เรื่องเกิดเมื่อวันที่ 09/05/65 ญาติขับรถกลับบ้านผ่านเส้นทาง เขาทราย พิจิตร พบด่านใหญ่ โบกเรียกให้คนขับลงจากรถและให้ไปตรวจฉี่ในป้อม ซึ่งยังมีคนบนรถอีก 3 คน คนที่ด่านบอกไม่ต้องลงจากรถ  และญาติคือคนขับก็อายุ 50 กว่าเป็นผู้ชาย ชาวไร่ ชาวสวน ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ และก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะไม่ผิดอยู่แล้ว เลยยอมไปตรวจตามปกติ และก่อนเข้าป้อมนั้นไม่ให้นำมือถือเข้าไป ซึ่งญาติที่ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ก็ไม่ได้เอะใจอะไร หลังจากวางมือถือแล้วก็เข้าไปในป้อม คนในป้อมให้อุปกรณ์เพื่อไปฉี่ พอฉี่เสร็จออกมา คนในป้อมแจ้งว่าฉี่ไม่พอ เลยให้ดื่มน้ำที่เค้าเตรียมไว้ให้ ก็ดื่มไป และคนในป้อมให้อุปกรณ์เพื่อไปฉี่ " อันใหม่ " ญาติก็ไปฉี่ตามปกติ พอออกมา คนในป้อมได้นำฉี่เดิมที่มีน้อย ผสมกับฉี่ใหม่ซึ่งเยอะพออยู่แล้ว นำไปตรวจเพื่อหาสารเสพติด ปรากฎว่าเป็นสีม่วง ซึ่งเรื่องนี้เค้าก็ยืนยันว่าไม่เคยเสพยาแน่นอน บุหรี่เค้ายังไม่สูบเลย คนในป้อมแจ้งว่ามีหลายสาเหตุอาจจะเข้าไปในชุมชนและเดินชนควันที่คนอื่นเสพเลยทำให้พบฉี่ม่วง หลังจากนั้นก็เข้าทาง ทางคนในป้อมเรียก 20,000 เพื่อจบปัญหาตรงนี้ ก่อนที่จะไปถึงป้อมใหญ่ ทางญาติด้วยความกลัวก็ไม่รู่ตาสีตาสา ไปรวบรวมเงินในรถ ซึ่งได้ต่อรองอีกทีในภายหลังมาให้เค้า โดยใส่ไว้ในตู้เย็น หลังจากใส่เงินเรียบร้อยแล้ว คนในป้อมให้ลูกน้องเช็คมือถือทุกคนว่ามีการอัดเสียง ถ่ายวีดีโอไว้ไม๊ก่อนจะปล่อยกลับบ้านไป บอกก่อนเลยว่าเงินหลักหมื่นที่พวกคุณเอาไปจากชาวไร่ชาวสวน ด้วยเศรษฐกิจแบบนี้ คุณยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ปล.หลักฐานยังมีถ้าคนในป้อมมาอ่านบอกเลยว่าถ้ายังไม่ติกต่อมาเรื่องถึงเพจดังแน่นอน
-- เรื่องนี้ท่านๆคิดเห็นอย่างไรกับขั้นตอนการทำงานแบบนี้ครับ--