,000 ยูโร มันหายแวบในพริบตา ผมซื้อทุกอย่าง ผมคิดว่ามันอยู่ได้ไม่ถึงสัปดาห์ด้วยซ้ำ ผมคิดว่ามันเกิดขึ้นที่คิวบาทั้งหมด สิ่งแรกที่ผมซื้อคือคอมพิวเตอร์ ผมซื้อเรื่องไร้สาระมามากมายเช่นกัน สิ่งแรกที่เข้ามาในความคิด โทรทัศน์ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำ เมื่อผมดูเงินในบัญชี เหลือ 1,000 เปโซ ผมคิดว่าประสบการณ์นี้เป็นแบบนั้น แล้วใครๆ ก็เรียนรู้ ไม่ว่าในกรณีใด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมีเงิน เพราะในคิวบา ผมได้รับเงินรางวัล 15% ของสิ่งที่พวกเขาให้คุณจากการชนะ ดังนั้นในท้ายที่สุด พวกเขาจ่ายเงินให้ผมประมาณ 27,000 เปโซ ครั้งนั้นแม่ของผมอยู่ที่นั่นและเธอช่วยผมให้ใจเย็นขึ้นเล็กน้อย แต่ผมอยู่คนเดียวที่นั่น ผมเอาเงินไปซื้อของใช้ ผมขาดของหลายอย่างในบ้าน และซื้อทุกอย่าง”
“เมื่ออยู่ตปท การฝึกครั้งแรกนั้นสั้น ผมเริ่มต้นฝึกกับทีม ปรากฎว่าหลังจากผ่านไปสองนาทีผมก็พูดว่า ¨แล้วทำอะไรต่อ” ทุกคนมองมาที่ผมและหัวเราะ สำหรับพวกเขา คิดว่าฝึกหนักแล้ว แต่สำหรับผม รู้สึกว่าเราแทบไม่ได้ฝึกฝนอะไรเลย ที่คิวบาเราฝึกซ้อมกัน 3 ชม แต่ที่นี่ใน 20 นาที ทุกอย่างจบลงแล้ว”
Q การสูญเสียแม่ของคุณในขณะที่คุณอยู่ตปทเป็นอย่างไร?
Simon “อารมณ์ส่วนนั้นซับซ้อนเพราะผมกำลังฝึกที่บราซิล ในขณะนั้นป้าของผมโทรหาผมถามว่า กำลังทำอะไร? ผมบอกเธอว่ากำลังวอร์มอัพ แล้วป้าก็บอกผมว่า "แม่เพิ่งตาย"
“ณ ขณะนั้น ผมคิดว่าผมจะทำอย่างไรดี ผมเป็นคนค่อนข้างหัวโบราณ เย็นชา ในแง่ของการรับข่าวอย่างหนัก ผมมักจะพยายามคิดว่าจะต้องทำอย่างไร พยายามบอกตัวเองใจเย็นๆ ครับ ทุกข์ ไหม ใช่ แต่ไม่ได้แสดงออกให้คนนอกเห็น ผมเจ็บปวด หลังจากนั้นผมโทรหาโค้ชและบอกเขาว่าแม่ของผมเพิ่งเสียชีวิตและผมกำลังจะไปคิวบา ผมต้องการซื้อตั๋วกลับบ้าน”
“ลีล (เลอัล) โทรหาผม เขาบอกว่าจะขับรถมารับและพาผมไปส่งสนามบิน ผมน้ำตาไหล แล้วผมก็ขึ้นเครื่องบิน เมื่อมาถึงคิวบา ทุกคนต่างพากันร้องไห้ ผมทนไม่ไหว ความเข้มแข็งได้ถูกทำลายไปแล้ว ผมต้องเป็นคนเข้มแข็งคนหนึ่งจึงจะสามารถปลอบโยนครอบครัวได้เล็กน้อย ผมไม่สามารถเห็นแม่ของผมได้อีกแล้ว มันน่าตกใจและทุกข์ทรมานใจมาก”
“สิ่งที่เธอบอกผมเสมอคือ "ให้ดูแลน้องชายเมื่อแม่ตายแล้ว" ผมบอกเธอว่า ไม่ต้องกังวล ผมจะเป็นผู้ปกครองให้น้องชายเอง
Q ใครคือเพื่อนร่วมงานที่สุดของคุณในสนาม?
