คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม 2565
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558918355726493
จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 9 พ.ค. 2565)
รวม 134,791,823 โดส ใน 77 จังหวัด
ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 9 พฤษภาคม 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 56,582 โดส
เข็มที่ 1 : 5,085 ราย
เข็มที่ 2 : 18,352 ราย
เข็มที่ 3 : 33,145 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 56,417,597 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 51,676,317 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 26,697,909 ราย
แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558835119068150
สธ.ประกาศลดระดับเตือนภัย “โควิด” จาก 4 เหลือ 3
ต้องป้องกันตนเองและฉีดวัคซีนต่อเนื่อง
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด 19 ประเทศไทย ว่า ขณะนี้สถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง สอดคล้องกับทั่วโลก ประชาชนให้ความร่วมมืออย่างดี ทำให้หลังสงกรานต์สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี ไม่มีการระบาดใหญ่ตามมา ดังนั้น ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโควิด 19 เห็นชอบประกาศลดระดับการเตือนภัยโควิดจากระดับ 4 เหลือระดับ 3 ทั่วประเทศ คำแนะนำคือ กรณีการไปในสถานที่เสี่ยง ให้ทุกคนงดเข้าสถานบันเทิง เลี่ยงเข้าสถานที่ปิด มีการระบายอากาศไม่ดี และสถานที่แออัด ส่วนการร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก การเดินทางข้ามพื้นที่/ข้ามจังหวัด และการเดินทางเข้า-ออกประเทศ หากเป็นคนทั่วไปสามารถดำเนินการได้ แต่ให้หลีกเลี่ยงเดินทางไปประเทศที่มีการระบาด สำหรับกลุ่มเสี่ยง 608 คือ ผู้สุงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ 3 เข็ม ให้เลี่ยงร่วมกิจกรรมรวมกลุ่มจำนวนมาก เลี่ยงโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท และงดเดินทางไปต่างประเทศ ถือเป็นข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขไม่เกี่ยวกับมาตรการบังคับ
ทั้งนี้ ความร่วมมือของประชาชนและวัคซีนเข็มกระตุ้นมีความสำคัญมาก โดยกระทรวงสาธารณสุขมีวัคซีนทุกชนิดไปที่ รพ.สต.สามารถวอล์กอินไปฉีดได้ ส่วน กทม.ก็จัดหน่วยบริการประชาชน ทั้งแบบลงทะเบียนล่วงหน้าและวอล์กอินเช่นกัน ย้ำว่าหากฉีดครบ 2 เข็ม 3 เดือนให้มารับเข็ม 3 และ 3 เข็ม ครบ 4 เดือนให้มารับเข็ม 4 เพื่อช่วยกันเดินหน้าเข้าสู่โรคประจำถิ่นต่อไป
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558826275735701
สธ.เฝ้าระวัง 3 สายพันธุ์ย่อย “Omicron” ยืนยันไม่พบสายพันธุ์อื่นในไทย
ย้ำ !! วัคซีนช่วยเสริมภูมิตามธรรมชาติ ลดเสี่ยงติดเชื้อ
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้โควิด 19 ในประเทศไทยเป็นสายพันธุ์โอมิครอน 100% จากการตรวจเฝ้าระวังช่วงวันที่ 30 เมษายน - 6 พฤษภาคม 2565 จำนวน 747 ราย พบเป็นโอมิครอนทั้งหมด ไม่พบสายพันธุ์อื่นๆ โดยสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนเป็น BA.2 ถึง 97.6% ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกมีการเฝ้าระวัง 3 สายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน คือ BA.4 , BA.5 ซึ่งส่วนใหญ่พบในแถบแอฟริกาใต้และยุโรปบางประเทศ และ BA.2.12.1 ส่วนใหญ่พบในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีข้อสังเกตว่าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาลมากขึ้น หรืออาจจะรุนแรงขึ้น