Simon “ในแต่ละทีมมีนักตบที่สุดยอด ทุกคนเป็นผู้เล่นชั้นนำ แต่ก็ใช่ว่าจะเข้ากันได้กับทุกคน บางคนก็เก็บตัว บางคนมีครอบคร้ว ในห้องแต่งตัวทุกคนสงบ ผมเข้ากันได้กับทุกคน เราคุยกันเล็กน้อย เพราะทุกคนในทีมมีเป้าหมายเดียวกัน”
“ผมมีความสนิทสนมกันเล็กน้อยกับ บรูโน่ พวกเราเป็นคนเปิดเผย บางครั้งก็คุยทะลึ่ง เฮฮา เราชอบดนตรี แต่ชาวอิตาลีจะเงียบ แต่พวกเขาก็เป็นคนดีเหมือนคนเกาหลี”
ความทะเยอทะยาน ความแข็งแกร่งทางร่างกายและศีลธรรม วิญญาณแห่งการเสียสละ ความทุกข์ . การดู การเล่น ของ Robertlandy Simonเป็นการรวมอารมณ์ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ Simon เป็นตัวแทนของประเทศ ที่มาจากคิวบา
Simon “เรื่องราวของผมเป็นเรื่องยาวและซับซ้อน วัยเด็กของผมไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมชาติหลายคน ชีวิตของผมได้รับการเสียสละ แต่ก็ไม่มากไปกว่าชีวิตคนอื่นมากมาย ผมมาจากประเทศที่ความยากจนทำให้ต้องมีความปรารถนาที่จะไถ่ตัวเองออกมา และมีความกล้าที่จะไม่ยอมแพ้และมีพลังที่จะยิ้มอยู่เสมอเพราะนี่คือชีวิต "
Q เราขอถามคุณได้ไหมว่าอะไรสำคัญกับคุณในชีวิต?
Simon “ครอบครัว ผมอยากให้พวกเขาสงบสุขจริง ๆ การที่ผมสามารถช่วยทำให้พวกเขารู้สึกสงบสุขได้ มันเป็นสิ่งที่ผมคิดถึงมากที่สุดเมื่อเทียบกับต้นกำเนิดและวัยเด็กของผมที่ใช้ไปในคิวบา ”
Q จากปีเหล่านั้นคุณกล่าวถึงความยากจน ความสัมพันธ์ของคุณกับเงินตอนนี้เป็นอย่างไร?
Simon “เงินเป็นหลักประกัน ช่วยให้คุณเป็นประโยชน์กับผู้อื่น บางทีอาจให้ความมั่นคงและความสงบ ความพอใจสูงสุดในอาชีพการงานของผมคือการได้ช่วยครอบครัวของตัวเอง เมื่อมีเงินที่สามารถซื้อของได้ คุณต้องการที่จะอยู่อย่างสงบสุขมากขึ้นอย่างแน่นอน "
Q วิถีชีวิตดังกล่าวทำให้คุณไปที่ Piacenza ก่อนจากนั้นจึงไปที่ Civitanova?
Simon “อิตาลีต้อนรับผมเสมอและในอิตาลีผมได้รับรางวัลมากมาย และมันก็เป็นความพอใจอย่างยิ่ง ผมรู้สึกรัก รักใน Civitanova ที่นั่นคือครอบครัว เราเป็นทีมที่เคารพซึ่งกันและกัน แต่เราก็มีความเป็นหนึ่งเดียวกันมาก เราใช้เวลาร่วมกันมากมายแม้นอกสนาม ”
Q บอกเราเกี่ยวกับความลับของ Civitanova กับผู้เล่นคิวบาด้วยกัน ?