ประเทศไทยมีการเฝ้าระวังทั้ง 3 สายพันธุ์นี้ โดยให้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 15 แห่ง ตรวจเฝ้าระวัง เน้นกลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และผู้ป่วยอาการหนัก โดยใช้วิธีการตรวจเฉพาะจุดหรือ SNP เนื่องจากตำแหน่งเฉพาะของแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกัน ซึ่งประเทศไทยพบเพียง BA.5 จำนวน 1 ราย เป็นคนบราซิล ขณะนี้รักษาหายกลับบ้านแล้ว ดังนั้น การฉีดวัคซีนด้วยจะดีกว่าการติดเชื้อโดยธรรมชาติ และวัคซีนยังช่วยป้องกันได้ทุกสายพันธุ์
สำหรับสายพันธุ์ลูกผสมหรือไฮบริดที่ประเทศไทยส่งตัวอย่างไปยังฐานข้อมูลกลางโลก GISAID ยังไม่พบว่าเข้าได้กับสายพันธุ์ลูกผสมตัวใด ต้องรอ GISAID วิเคราะห์ว่าใช่หรือไม่ ทั้งนี้ สายพันธุ์ลูกผสมในไทยไม่น่ากังวล เพราะสายพันธุ์เดลตาหายไปเกือบหมด จึงไม่น่าจะเกิดไฮบริด ยกเว้นสายพันธุ์ลูกผสมที่พบจะมีการขยายพันธุ์
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558844019067260
แจ้งเตือน สถานการณ์โควิดในประเทศไทย ระดับ 3
ประชาชนทั่วไป
- งดเข้าสถานบันเทิง
- เลี่ยงเข้าสถานที่ปิด/แออัด
- เลี่ยงไปประเทศที่มีการระบาด
กลุ่ม 608/ผู้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์
- เลี่ยงกิจกรรมรวมกลุ่มจำนวนมาก
- เลี่ยงโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท
- งดเดินทางไปต่างประเทศ
- ผู้ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ เข้าประเทศผ่านระบบกักตัว
** สวมหน้ากากอนามัย 100% และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558900232394972
เปิดเทอมใหม่ ห่างไกลโควิด
เตรียมตัวให้พร้อมเมื่อเปิดเรียน Onsite
ที่มา : กรมการแพทย์
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558911342393861
รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม 2565 จำนวน 53 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558919659059696
มาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 สำหรับพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว และพื้นที่เฝ้าระวังสูง
https://web.facebook.com/permalink.php?story_fbid=314615724150758&id=100068069971811
กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เห็นชอบการประกาศลดระดับเตือนภัยโควิด-19 จากระดับ 4 เหลือระดับ 3 ทั่วประเทศ เนื่องจากสถานการณ์ภาพรวมในประเทศมีแนวโน้มลดลงชัดเจน เช่นเดียวกับทั่วโลกที่มีการลดระดับลง
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/317243663923172
กรมการแพทย์ แนะ ผู้ปกครอง เตรียมพร้อมให้เด็กกลับไปเรียนแบบ On-Site
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรงเรียนในหลายๆ พื้นที่จะทำการเปิดเรียนแบบ On site ในปีการศึกษา 1/2565 นี้ เด็กต้องเปลี่ยนการดำเนินชีวิตจากการเรียน Online กับผู้ปกครองที่บ้านที่มีความยืดหยุ่นเป็นเวลานาน ต้องกลับมาตื่นเช้าเพื่อไปโรงเรียน อีกทั้งยังมีการแพร่ระบาดของโควิด19 ผู้ปกครองจึงควรช่วยลูกเตรียมความพร้อมก่อนออกจากบ้าน โดยสวมหน้ากากอนามัย แนะให้ล้างมือสม่ำเสมอ เตรียมอุปกรณ์การเรียนและของใช้ส่วนตัวเพื่อจะได้ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น และควรพาบุตรหลานไปรับวัคซีนโควิด 19 ก่อนไปโรงเรียน ตามคำแนะนำของแพทย์
ด้านนายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด19 ส่งผลกระทบต่อเด็ก ทั้งสุขภาพกายและสังคม พ่อแม่จึงต้องเตรียมความพร้อมให้ลูกไปโรงเรียนอย่างตระหนัก แต่ไม่ตระหนก โดยหลัก Universal Prevention ป้องกันตัวเองขั้นสุดตลอดเวลา แต่ธรรมชาติของเด็กเวลาเล่นอาจมีการสัมผัสใกล้ชิดกัน โดยเฉพาะเด็กเล็กมีความระวังตัวน้อย
ดังนั้นผู้ปกครองควรสังเกตอาการเด็กด้วย หากเด็กมีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก ควรให้หยุดเรียนทันที เพื่อลดความเสี่ยงในการรับเชื้อโรคเพิ่มขึ้น และลดการแพร่กระจายเชื้อ ทางโรงเรียนเองก็ต้องเคร่งครัดมาตรการสาธารณสุขเพื่อลดความเสี่ยงโควิดในโรงเรียน
เน้นย้ำให้นักเรียนสวมหน้ากากอนามัย และการรักษาระยะห่าง คัดกรองวัดไข้ ก่อนเข้าโรงเรียน ลดการแออัด และความสะอาดในโรงเรียน การล้างมือหลังสัมผัสปุ่มสัมผัส ลูกบิดประตู และรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ และสำรวจตรวจสอบตนเองจะช่วยให้เด็กไปโรงเรียนอย่างมีความสุข และปลอดภัยห่างไกลโรคโควิด19
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/366903012138709
ต้องการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบเร่งด่วน มาทางนี้เลย
สถาบันพยาธิวิทยา กรมแพทย์ทหารบก ถ. ราชวิถี ให้บริการตรวจหาเชื้อโควิดแบบเร่งด่วน ( ATK)
สำหรับประชาชนทั่วไปพร้อมออกใบรับรองผลและแสดงผลเข้าระบบหมอพร้อม
ตรวจโดยนักเทคนิคการแพทย์และใช้ชุดตรวจพรีเมียมระดับใช้ในโรงพยาบาล ออกผลไม่เกิน 30 นาที
สนใจติดต่อ 02 3547579 , 02 7633258 ในวันเวลาราชการ หรือจองคิวผ่าน QR code
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/366954028800274
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม 2565
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558918355726493
จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 9 พ.ค. 2565)
รวม 134,791,823 โดส ใน 77 จังหวัด
ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 9 พฤษภาคม 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 56,582 โดส
เข็มที่ 1 : 5,085 ราย
เข็มที่ 2 : 18,352 ราย
เข็มที่ 3 : 33,145 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 56,417,597 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 51,676,317 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 26,697,909 ราย
แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558835119068150
สธ.ประกาศลดระดับเตือนภัย “โควิด” จาก 4 เหลือ 3
ต้องป้องกันตนเองและฉีดวัคซีนต่อเนื่อง
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด 19 ประเทศไทย ว่า ขณะนี้สถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง สอดคล้องกับทั่วโลก ประชาชนให้ความร่วมมืออย่างดี ทำให้หลังสงกรานต์สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี ไม่มีการระบาดใหญ่ตามมา ดังนั้น ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโควิด 19 เห็นชอบประกาศลดระดับการเตือนภัยโควิดจากระดับ 4 เหลือระดับ 3 ทั่วประเทศ คำแนะนำคือ กรณีการไปในสถานที่เสี่ยง ให้ทุกคนงดเข้าสถานบันเทิง เลี่ยงเข้าสถานที่ปิด มีการระบายอากาศไม่ดี และสถานที่แออัด ส่วนการร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก การเดินทางข้ามพื้นที่/ข้ามจังหวัด และการเดินทางเข้า-ออกประเทศ หากเป็นคนทั่วไปสามารถดำเนินการได้ แต่ให้หลีกเลี่ยงเดินทางไปประเทศที่มีการระบาด สำหรับกลุ่มเสี่ยง 608 คือ ผู้สุงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ 3 เข็ม ให้เลี่ยงร่วมกิจกรรมรวมกลุ่มจำนวนมาก เลี่ยงโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท และงดเดินทางไปต่างประเทศ ถือเป็นข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขไม่เกี่ยวกับมาตรการบังคับ