“ การเป็นทีม ผม Osmany และ Leal เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่ทุกคนมีน้ำหนักและหน้าที่รับผิดชอบ คุณไม่ชนะเพราะพวกเราสามคน แต่คุณชนะด้วยกลุ่มยูไนเต็ด เรานำความคิดแบบละตินมาไว้ในห้องล็อกเกอร์ที่คล้ายกับห้องอิตาลีมาก เราชอบที่จะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มและสามารถพึ่งพากันได้ "
Q ห้าฤดูกาลในอิตาลี บอกเพื่อนร่วมทีมและคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่คุณพบระหว่างทาง?
Simon “มีมากมาย เพื่อนร่วมทีมที่ทิ้งร่องรอยไว้กับผมคือบรูโน่อย่างแน่นอน แข็งแกร่งมาก หวงแหนมาก เขาเป็นคนที่รู้สึกเหมือนอยู่ในห้องแต่งตัว เกี่ยวกับฝ่ายตรงข้ามผมจะพูดหลาย ๆ อย่างตั้งแต่ Anderson ถึง Juantorena ผู้เล่นแบบนี้ดีกว่าเสมอที่จะให้พวกเขาอยู่ในสนามเดียวกัน ”
Q คุณสามารถจินตนาการถึงอนาคตเป็นอย่างไร?
Simon “สำหรับตอนนี้ผมยังคงอยู่ในอิตาลีอย่างแน่นอน เราจะเห็น ใน Civitanova ผมสบายดีและมีกิจกรรมที่ต้องทำนอกเหนือจากวอลเลย์บอล เมื่อผมหยุดเล่น ผมไม่รู้เลย บางทีผมอาจเป็นครูฝึกทีมเด็กผู้ชาย หรือธุรกิจส่วนตัวอะไรสักอย่าง หรือทั้งสองอย่าง นั่นคือสิ่งที่คิด".
สำหรับตอนนี้ สิ่งสำคัญคือการชนะด้วย กับทีม Civitanova นั้นเสมอ
ข้อมูลเพิ่มเติม
พ่อแม่ของเขาเป็นนักบาสเก็ตบอล
เขามาจากครอบครัวฐานะยากจนในคิวบา อาชีพครอบครัว คือ ขายข้าว น้ำตาล
ไปเล่นลีกต่างประเทศ ห่างจากครอบครัวตั้งแต่อายุ 23 ปี รู้สึกเหงามาก ช่วงแรกทุกข์ทรมานกับการปรับตัว อากาศ อาหาร ภาษา และผู้คน เขาต้องอดทนและเข้มแข็ง สักพักก็เริ่มชินและปรับตัวได้
เขาพูดภาษาอิตาลีไม่คล่อง แต่สามารถพูดและสื่อสาร ภาษาสเปนได้
เคยไปเล่นลีกที่ประเทศเกาหลีใต้ และชื่นชมคนเกาหลีว่านิสัยดี
มีมิตรภาพที่ดี และสนิทกับ Luciano Decco มือเซตจากทีมอาเจนติน่า เวลาว่างจะนั่งดื่มเบียร์และคุยกัน และเล่นเกมส์ Play Station บาสเก็ตบอลด้วยกันประจำ
เนื่องจากเขาไม่รู้ภาษาอิตาลี ในเกม กับเพื่อนร่วมทีม เขาจะใช้สัญลักษณ์แทนการสื่อสาร เช่น หัว จมูก หน้าอก สอง หนึ่ง
ได้รับการติดต่อจากสโมสรในรัสเซีย เขาปฏิเสธเพราะไม่ชอบอากาศหนาว และชอบอืตาลีมากกว่า
เคยไปเล่นลีกที่กาตาร์เป็นเวลา 1 เดือน เล่าว่า ที่นั่นเงียบสงบ ส่วนใหญ่อยู่แต่ในโรงแรม ทานอาหารไม่ได้ ไม่อนุญาติให้ดื่มแอลกอฮอล์ ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ เขาน้ำหนักลง 6 กกเพราะไม่สามารถปรับตัวกับอาหารได้
ต่างจากบราซิล อาหารการกินหลากหลาย มีเนื้อสัตว์นับล้านชนิด เข้ากับคนบราซิลได้ง่าย ผู้คนเป็นมิตร Fc ใจดี
เขาจะเข้าร่วมทีม Shahdab สโมสรชิงแชมป์เอเชีย
Robertlandy Simón ดาวตบตัวเก่งจากคิวบา
เกิด 11 มิถุนายน 1987 อายุ 35 ปี
เล่นในตำแหน่ง MB
บ้านเกิด Guantanamo Cuba
Robertlandy Simón ตำแหน่งกองหน้าที่ดีที่สุดในทีมชาติในช่วงปี 2005 และ 2010 ทำให้เขาเป็นซุปตาร์ และเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก
ผู้เล่นชาวคิวบา ที่รัฐบาลของเขาไม่ส่งเสริม โชคดีที่มีแฟนวอลเลย์บอลชาวยุโรปที่สามารถเห็นการพัฒนาของเขา และเราได้มีโอกาสสัมภาษณ์ Robertlandy Simón
Q ทำไมคุณไม่ชอบให้สัมภาษณ์?
Simon “ผมไม่เก่งในเรื่องของการสัมภาษณ์ แต่ถ้าผมต้องทำ ผมก็จะทำ บางครั้งพวกเขาบังคับผมโดยทีม(สโมสร) แต่เดี๋ยวก่อน ยังไงสุดท้ายผมก็ต้องให้สัมภาษณ์อยู่ดี”
Q คุณยังคงมี ความกระหายที่จะชนะใช่ไหม?
Simon “ผมคิดว่าเป็นผลจากการเติบโตขึ้นมาในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ชีวิตของผมไม่เคยง่ายเลย และเหนือสิ่งอื่นใด ผมทุ่มเทตลอดเวลาที่ทำได้เพื่อวอลเลย์บอล สิ่งเดียวที่ผมคิดเกี่ยวกับมันคือ การช่วยเหลือครอบครัว”
“การได้เห็นพวกเขาทำงานทำให้ผมมีแรงจูงใจที่จะก้าวไปข้างหน้าและคว้าชัยชนะต่อไป ความหิวมาในบุคลิกของแต่ละคน ดู Yoandy Leal และ Wilfredo León สิ ที่พวกเขาต้องการชัยชนะเสมอ เมื่อคุณปรับตัวเข้ากับชัยชนะ คุณต้องการชนะมากขึ้น และมุ่งมั่นชนะเสมอ”
Q คุณเป็นลูกชายของผู้เล่นบาสเก็ตบอลคิวบา คุณมาเล่นวอลเลย์บอลได้อย่างไร?
Simon “Alberto Zabala ต้องการพาผมไปเล่นบาสเก็ตบอล แต่เมื่อผมปรากฏตัวที่ EIDE เขาไม่อยู่ที่นั่นแล้ว และมีบางคนในวงการวอลเล่ย์บอลให้ผมเข้าร่วมกับพวกเขาและผมก็เริ่มแม้ว่าผมจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกีฬาชนิดนี้เลย”
“จากนั้นผมก็ไม่เปลี่ยนไปเล่นบาสเก็ตบอล ผมอยู่ในกลุ่มวอลเล่ย์บอลนี้แข็งแกร่งขึ้น และผมไม่อยากเปลี่ยน ผมเข้า EIDE เมื่ออายุ 12 ขวบ ในกลุ่มไม่มีใครรู้เรื่องวอลเลย์บอลเลย ในตอนแรกทุกอย่างติดกับกำแพงโดยไม่มีลูกบอลและออกกำลังกาย ต่อมาเราเริ่มปีที่สองด้วยเทคนิค ผมรู้วิธีเล่นบาสเก็ตบอล แต่ไม่ใช่วอลเลย์บอล มันเป็นสิ่งใหม่สำหรับผม”
Q คุณมาติดทีมชาติตั้งแต่ยังเด็ก สำหรับคุณแล้วเป็นอย่างไร?