ทั้งนี้ ความร่วมมือของประชาชนและวัคซีนเข็มกระตุ้นมีความสำคัญมาก โดยกระทรวงสาธารณสุขมีวัคซีนทุกชนิดไปที่ รพ.สต.สามารถวอล์กอินไปฉีดได้ ส่วน กทม.ก็จัดหน่วยบริการประชาชน ทั้งแบบลงทะเบียนล่วงหน้าและวอล์กอินเช่นกัน ย้ำว่าหากฉีดครบ 2 เข็ม 3 เดือนให้มารับเข็ม 3 และ 3 เข็ม ครบ 4 เดือนให้มารับเข็ม 4 เพื่อช่วยกันเดินหน้าเข้าสู่โรคประจำถิ่นต่อไป
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558826275735701
สธ.เฝ้าระวัง 3 สายพันธุ์ย่อย “Omicron” ยืนยันไม่พบสายพันธุ์อื่นในไทย
ย้ำ !! วัคซีนช่วยเสริมภูมิตามธรรมชาติ ลดเสี่ยงติดเชื้อ
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้โควิด 19 ในประเทศไทยเป็นสายพันธุ์โอมิครอน 100% จากการตรวจเฝ้าระวังช่วงวันที่ 30 เมษายน - 6 พฤษภาคม 2565 จำนวน 747 ราย พบเป็นโอมิครอนทั้งหมด ไม่พบสายพันธุ์อื่นๆ โดยสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนเป็น BA.2 ถึง 97.6% ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกมีการเฝ้าระวัง 3 สายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน คือ BA.4 , BA.5 ซึ่งส่วนใหญ่พบในแถบแอฟริกาใต้และยุโรปบางประเทศ และ BA.2.12.1 ส่วนใหญ่พบในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีข้อสังเกตว่าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาลมากขึ้น หรืออาจจะรุนแรงขึ้น
ประเทศไทยมีการเฝ้าระวังทั้ง 3 สายพันธุ์นี้ โดยให้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 15 แห่ง ตรวจเฝ้าระวัง เน้นกลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และผู้ป่วยอาการหนัก โดยใช้วิธีการตรวจเฉพาะจุดหรือ SNP เนื่องจากตำแหน่งเฉพาะของแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกัน ซึ่งประเทศไทยพบเพียง BA.5 จำนวน 1 ราย เป็นคนบราซิล ขณะนี้รักษาหายกลับบ้านแล้ว ดังนั้น การฉีดวัคซีนด้วยจะดีกว่าการติดเชื้อโดยธรรมชาติ และวัคซีนยังช่วยป้องกันได้ทุกสายพันธุ์
สำหรับสายพันธุ์ลูกผสมหรือไฮบริดที่ประเทศไทยส่งตัวอย่างไปยังฐานข้อมูลกลางโลก GISAID ยังไม่พบว่าเข้าได้กับสายพันธุ์ลูกผสมตัวใด ต้องรอ GISAID วิเคราะห์ว่าใช่หรือไม่ ทั้งนี้ สายพันธุ์ลูกผสมในไทยไม่น่ากังวล เพราะสายพันธุ์เดลตาหายไปเกือบหมด จึงไม่น่าจะเกิดไฮบริด ยกเว้นสายพันธุ์ลูกผสมที่พบจะมีการขยายพันธุ์
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558844019067260
แจ้งเตือน สถานการณ์โควิดในประเทศไทย ระดับ 3
ประชาชนทั่วไป
- งดเข้าสถานบันเทิง
- เลี่ยงเข้าสถานที่ปิด/แออัด
- เลี่ยงไปประเทศที่มีการระบาด
กลุ่ม 608/ผู้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์
- เลี่ยงกิจกรรมรวมกลุ่มจำนวนมาก
- เลี่ยงโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท
- งดเดินทางไปต่างประเทศ
- ผู้ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ เข้าประเทศผ่านระบบกักตัว
** สวมหน้ากากอนามัย 100% และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558900232394972
เปิดเทอมใหม่ ห่างไกลโควิด
เตรียมตัวให้พร้อมเมื่อเปิดเรียน Onsite
ที่มา : กรมการแพทย์
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558911342393861
รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม 2565 จำนวน 53 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/558919659059696
มาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 สำหรับพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว และพื้นที่เฝ้าระวังสูง
https://web.facebook.com/permalink.php?story_fbid=314615724150758&id=100068069971811
กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เห็นชอบการประกาศลดระดับเตือนภัยโควิด-19 จากระดับ 4 เหลือระดับ 3 ทั่วประเทศ เนื่องจากสถานการณ์ภาพรวมในประเทศมีแนวโน้มลดลงชัดเจน เช่นเดียวกับทั่วโลกที่มีการลดระดับลง
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/317243663923172
กรมการแพทย์ แนะ ผู้ปกครอง เตรียมพร้อมให้เด็กกลับไปเรียนแบบ On-Site
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรงเรียนในหลายๆ พื้นที่จะทำการเปิดเรียนแบบ On site ในปีการศึกษา 1/2565 นี้ เด็กต้องเปลี่ยนการดำเนินชีวิตจากการเรียน Online กับผู้ปกครองที่บ้านที่มีความยืดหยุ่นเป็นเวลานาน ต้องกลับมาตื่นเช้าเพื่อไปโรงเรียน อีกทั้งยังมีการแพร่ระบาดของโควิด19 ผู้ปกครองจึงควรช่วยลูกเตรียมความพร้อมก่อนออกจากบ้าน โดยสวมหน้ากากอนามัย แนะให้ล้างมือสม่ำเสมอ เตรียมอุปกรณ์การเรียนและของใช้ส่วนตัวเพื่อจะได้ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น และควรพาบุตรหลานไปรับวัคซีนโควิด 19 ก่อนไปโรงเรียน ตามคำแนะนำของแพทย์
ด้านนายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด19 ส่งผลกระทบต่อเด็ก ทั้งสุขภาพกายและสังคม พ่อแม่จึงต้องเตรียมความพร้อมให้ลูกไปโรงเรียนอย่างตระหนัก แต่ไม่ตระหนก โดยหลัก Universal Prevention ป้องกันตัวเองขั้นสุดตลอดเวลา แต่ธรรมชาติของเด็กเวลาเล่นอาจมีการสัมผัสใกล้ชิดกัน โดยเฉพาะเด็กเล็กมีความระวังตัวน้อย
ดังนั้นผู้ปกครองควรสังเกตอาการเด็กด้วย หากเด็กมีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก ควรให้หยุดเรียนทันที เพื่อลดความเสี่ยงในการรับเชื้อโรคเพิ่มขึ้น และลดการแพร่กระจายเชื้อ ทางโรงเรียนเองก็ต้องเคร่งครัดมาตรการสาธารณสุขเพื่อลดความเสี่ยงโควิดในโรงเรียน
เน้นย้ำให้นักเรียนสวมหน้ากากอนามัย และการรักษาระยะห่าง คัดกรองวัดไข้ ก่อนเข้าโรงเรียน ลดการแออัด และความสะอาดในโรงเรียน การล้างมือหลังสัมผัสปุ่มสัมผัส ลูกบิดประตู และรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ และสำรวจตรวจสอบตนเองจะช่วยให้เด็กไปโรงเรียนอย่างมีความสุข และปลอดภัยห่างไกลโรคโควิด19
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/366903012138709
ต้องการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบเร่งด่วน มาทางนี้เลย
สถาบันพยาธิวิทยา กรมแพทย์ทหารบก ถ. ราชวิถี ให้บริการตรวจหาเชื้อโควิดแบบเร่งด่วน ( ATK)
สำหรับประชาชนทั่วไปพร้อมออกใบรับรองผลและแสดงผลเข้าระบบหมอพร้อม
ตรวจโดยนักเทคนิคการแพทย์และใช้ชุดตรวจพรีเมียมระดับใช้ในโรงพยาบาล ออกผลไม่เกิน 30 นาที
สนใจติดต่อ 02 3547579 , 02 7633258 ในวันเวลาราชการ หรือจองคิวผ่าน QR code
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/366954028800274
แสดงความคิดเห็น
🇹🇭มาลาริน💗10พ.ค.ไทยไม่ติดTop10โลก/ป่วย6,230คน หายป่วย11,132คน ตาย53คน/นายกฯ แนะจว.ทำแผนเดินหน้าสู่โรคประจำถิ่น
ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อในรอบ 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 6,230 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 4 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 53 คน ผู้ป่วยยืนยันสะสมระลอกมกราคม 2,114,133 ราย ยอดสะสมตั้งแต่เริ่มระบาด 4,337,568 ราย เสียชีวิตรวม 29,196 คน