Simon “เป็นอะไรที่น่าตกใจมาก ผมเข้าไปเกือบคนเดียวในทีมที่ทุกคนเป็นดารา ซุปตาร์ การเปลี่ยนจากเยาวชนเป็นระดับชาติเป็นเรื่องยาก ผมสงสัยว่าผมมาทำอะไรที่นี่? ตอนแรกผมไม่รู้ว่าผมจะไปอยู่ที่นั่นได้จริงหรือไม่เมื่อเห็น Pavel Pimienta, Dominico, Juantorena”
“ผมเริ่มรับเงินแปดเหรียญต่อเดือน หลังจากเหรียญทองแดงในชิงแชมป์โลกปี 2005 ผมได้รับ 50 ดอลลาร์ แต่นั่นยังไม่พอ คุณต้องออกไปเล่นต่างประเทศ มันเป็นเรื่องของการอยู่รอด”
“ในเวลานั้น หลายคนออกไปอย่างถูกกฎหมาย เช่น Oriol Camejo “
“ในสมัยนั้นมีการพูดคุยกันถึงเหตุผลที่ออกจากคิวบา เพราะประเทศคิวบาไม่ได้จ่ายเงินรางวัลให้ ความฝันของนักวอลเลย์บอลทุกคนคือการได้เล่นในอิตาลี “
Q คุณทำอะไรในช่วงสองปีนั้นในคิวบา?
Simon “เล่นบอลข้างถนน. ผมรักษารูปร่างไว้ได้เพราะไม่สามารถเข้าไปในสถานที่เล่นกีฬาได้”
“สิ่งที่ไม่ดีคือคนที่ถามว่าทำไมคุณถึงจากไป พวกเขาแสดงความคิดเห็นกับผมว่า: "มีคนบอกว่าคุณมาพักร้อนเหรอ”
ผมตอบกลับไปว่า “พักร้อนอะไร ผมไปบ้านของผม(ที่คิวบา) และผมยังอาศัยอยู่บนถนนเหมือนกับชาวคิวบาคนอื่นๆ และทำในสิ่งที่ผมเคยทำปกติ”
“แต่เมื่อผมเริ่มก่อร่างสร้างตัว และทุกคนต้องการขายของแพงให้ เพราะคิดว่าผมมีเงิน”
“เมื่อผมออกไปซื้อของในตลาด หรือร้านขายของชำ หากสินค้าตัวนั่น ราคา 10 พวกเขาจะขายให้ผม 20”
“สิ่งที่ผมทำคือส่งคนอื่นๆ ไปซื้อของแทน และพวกเขาซื้อมันใน 10 อะไรทำนองนั้น ปูนซีเมนต์หนึ่งถุงในตอนนั้นคือ 100 ถ้าผมไปซื้อ พวกเขาจะขายให้ผม 200 หรือ 300” นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในคิวบากับผม
“ผมค่อยๆทำทีละเล็กทีละน้อยจนในที่สุด ก็สร้างบ้านให้ครอบครัวเสร็จ”
Q คุณก้าวกระโดดไปสู่วอลเลย์บอลอาชีพได้อย่างไร และคุณทำอะไรกับเงินเดือนแรกของคุณ?
Simon “เงินเดือนแรกของผมนั้นคือ 7,000 ยูโร มันหายแวบในพริบตา ผมซื้อทุกอย่าง ผมคิดว่ามันอยู่ได้ไม่ถึงสัปดาห์ด้วยซ้ำ ผมคิดว่ามันเกิดขึ้นที่คิวบาทั้งหมด สิ่งแรกที่ผมซื้อคือคอมพิวเตอร์ ผมซื้อเรื่องไร้สาระมามากมายเช่นกัน สิ่งแรกที่เข้ามาในความคิด โทรทัศน์ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำ เมื่อผมดูเงินในบัญชี เหลือ 1,000 เปโซ ผมคิดว่าประสบการณ์นี้เป็นแบบนั้น แล้วใครๆ ก็เรียนรู้ ไม่ว่าในกรณีใด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมีเงิน เพราะในคิวบา ผมได้รับเงินรางวัล 15% ของสิ่งที่พวกเขาให้คุณจากการชนะ ดังนั้นในท้ายที่สุด พวกเขาจ่ายเงินให้ผมประมาณ 27,000 เปโซ ครั้งนั้นแม่ของผมอยู่ที่นั่นและเธอช่วยผมให้ใจเย็นขึ้นเล็กน้อย แต่ผมอยู่คนเดียวที่นั่น ผมเอาเงินไปซื้อของใช้ ผมขาดของหลายอย่างในบ้าน และซื้อทุกอย่าง”
“เมื่ออยู่ตปท การฝึกครั้งแรกนั้นสั้น ผมเริ่มต้นฝึกกับทีม ปรากฎว่าหลังจากผ่านไปสองนาทีผมก็พูดว่า ¨แล้วทำอะไรต่อ” ทุกคนมองมาที่ผมและหัวเราะ สำหรับพวกเขา คิดว่าฝึกหนักแล้ว แต่สำหรับผม รู้สึกว่าเราแทบไม่ได้ฝึกฝนอะไรเลย ที่คิวบาเราฝึกซ้อมกัน 3 ชม แต่ที่นี่ใน 20 นาที ทุกอย่างจบลงแล้ว”
Q การสูญเสียแม่ของคุณในขณะที่คุณอยู่ตปทเป็นอย่างไร?
Simon “อารมณ์ส่วนนั้นซับซ้อนเพราะผมกำลังฝึกที่บราซิล ในขณะนั้นป้าของผมโทรหาผมถามว่า กำลังทำอะไร? ผมบอกเธอว่ากำลังวอร์มอัพ แล้วป้าก็บอกผมว่า "แม่เพิ่งตาย"
“ณ ขณะนั้น ผมคิดว่าผมจะทำอย่างไรดี ผมเป็นคนค่อนข้างหัวโบราณ เย็นชา ในแง่ของการรับข่าวอย่างหนัก ผมมักจะพยายามคิดว่าจะต้องทำอย่างไร พยายามบอกตัวเองใจเย็นๆ ครับ ทุกข์ ไหม ใช่ แต่ไม่ได้แสดงออกให้คนนอกเห็น ผมเจ็บปวด หลังจากนั้นผมโทรหาโค้ชและบอกเขาว่าแม่ของผมเพิ่งเสียชีวิตและผมกำลังจะไปคิวบา ผมต้องการซื้อตั๋วกลับบ้าน”
“ลีล (เลอัล) โทรหาผม เขาบอกว่าจะขับรถมารับและพาผมไปส่งสนามบิน ผมน้ำตาไหล แล้วผมก็ขึ้นเครื่องบิน เมื่อมาถึงคิวบา ทุกคนต่างพากันร้องไห้ ผมทนไม่ไหว ความเข้มแข็งได้ถูกทำลายไปแล้ว ผมต้องเป็นคนเข้มแข็งคนหนึ่งจึงจะสามารถปลอบโยนครอบครัวได้เล็กน้อย ผมไม่สามารถเห็นแม่ของผมได้อีกแล้ว มันน่าตกใจและทุกข์ทรมานใจมาก”
“สิ่งที่เธอบอกผมเสมอคือ "ให้ดูแลน้องชายเมื่อแม่ตายแล้ว" ผมบอกเธอว่า ไม่ต้องกังวล ผมจะเป็นผู้ปกครองให้น้องชายเอง
Q ใครคือเพื่อนร่วมงานที่สุดของคุณในสนาม?