วันนี้ (10 พ.ค.) เมื่อเวลา 07.30 น. ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมของประเทศไทยประจำวันที่ 10 พฤษภาคม 2565 ดังนี้...👇
พบจํานวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ เพิ่มขึ้น 6,230 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,226 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 4 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 53 คน ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 7,498 คน ตั้งแต่ 1 มกราคม - 9 พฤษภาคม 2565 มีผู้ป่วยสะสม 2,114,133 ราย
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,481 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 19 ราย
อัตราครองเตียง ร้อยละ 18.5
ผู้ติดเชื้อสะสมนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดเมื่อต้นปี 2563 มีจำนวน 4,337,568 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 29,196 คน ทำให้ประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลก
ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานเพิ่มเติมว่า ยอดผู้หายป่วยจากโควิด-19 ในประเทศ ผู้หายป่วยรายใหม่วันนี้ 11,132 ราย ผู้หายป่วยสะสม 2,059,876 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม - 9 พฤษภาคม 2565) หายป่วยสะสมนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดเมื่อต้นปี 2563 มีจำนวน 4,228,370 ราย ผู้ติดเชื้อที่อยู่ระหว่างการรักษาตัว 80,002 ราย
https://mgronline.com/qol/detail/9650000044148
https://www.nationtv.tv/news/378872500
นายกฯ แนะจังหวัดทำแผนเดินหน้าโควิดสู่โรคประจำถิ่น
โฆษกรัฐบาลเผย นายกรัฐมนตรี แนะจังหวัด จัดทำแผนปฏิบัติการเตรียมพร้อมไวรัสโควิด-19 สู่โรคประจำถิ่นหลัง สธ. ประกาศลดระดับเตือนภัย “โควิด” จากระดับ 4 เหลือระดับ 3 ทั่วประเทศ วันนี้ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 6,230 ราย
เมื่อวันที่ 10 พค.65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เสนอแนะทุกจังหวัดจัดทำแผนปฏิบัติการเตรียมพร้อมเข้าสู่ระยะโรคประจำถิ่น ภายหลัง ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโควิด-19 เห็นชอบประกาศลดระดับการเตือนภัยโควิดจากระดับ 4 เหลือระดับ 3 ทั่วประเทศ สอดคล้องสถานการณ์โลก รวมถึงสถานการณ์ของผู้ติดเชื้อปอดอักเสบ ใส่เครื่องหายใจ และผู้เสียชีวิตในประเทศ มีแนวโน้มที่ลดลง ทำให้ขณะนี้มีจังหวัดที่เข้าสู่ระยะทรงตัว (Plateau) แล้ว 23 จังหวัด และจังหวัดที่สถานการณ์ดีขึ้นอยู่ในระยะขาลง (Declining) 54 จังหวัด ทั้งนี้ เพื่อการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐ และประชาชน ให้ช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ดำเนินต่อไปได้ โดยเน้นให้ประชาชนทุกคน ต้องปฏิบัติตาม มาตรการ 2U คือ Universal Prevention ป้องกันตนเองครอบจักรวาล ใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง และ Universal Vaccination อย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยกันเดินหน้าเข้าสู่โรคประจำถิ่นต่อไป
https://www.posttoday.com/social/general/682626
ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ
สถานการณ์ดีขึ้นต่อเนื่อง
เตรียมพร้อมเป็นโรคประจำถิ่นในไม่ช้านี้ค่ะ