Simon “ในแต่ละทีมมีนักตบที่สุดยอด ทุกคนเป็นผู้เล่นชั้นนำ แต่ก็ใช่ว่าจะเข้ากันได้กับทุกคน บางคนก็เก็บตัว บางคนมีครอบคร้ว ในห้องแต่งตัวทุกคนสงบ ผมเข้ากันได้กับทุกคน เราคุยกันเล็กน้อย เพราะทุกคนในทีมมีเป้าหมายเดียวกัน”
“ผมมีความสนิทสนมกันเล็กน้อยกับ บรูโน่ พวกเราเป็นคนเปิดเผย บางครั้งก็คุยทะลึ่ง เฮฮา เราชอบดนตรี แต่ชาวอิตาลีจะเงียบ แต่พวกเขาก็เป็นคนดีเหมือนคนเกาหลี”
ความทะเยอทะยาน ความแข็งแกร่งทางร่างกายและศีลธรรม วิญญาณแห่งการเสียสละ ความทุกข์ . การดู การเล่น ของ Robertlandy Simonเป็นการรวมอารมณ์ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ Simon เป็นตัวแทนของประเทศ ที่มาจากคิวบา
Simon “เรื่องราวของผมเป็นเรื่องยาวและซับซ้อน วัยเด็กของผมไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมชาติหลายคน ชีวิตของผมได้รับการเสียสละ แต่ก็ไม่มากไปกว่าชีวิตคนอื่นมากมาย ผมมาจากประเทศที่ความยากจนทำให้ต้องมีความปรารถนาที่จะไถ่ตัวเองออกมา และมีความกล้าที่จะไม่ยอมแพ้และมีพลังที่จะยิ้มอยู่เสมอเพราะนี่คือชีวิต "
Q เราขอถามคุณได้ไหมว่าอะไรสำคัญกับคุณในชีวิต?
Simon “ครอบครัว ผมอยากให้พวกเขาสงบสุขจริง ๆ การที่ผมสามารถช่วยทำให้พวกเขารู้สึกสงบสุขได้ มันเป็นสิ่งที่ผมคิดถึงมากที่สุดเมื่อเทียบกับต้นกำเนิดและวัยเด็กของผมที่ใช้ไปในคิวบา ”
Q จากปีเหล่านั้นคุณกล่าวถึงความยากจน ความสัมพันธ์ของคุณกับเงินตอนนี้เป็นอย่างไร?
Simon “เงินเป็นหลักประกัน ช่วยให้คุณเป็นประโยชน์กับผู้อื่น บางทีอาจให้ความมั่นคงและความสงบ ความพอใจสูงสุดในอาชีพการงานของผมคือการได้ช่วยครอบครัวของตัวเอง เมื่อมีเงินที่สามารถซื้อของได้ คุณต้องการที่จะอยู่อย่างสงบสุขมากขึ้นอย่างแน่นอน "
Q วิถีชีวิตดังกล่าวทำให้คุณไปที่ Piacenza ก่อนจากนั้นจึงไปที่ Civitanova?
Simon “อิตาลีต้อนรับผมเสมอและในอิตาลีผมได้รับรางวัลมากมาย และมันก็เป็นความพอใจอย่างยิ่ง ผมรู้สึกรัก รักใน Civitanova ที่นั่นคือครอบครัว เราเป็นทีมที่เคารพซึ่งกันและกัน แต่เราก็มีความเป็นหนึ่งเดียวกันมาก เราใช้เวลาร่วมกันมากมายแม้นอกสนาม ”
Q บอกเราเกี่ยวกับความลับของ Civitanova กับผู้เล่นคิวบาด้วยกัน ?
“ การเป็นทีม ผม Osmany และ Leal เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่ทุกคนมีน้ำหนักและหน้าที่รับผิดชอบ คุณไม่ชนะเพราะพวกเราสามคน แต่คุณชนะด้วยกลุ่มยูไนเต็ด เรานำความคิดแบบละตินมาไว้ในห้องล็อกเกอร์ที่คล้ายกับห้องอิตาลีมาก เราชอบที่จะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มและสามารถพึ่งพากันได้ "
Q ห้าฤดูกาลในอิตาลี บอกเพื่อนร่วมทีมและคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่คุณพบระหว่างทาง?
Simon “มีมากมาย เพื่อนร่วมทีมที่ทิ้งร่องรอยไว้กับผมคือบรูโน่อย่างแน่นอน แข็งแกร่งมาก หวงแหนมาก เขาเป็นคนที่รู้สึกเหมือนอยู่ในห้องแต่งตัว เกี่ยวกับฝ่ายตรงข้ามผมจะพูดหลาย ๆ อย่างตั้งแต่ Anderson ถึง Juantorena ผู้เล่นแบบนี้ดีกว่าเสมอที่จะให้พวกเขาอยู่ในสนามเดียวกัน ”
Q คุณสามารถจินตนาการถึงอนาคตเป็นอย่างไร?
Simon “สำหรับตอนนี้ผมยังคงอยู่ในอิตาลีอย่างแน่นอน เราจะเห็น ใน Civitanova ผมสบายดีและมีกิจกรรมที่ต้องทำนอกเหนือจากวอลเลย์บอล เมื่อผมหยุดเล่น ผมไม่รู้เลย บางทีผมอาจเป็นครูฝึกทีมเด็กผู้ชาย หรือธุรกิจส่วนตัวอะไรสักอย่าง หรือทั้งสองอย่าง นั่นคือสิ่งที่คิด".
สำหรับตอนนี้ สิ่งสำคัญคือการชนะด้วย กับทีม Civitanova นั้นเสมอ
ข้อมูลเพิ่มเติม
พ่อแม่ของเขาเป็นนักบาสเก็ตบอล
เขามาจากครอบครัวฐานะยากจนในคิวบา อาชีพครอบครัว คือ ขายข้าว น้ำตาล
ไปเล่นลีกต่างประเทศ ห่างจากครอบครัวตั้งแต่อายุ 23 ปี รู้สึกเหงามาก ช่วงแรกทุกข์ทรมานกับการปรับตัว อากาศ อาหาร ภาษา และผู้คน เขาต้องอดทนและเข้มแข็ง สักพักก็เริ่มชินและปรับตัวได้
เขาพูดภาษาอิตาลีไม่คล่อง แต่สามารถพูดและสื่อสาร ภาษาสเปนได้
เคยไปเล่นลีกที่ประเทศเกาหลีใต้ และชื่นชมคนเกาหลีว่านิสัยดี
มีมิตรภาพที่ดี และสนิทกับ Luciano Decco มือเซตจากทีมอาเจนติน่า เวลาว่างจะนั่งดื่มเบียร์และคุยกัน และเล่นเกมส์ Play Station บาสเก็ตบอลด้วยกันประจำ
เนื่องจากเขาไม่รู้ภาษาอิตาลี ในเกม กับเพื่อนร่วมทีม เขาจะใช้สัญลักษณ์แทนการสื่อสาร เช่น หัว จมูก หน้าอก สอง หนึ่ง
ได้รับการติดต่อจากสโมสรในรัสเซีย เขาปฏิเสธเพราะไม่ชอบอากาศหนาว และชอบอืตาลีมากกว่า
เคยไปเล่นลีกที่กาตาร์เป็นเวลา 1 เดือน เล่าว่า ที่นั่นเงียบสงบ ส่วนใหญ่อยู่แต่ในโรงแรม ทานอาหารไม่ได้ ไม่อนุญาติให้ดื่มแอลกอฮอล์ ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ เขาน้ำหนักลง 6 กกเพราะไม่สามารถปรับตัวกับอาหารได้
ต่างจากบราซิล อาหารการกินหลากหลาย มีเนื้อสัตว์นับล้านชนิด เข้ากับคนบราซิลได้ง่าย ผู้คนเป็นมิตร Fc ใจดี
เขาจะเข้าร่วมทีม Shahdab สโมสรชิงแชมป์เอเชีย